งูขาวชูคอมองตามร่างเด็กหนุ่มที่อยู่ด้วยกันมาหลายวัน แม้จะดูมีเลือดฝาดมากขึ้นกว่าครั้งแรกที่เจอกันแต่ก็ยังนับว่าผอมยิ่งนักเทียบกับสัตว์ที่จับมาเป็นอาหารยังไม่ได้เลย ดูท่าต้องขุนให้มากกว่านี้จึงจะมีเรี่ยวแรงมากขึ้น
เด็กหนุ่มเวลานอนก็คุ้ดคู้เหมือนกระรอกหรือแมวขดตัวนอนหนาวยามค่ำคืนเพราะเสื้อผ้าที่ดูบางและเก่าขัดตาเป็นอย่างมาก เจ้าหนุ่มนี่ไม่เคยเปลี่ยนชุด มันเองก็พึ่งจะคิดได้
“ไม่มีเสื้อผ้าก็ไม่บอก”
ผ้าห่มหนาและอุ่นคลุมร่างของเสี่ยวอี้ เสื้อผ้าชุดใหม่วางไว้ด้านข้างชุดสีฟ้าขลิบน้ำเงินผ้าหนาเนื้อละเอียดเหมาะกับอากาศในป่าเขานี่ยิ่งนัก
“เสื้อผ้า ของข้าหรือขอรับ”
“อืม เสื้อผ้าเจ้าเก่าเกินไปแล้ว สกปรก”
เด็กหนุ่มอุทานเมื่อตื่นขึ้นมา นอกจากมีผ้าห่มแล้ว ยังมีเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ดูดีกว่าชุดของตนรู้ทันทีว่าท่านมังกรยักษ์น่าจะไม่ถูกใจชุดที่เขาใส่จนต้องเสกของใหม่มาให้แน่นอน จึงรีบหยิบมาสวมใส่แล้วเดินขึ้นมาบริเวณที่มังกรนอนขดอยู่
“ขอบคุณท่านไป๋ สำหรับชุดใหม่”
“จากนี้ไปเสื้อผ้าของเจ้าต้องไม่ยาจกจนเกินไป ไม่เหมาะกับคนติดตามข้า เสื้อผ้าเจ้าต้องดูดีขึ้นผู้อื่นจะว่าได้ว่าข้าใจดำ ตัวเจ้าเองก็ผอมจนเกินไปจากนี้ก็ต้องกินให้มากๆ”
“ข้าจะพยายามขอรับ ตั้งแต่เล็กที่บ้านยากจนอาหารก็กินได้ไม่มากเพราะข้าสงสารท่านแม่ จากนี้ไปข้าจะตั้งใจกินให้มากขึ้นขอรับ”
“ดี แล้วก็ร่างกายของเจ้าไม่ค่อยแข็งแรงนัก ทำให้เวลาเจอคนไม่ดีต้องถึงมือข้า ดังนั้นจากนี้ไปเจ้าต้องฝึกฝนร่างกายทุกวัน เอานี่รับไป"
ปุ๊ ตำราเล่มหนึ่งตกลงมาเบื้องหน้าเด็กหนุ่มเขาคว้าไม่ทันมันจึงหล่นอยู่ที่พื้น เขาสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของอีกฝ่ายที่แผ่ออกมา
“ท่านอย่าพึ่งโกรธ ไม่ใช่ข้าไม่อยากรับ แต่รับไม่ทันมือไม้ข้าไม่คล่องแคล่วเท่าใดนักท่านก็เห็น”
“งั้นจากนี้ไปเจ้าก็ฝึกฝนให้มาก ทุกวันต้องฝึกข้าจะค่อยดู”
“ได้ ได้ขอรับ”
ให้เขาติดตามเขาก็มา ให้เขากินเขาก็ต้องกิน ให้เขาฝึกฝนก็ต้องฝึกฝน เดิมที่คิดเพียงว่าเพื่อเอาตัวรอดไม่ต้องถูกอีกฝ่ายกินเข้าไปเท่านั้น
แต่พอนานวันเข้ากลับรู้สึกได้ว่านี่เป็นสิ่งที่ดี มันคือสิ่งที่เป็นตัวตนของเขา ตื่นแต่เช้าขึ้นมาวิ่ง กระโดด ย่อ วาดมือวาดขาตามท่าที่วาดอยู่ในตำรา เขาคิดว่าการออกกำลังกายแบบนี้ทำให้ร่างกายแข็งแรงจึงตั้งใจทำอย่างเต็มที แต่สิ่งที่ทำอยู่คือการฝึกวรยุทธ์อีกสิ่งที่เขาไม่รู้คือวิชาที่เขาฝึกล้ำค่า ตำราเล่มนี้ถ้าปรากฏขึ้นผู้คนอาจจะแย่งชิงกันจนทำให้เขาตกใจทีเดียว
“เจ้าทำผิด”
“โอ๊ย ขอรับผิดขอรับ ข้าจะทำใหม่หยุดตีเถอะขอรับ เจ็บๆ โอ๊ย”
