“นี่แกจะไปอีกแล้วเหรอ ครั้งที่แล้วยังไม่เข็ดใช่ไหม ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ เดี๋ยวก็ซวยขึ้นมาจริงๆ”
“แหม ก็แค่ตอนนั้นฉันพลาดนิดหน่อย แกก็รู้นี่ว่าฉันไม่เคยพลาด สงสัยตอนนั้นมีอีตาบ.ก.โรคจิตอยู่ที่นั่นฉันถึงดวงตก แต่คราวนี้รับรองไม่พลาดแน่ เพราะฉันจะไปร้านอื่น”
มธุรสถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจกับดารวีที่ดื้อและไม่เคยฟังที่เธอเตือนเลยสักนิด ครั้งก่อนถ้าอัศวินมาช่วยไว้ไม่ทัน ป่านนี้เพื่อนของเธอคงเละเป็นโจ๊กไปเรียบร้อยแล้วแน่ๆ เมื่อคุยกันจบสองสาวก็เดินออกจากห้องน้ำของบริษัทมาโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าอัศวินยืนอยู่อีกฝั่งของประตูที่เป็นทางเข้าไปสู่ห้องน้ำชาย ทีแรกเขาคิดว่าจะเดินมาเข้าห้องน้ำหลังจากสุดจะกลั้นจนถึงห้องทำงานได้ แต่พอได้ยินเสียงที่เอ่ยถึงเขา ขายาวถึงกับชะงักลืมสิ่งที่กำลังทุกข์ทนอยู่แล้วยืนเงียบฟังจนจบ ก่อนจะเห็นสองสาวมหาภัยเดินออกมาจากห้องน้ำ
“อีกแล้วเหรอวะ นี่คนทั้งบริษัทเยอะแยะมานินทาแค่คนๆเดียว บ้าบอจริงๆ”
พูดจบก็ถึงเวลาปลดทุกข์ อัศวินเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับคิดหาวิธีแก้เผ็ดสองสาว ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกหาคชาทันที
พอถึงเวลาเลิกงาน สองสาวเพื่อนสนิทก็เดินออกจากบริษัท อีกคนมีสีหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ต่างจากอีกคนที่ต้องจำใจเดินตามไปด้วยสีหน้าอมทุกข์
“ฉันว่าแกเปลี่ยนใจเถอะนะ ฉันรู้สึกว่าวันนี้มันจะต้องมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ”
“ไม่มีทาง ฉันเตรียมทุกอย่างมาพร้อม นี่ดูซะ”
ดารวีบอกออกมาพร้อมกับเปิดกระเป๋าโชว์ของที่อยู่ด้านในซึ่งมีทั้งเครื่องช็อตไฟฟ้าขนาดพกพา สเปรย์พริกไทย คัดเตอร์ เธอเตรียมมาเผื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันอีกทำเอามธุรสถึงกับถอนหายใจออกมาอีกครั้งกับความดื้อรั้นของเพื่อนสาว
“นี่มันผิดกฎหมายทั้งนั้น ก่อนจะได้ใช้จะไม่โดนตำรวจจับก่อนเหรอ แกนี่จริงๆเลย”
มธุรสอดบ่นออกมาอีกครั้งไม่ได้ แต่ดารวีหาสนใจไม่ เธอยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างไม่คิดหยุด เพราะนิยายเรื่องนี้เธอวางทุกอย่างเอาไว้แล้วและคิดว่ามันต้องโด่งดังเพียงแค่วางแผงวันแรกแน่นอน!
“นี่แกเป็นบ้ารึเปล่าวะ พาฉันมาแอบดูยัยเฉิ่มสองคนนี้ทำไม ฉันก็นึกว่าจะพามาดักรอสาวสวยที่ไหน หรือว่าแกประสาทกลับ?”
คชาที่โดนโทรตามให้มาหาตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วกำลังนั่งมองทั้งสองสาวที่ดูเท่าไหร่ก็ไม่เจริญตาอดบ่นออกมาไม่ได้ แต่อัศวินก็ไม่ได้สนใจ เมื่อเขารู้ว่ามันไม่ได้มีแค่สองสาวเฉิ่มอย่างที่เพื่อนเขาพูด วันนี้แหละเขาจะเล่นงานแม่นักเขียนอันดับหนึ่งของบริษัทเขาให้ได้ โทษฐานแข็งข้อและไม่สนใจเขา จากนั้นสองหนุ่มก็ขับรถตามรถคันเล็กสีขาวออกไป ก่อนจะมาหยุดลงที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง
“ปวดขี้เหรอวะ”
“ไอ้นี่ ดื่มอะไรรึเปล่า”
อัศวินถึงกับยกมือขึ้นทำท่าจะตีเพื่อนเมื่อได้ยินที่คชาพูด ก่อนจะถามขึ้น แต่คชาส่ายหน้าปฏิเสธสองหนุ่มจึงได้แต่นั่งรออยู่บนรถโดยมีเสียงบ่นของคชาดังขึ้นไม่ขาดสาย แต่อัศวินไม่ได้สนใจฟังเพราะรู้ดีว่าอีกไม่นานเพื่อนของเขาจะต้องเปลี่ยนจากเสียงบ่นเป็นอย่างอื่นแน่นอน
สองหนุ่มนั่งรออยู่เกือบชั่วโมงก่อนที่จะเห็นมธุรสเดินหอบกระเป๋าผ้าใบใหญ่ออกมาพร้อมกับเปลี่ยนชุดใหม่ที่ค่อนข้างดูดีขึ้น ก่อนที่จะมีร่างสูงเพรียวเดินตามออกมา
“เฮ้ย!! นั่นมันแฟนฉันนี่หว่า! แล้วทำไม....แล้วอีกคน...”
คชามองสาวสวยที่เดินตามหลังมธุรสอย่างสับสนระคนแปลกใจจนไม่รู้จะพูดอะไรก่อน เพราะเขาสับสนไปหมดแล้ว
“หึหึหึ ฉันจับเธอได้แล้ว”
อัศวินเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือถือขึ้นมาถ่ายสองสาวเอาไว้ ก่อนจะรีบขับรถตามออกไปโดยที่ไม่ได้หันมาสนใจคนที่นั่งอยู่ข้างกายที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนักอยู่ในตอนนี้
“เฮ้ย!!! อย่าบอกนะว่ายัยเฉิ่มอีกคนคือ...โอ้แม่เจ้า!!”
เมื่อเรียบเรียงเรื่องราวและความคิดแล้ว คชาถึงกับร้องขึ้นมาเสียงดัง ไม่นึกว่าหญิงสาวเฉิ่มเชยอีกคนจะเป็นคนเดียวกับสาวสวยที่เขาใฝ่ฝันถึงตั้งแต่เจอกันครั้งแรกไปได้
“ทำไมแกไม่บอกฉัน”
“ฉันก็พึ่งรู้ก่อนแกไม่นานหรอกน่า”
คชาหันมามองหน้าเพื่อนอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนอัศวินจะรีบบอกออกมาเพราะไม่อยากให้เพื่อนน้อยใจที่เขาไม่บอก เพราะชายหนุ่มรู้ว่าคชาหมายปองดารวีเอาไว้
“แล้วนี่แกจะตามมาทำไมวะ ทำตัวเหมือนพวกโรคจิต หรือว่าแก...”
“เงียบไปเลย เดี๋ยวก็รู้เองแหละน่า”
จากนั้นสองหนุ่มก็ขับรถตามมาเรื่อยๆจนกระทั่งมาจอดสนิทอยู่หน้าผับที่พึ่งเปิดทำการได้ไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ ก่อนจะมองสองสาวที่กำลังเดินเข้าไปด้านในแล้วลงจากรถเดินตามเข้าไป
“แกจะรีบมาทำไมเนี่ย ดูซิคนยังไม่เยอะเลย”
มธุรสบอกขึ้นก่อนจะมองไปรอบๆผับที่ตอนนี้มีเพียงแค่ไม่กี่สิบคนอยู่ด้านใน
“น้อยๆแบบนี้แหละดี ถ้าเยอะเดี๋ยววุ่นวายอีก”
ดารวีบอกขึ้นก่อนจะเดินหาฐานที่ตั้ง ซึ่งเป็นมุมค่อนข้างที่จะมองเห็นได้ยากไม่ต่างกับสองหนุ่มที่อยู่อีกฟากของสองสาวแต่ไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก
หลังจากได้ที่นั่งทั้งสองโต๊ะก็สั่งเครื่องดื่ม เมื่ออีกโต๊ะรอเวลาทำงานส่วนอีกโต๊ะรอเวลาจับผิด หลายต่อหลายครั้งที่คชาจะเดินไปหาสองสาวเพราะอยากทำความรู้จักดารวีแต่ถูกอัศวินห้ามเอาไว้ เพราะอยากรู้ว่าที่สองสาวมาที่นี่ต้องการจะทำอะไรกันแน่ ดารวีถึงต้องเปลี่ยนองค์ทรงเครื่องขนาดนี้
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยเที่ยงคืน เขาก็เห็นดารวีเดินโยกย้ายออกจากมุมผับ ร่างสวยเย้ายวนทุกสายตาที่มองมาแม้กระทั่งอัศวินกับคชาถึงกับอ้าปากค้างกับความเย้ายวนที่กำลังเคลื่อนที่มากลางผับ ก่อนจะตกตะลึงเมื่อร่างสวยออกสเต็ปเต้นยั่วยวนชายหนุ่มทั้งหลาย
“จะไปไหน”
“อ่าว ก็ออกไปเต้นบ้างสิวะ ดูสิ เธอกำลังเชิญชวนฉันอยู่นะเว้ย!!”