หากทำผิดก็จะมีไม้เรียวไล่ตีเขาไปมาจนเนื้อตัวลายพร้อยหรือจนกว่าเขาจะขอโทษจนเป็นที่พอใจ ระยะเวลาผ่านไปเพียงสองสามเดือนรูปร่างของเขาดูจะแข็งแรงขึ้นมากดูมีเนื้อมีหนังและความสูงก็เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เขาดีใจยิ่งนัก
เขาโชคดีที่ได้มังกรตนนี้ที่ทั้งหยิ่งยะโสทั้งโอหัง ถือดีว่าเป็นมังกรมีฤทธิ์มีเดชมากมาย ไม่เกรงกลัวใครทั้งสิ้น ต้องการเก็บชีวิตของเขาไว้เป็นผู้ติดตามยามออกมาท่องเที่ยว อีกฝ่ายบอกว่าเบื่อเมื่อใดก็จะกลับไปจำศีล เมื่อนั้นเขาก็จะเป็นอิสระทันที นี่คือคำสัญญาของมังกร มันจะไม่กิน ไม่ฆ่าเขาแน่นอน
“เหม่อ! เหม่ออะไร ยังไม่รีบฝึกอีก ไม่ได้เรื่องได้ราวเลยจริงๆหลายปีหลายเดือนแล้ว ดูเจ้าทำเข้าท่าทางยังอัปลักษณ์เช่นนี้อีก แขนน่ะเหยียดให้สุดต้องตรง ข้าบอกให้ตรงไง เจ้ามองภาพในตำรามากี่ครั้งแล้วฮะ ยังอีก”
“โอ๊ย ข้าทำๆ ท่านอย่าตี ข้าจำได้แล้วแค่ยังไม่สวยเท่านั้น อย่าตีอีก ข้าทำใหม่ๆ เหยียดสุด แขนตรงแบบนี้ แบบนี้ถูกต้องไหม”
“เอาใหม่ ฝึกอีก”
“แน่จริงก็เอาหางอ้วนๆ ของท่านจับไม้เรียวตีข้าสิ อย่าใช้เวทย์มนต์แบบนี้ มันขี้โกง”
“เจ้าเด็กบ้า เจ้าว่าใครขี้โกงกันฮะ ดูสิวันนี้ข้าจะตีเจ้าจนลายเป็นม้าลายเลยค่อยดู”
“อย่าๆ ข้าล้อเล่น ข้าฝึกต่อแล้ว”
ตาเขามองไม้เรียวที่ลอยไปลอยมาฉวัดเฉวียนฟาดตามตัวเขาแม้จะเอี้ยวตัวหลบไปทางใดมันยังคงลอยตามมาตีจนเขาแสบตามเนื้อตัวไปหมด
นี่คือช่วงเวลาในแต่ละวันของข้าที่ผ่านมา เป็นอยู่และก็คงเป็นเช่นนี้ในอนาคต สองปีมานี้เขาและท่านไป๋ท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ เวลานี้เนื้อตัวเขาดูดีกว่าก่อนมากนักไม่ได้ผอมกระหร่องแต่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดส่วนสูงก็เพิ่มมากขึ้นใบหน้าเขาคิดว่าตัวเองดูดีถึงไม่มีกระจกให้ส่องแต่เขามองภาพสะท้อนจากน้ำเอาน่ะ
มีความสุขมากแม้จะมิได้เจอมนุษย์อีกเลย หลังจากพบนายพรานสองคนนั้น
วันเวลาผ่านไปอย่างสงบสุขจนกระทั่งวันหนึ่ง จู่ๆงูขาวก็ขยายร่างกลับมาเป็นมังกรยักษ์ตัวเท่าเดิม เงยหน้ามองไปทางทิศตะวันออกก่อนจะพึมพำเป็นภาษาบางอย่างที่เขาฟังไม่เข้าใจ จนกระทั่งเสียงนั้นสิ้นสุดลง มังกรก็ก้มลงมามองเด็กหนุ่มที่ยามนี้เติบโตขึ้นมากจนกลายเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลา
“ข้ามีเรื่องบางเรื่องต้องไปทำ เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่”
มือที่กำลังหมุนไม้ย่างหยุดลง เงยหน้ามองตามเงาร่างมังกรที่ลอยขึ้นฟ้าจนลับตาไป ตั้งแต่เขากลายเป็นผู้ติดตามนี่เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายไปไกลโดยไม่ได้นำเขาให้ติดตามไปด้วย แต่เมื่อสั่งให้อยู่รอเขาก็ต้องรอมังกรขาว(ท่านไป๋)