คชาถึงกับหันมาตะโกนใส่เพื่อนอย่างสุดจะทนที่โดนห้ามออกไปครั้งแล้วครั้งเล่าและก็รวมถึงครั้งนี้ ก่อนจะเดินกลับมานั่งลงที่เดิมด้วยความรู้สึกไม่พอใจ
“ฉันให้แกมาเป็นเพื่อน อยู่นี่แหละแล้วเป็นพยานให้ฉัน ฉันอยากรู้ว่าสองสาวนั่นมาทำอะไรกันแน่ถึงต้องเปลี่ยนองค์เปลี่ยนตัวเองขนาดนี้”
“เฮ้อออออออออ”
เสียงถอนหายใจลากยาวอย่างเบื่อหน่ายกับอัศวินแต่ก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้ คชาเลยอดที่จะหันไปมองอีกคนที่มากับดารวีไม่ได้
มธุรสที่นั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ทั้งลุกเดินลุกนั่งกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาคชาถึงกับขมวดคิ้วมุ่นอย่างรู้สึกแปลกใจ
“งั้นฉันไปห้องน้ำแปปนึงนะเว้ย อย่าห้ามด้วยไม่งั้นฉี่ตรงนี้จริงๆด้วย”
คชาหันมาบอกอัศวินก่อนจะรีบพูดดักทางเอาไว้ เมื่อได้รับการพยักหน้าอนุญาตให้เขาจึงรีบเดินออกไปทันที เพราะกลัวว่าจะโดนห้ามอีก แต่ทางที่กำลังเดินไปกลับไม่ใช่จุดหมายที่บอก เมื่อเขากลับเดินไปหาหญิงสาวที่กระสับกระส่ายอยู่ที่โต๊ะคนเดียว
“อะแฮ่ม”
ชายหนุ่มแกล้งกระแอมกระไอเมื่อเดินมาถึงโต๊ะที่มธุรสนั่งอยู่ แต่หญิงสาวกลับไม่ได้ยินและไม่สนใจ เพราะจิตใจเธอตอนนี้เป็นห่วงร่างสูงที่กำลังยั่วยวนโยกย้ายอยู่กลางวงของดารวี
“อะแฮ่ม!! อะแฮ่ม!! อะแฮ่ม!!”
กระแอมไอครั้งเดียวท่าจะไม่พอ คชาเลยแกล้งไอขึ้นมารัวๆทำเอามธุรสถึงกับสะดุ้งตกใจก่อนจะหันมามอง หญิงสาวเพ่งตามองคนตรงหน้าผ่านแสงสลัว ก่อนตากลมจะเบิกโพลงเมื่อเห็นเด่นชัดว่าเป็นคชา เพื่อนของอัศวิน
“คะ..คะ..คุณ!! มาที่นี่ได้ยังไง”
“อ่าว ผมก็มาเที่ยวสิครับ แล้วคุณล่ะ ไม่เหมือนมาเที่ยว มาทำอะไร”
คชาถามกลับ เมื่อเห็นร่างเล็กทำท่าตกอกตกใจขนาดนั้น
“ฉะ...ฉัน ฉันมาเที่ยว ละ...แล้วคุณมากับใคร”
“ผมเหรอ มากับ.....คนเดียว”
เขาแกล้งพูดให้หญิงสาวตื่นกลัว เพราะรู้ว่าหญิงสาวหมายถึงอะไร คงกลัวว่าจะเจอเพื่อนของเขาละสิท่าถึงถามออกมาแบบนั้น ทำเอามธุรสถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่คชามาคนเดียวไม่ได้มีอัศวินมาด้วย โดยไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มนั้นโกหกเธออยู่ เพราะตอนนี้อัศวินกำลังนั่งมองร่างสูงเพรียวของดารวีแทบไม่วางตา