ยามนี้กลายเป็นผู้ปกครองของเขากลายๆ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดเขามักยึดหลักต้องซักถามความเห็นของอีกฝ่ายก่อนเสมอ การกินอยู่และการฝึกฝนร่างกายจนเดี๋ยวนี้ระดับฝีมือเขาท่านไป๋เพียงพยักหน้าว่าพอใช้ได้ ยังต้องฝึกอีกมากขาดความเฉียบขาด ความว่องไว และการตัดสินใจที่ชักช้าจะนำพาภัยมาให้ตนเองได้ ชายหนุ่มคิดไปเรื่อยเปื่อยระหว่างที่เตรียมอาหารสำหรับมื้อนี้
ครึ่งชั่วยามผ่านไป อาหารที่ย่างไว้ก็เริ่มเย็นชืดแต่มังกรจอมบ่นยังไม่กลับมา ชายหนุ่มนั่งมองไปทางทิศที่มังกรอย่างลอยจากไปอย่างรอคอย จนฟ้ามืดลงเขาก็เห็นงูขาวที่คุ้นตาค่อยๆเลื้อยเข้ามาอย่างช้าๆ
“อาหารเย็นชืดหมดแล้ว ข้าจะอุ่นให้ใหม่”
“ไม่ต้อง ข้ากินได้ เจ้าพักผ่อนเถอะ”
“เสี่ยวอี้ เจ้าติดตามข้ามานาน ตอนนี้เจ้าก็โตเป็นหนุ่มแล้วสมควรจะแยกจากข้าไปเริ่มชีวิตของตนได้แล้ว ข้าเองก็ถึงเวลาต้องเลิกท่องเที่ยวเสียที”
“ท่านจะกลับไปจำศีลแล้วหรือขอรับ”
“ข้าเองก็ทิ้งภาระหน้าที่มายาวนาน ข้าได้พบกับมังกรตนอื่นๆที่สืบเชื้อสายเดียวกันกับข้า พวกเขาอาศัยอยู่ในสถานที่ห่างไกลที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าไปอาศัยอยู่ได้ ในเวลานี้มีเหตุการณ์ที่ยากลำบากต่อพวกเขา จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากข้า ดังนั้นข้าสมควรที่จะกลับไปรับผิดชอบหน้าที่ของตนเองเสียที เจ้าเองก็ได้รับการถ่ายทอดหลายสิ่งหลายอย่างจากข้าแล้ว คิดว่าเจ้าก็สมควรกลับไปอยู่ร่วมกับพวกมนุษย์เสียที ดังนั้นพวกเราก็สมควรลาจากกันเสียที”
“แต่ข้า ไม่มีครอบครัวไม่มีจุดหมาย ไม่รู้ว่าจะไปที่ใด”
สิ้นเสียงของชายหนุ่มทั้งสองก็เงียบลง พวกเขาอยู่ด้วยกันมานานมังกรเห็นเด็กน้อยเติบโตจนเป็นชายหนุ่มก็มีความรู้สึกผูกพันอย่างบอกไม่ถูก สำหรับช่วงเวลาของชีวิตที่ยาวนานของมัน ชีวิตมนุษย์แสนสั้นเท่าฝุ่นปลิวผ่านตาเท่านั้น หากแยกจากกันครานี้ทั้งสองอาจไม่มีโอกาสได้พบกันอีกเลยก็ได้
“ข้า แซ่ฟ่าน ชื่อหงอี้ ฟ่านหงอี้ ท่านจดจำข้าให้ได้ ข้ากลัวว่าจากกันครั้งนี้คงไม่ได้พบกับท่านอีกแล้ว ท่านต้องจำข้า เสี่ยวอี้ให้ได้นะขอรับ”
“เสี่ยวอี้ ข้าคือ หนิงหลง ไม่ใช่ชื่อที่เจ้าเรียกข้าตามอำเภอใจว่าท่านไป๋”
“ก็ท่านไม่เคยบอกชื่อกับข้านี่ขอรับ”
เสี่ยวอี้รู้สึกน้อยใจตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมาเขาไม่รู้ว่ามังกรขาวมีชื่อว่าอย่างไร จะเรียกว่ามังกรขาวตลอดก็ไม่สะดวกใจจึงเรียกตามสีของร่างกายอีกฝ่าย
“เอาหล่ะๆ อย่าทำหน้าแบบนั้น นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะอยู่ด้วยกันข้าจะให้เจ้าได้เห็นร่างที่แท้จริงของข้าในภาพร่างมนุษย์ ข้าเองดีใจที่ได้รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์มีจิตใจที่ดีงามอยู่เช่นเจ้า”