ความเจ็บปวดที่ครอบงำ

1231 Words
ณ วังหลวงของแคว้น ลึกเข้าไปยังตำหนักหงส์ เหลียนไฉ่หวาฮองเฮาผู้มีฐานะเป็นหงส์เคียงมังกรทรงเอนกายประทับอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟยตัวใหญ่ โดยมีเหล่านางกำนัลรับใช้คอยดูแลพัดวีอยู่ไม่ห่าง ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยสีสดงดงามแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกไปถึงว่าอีกไม่กี่วันก็จะครบรอบวันเกิดของคนผู้นั้นอีกครั้งแล้ว ไม่รู้ว่าปีนี้ของขวัญที่นางเตรียมไว้ให้จะถูกใจเขาดังเช่นในปีก่อนๆ หรือไม่ “ฮองเฮาเพคะ” เสียงมามาคนสนิทดังขึ้นพร้อมกับร่างหนาอย่างคนมีอายุเดินค้อมกายเข้ามา ก่อนจะโบกมือให้เหล่านางกำนัลที่คอยรับใช้อยู่ออกไปจนหมด “เรียบร้อยดีดังพระประสงค์เพคะ” ประโยคเดียวสั้นๆ แต่ทำให้หงส์บนบัลลังก์สามารถยิ้มกว้างออกมาอย่างสุขสมใจ ในที่สุดหนามที่เคยยอกอกก็ถูก’ ตัด’ ทิ้งไปจริงๆ เสียที หลังจากที่คนของพระองค์ทำงานพลาดอย่างน่าโมโห แต่นับจากนี้พระองค์คงจะบรรทมได้อย่างสนิทจริงๆ เสียที ‘! ชงหยู หากข้าไม่ได้ครอบครองท่าน ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่าหวัง!!’ ขณะเดียวกันนั้นภายในวังพยัคฆ์คำรามที่เป็นที่อยู่ของอ๋องเก้า’ ไห่ชงหยู’ ยามนี้ทุกคนต่างก็วิ่งวุ่น เพราะอาการของอ๋องหนุ่มเกิดกำเริบขึ้นมาอย่างกะทันหัน หมอประจำวังทั้งสามคนต่างก็ถูกเรียกตัวเข้ามาช่วยกันหาทางหยุดยั้งอาการของผู้เป็นใหญ่ ” อ้วก!!” เมื่อได้อาเจียนเอาสิ่งดำๆ ที่อยู่ภายในออกไปแล้ว ร่างหนาจึงค่อยรู้สึกดีขึ้น เขาทรุดกายลงนั่งอย่างอ่อนแรงใบหน้าหล่อเหลาเป็นหนึ่งในใต้หล้าซีดขาวไร้สีเลือด มือหนาควานหาดาบประจำกายก่อนจะพบว่ามันไม่ได้อยู่ที่ข้างเอวดังเช่นในทุกที “อยู่นี่ขอรับ” ’ ซ่งฉือ’ คนสนิทรีบยื่นดาบเล่มยาวให้แก่ผู้เป็นนายอย่างรู้ใจ มือหนารับเอาไปถือไว้ก่อนจะเอนกายลงพิงเก้าอี้อย่างอ่อนแรง “รายงานมา” คนสนิทหนุ่มรีบโบกมือให้คนอื่นๆ ออกไปจากห้อง เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่า’ หนอน’ ที่แฝงตัวอยู่ในวังแห่งนี้จะเป็นผู้ใดบ้าง หลังจากที่สั่งให้ทหารของตนยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูแล้ว เขาก็แผ่ปราณกางอาณาเขตกันผู้ที่ไม่ประสงค์ดีแอบฟัง “ไม่พบตัวเลยขอรับท่านอ๋อง แต่ข้าน้อยได้สั่งคนของเราให้พยายามค้นหาต่อไป หากไม่เจอก็จะไม่หยุดขอรับ” เพราะเขาเคยเป็นทหารมือขวาของอ๋องหนุ่มที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบด้วยกันมานานหลายปี เขาจึงเคยชินกับการพูดธรรมดาไม่ใช้คำราชาศัพท์ ด้วยสมัยที่อ๋องหนุ่มยังคงดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพอยู่ เขาก็อนุญาตให้ทหารทุกนายไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์กับตน “ต้องหานางให้เจอให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้กำลังคนสักเท่าไหร่” “ขอรับ” “แล้วทางพี่ชายของนางเล่า” “คนของเราบอกว่าพบตัวแล้วขอรับ ตอนนี้กำลังนำตัวมาที่นี่ คาดว่าอีกประมาณสี่ถึงห้าวันก็คงจะเดินทางมาถึงขอรับ” อ๋องหนุ่มพยักหน้าอย่างเบาใจ อย่างน้อยหากได้ตัวพี่ชายของนางมาดูแลก็อาจจะช่วยลดความรู้สึกผิดในใจของเขาลงไปได้บ้าง หากในตอนนั้นเขาไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่มีสติอยู่นานเกือบเดือน เรื่องทุกอย่างมันก็คงจะไม่เป็นเช่นนี้ แม้ว่าพอฟื้นขึ้นมาแล้วเขากลับต้องกลายเป็นคนพิการตามองไม่เห็น แต่เขาก็ยังต้องการที่ทำตามคำสัญญาที่ได้รับปากกับราชครูฝางที่สั่งสอนเขามา แต่ไม่นึกว่าคนพวกนั้นจะชิงลงมือจนทำให้นางต้องพลัดพรากจากครอบครัว แม้ว่าเขาพอจะรู้ตัวคนร้ายแต่ด้วยไร้ซึ่งพยาน จึงทำให้เขาไม่สามารถเอาผิดคนเหล่านั้นได้ เขาจึงได้แต่ตามหาตัวเพื่อจะได้ปกป้องหญิงสาว ถึงแม้ว่าจะยากยิ่งในการตามหานางในขณะนี้ และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกรักนางดั่งเช่นชู้สาว แต่หากว่านางได้ชื่อว่าเป็นคนของเขาแล้ว หากเกิดสิ่งใดขึ้นเขาก็จะสามารถออกหน้าแทนนางได้อย่างไม่ต้องกลัวคำครหาใดๆ “ท่านอ๋องพักเสียหน่อยเถิดขอรับ ข้าน้อยจะทำหน้าที่เฝ้าที่หน้าประตูเองขอรับ” ร่างสูงก้าวจากไปทำหน้าที่เป็นองครักษ์เพื่อให้ผู้เป็นนายได้วางใจและสามารถหลับไหลได้อย่างเบาใจลงบ้าง แม้เขาจะรู้ดีว่าตั้งแต่ที่ครอบครัวของอดีตราชครูถูกลอบสังหารทั้งตระกูล อ๋องหนุ่มผู้เป็นเจ้านายก็หาได้เคยหลับตาลงได้สนิทจริงๆ เลยแม้สักคืน เพราะความรู้สึกผิดที่ว่าตนกลับไปช่วยเหลือผู้เป็นอดีตอาจารย์ของตนไม่ทันนั้น ยังคงเกาะกินความรู้สึกของชายหนุ่มอยู่เสมอ แต่ก็จนใจด้วยศึกครั้งสุดท้ายในครานั้นนับได้ว่าเป็นศึกที่ยากยิ่ง และทั้งเหล่าศัตรูก็ยังมีฝีมือที่ร้ายกาจที่สุด เท่าที่เขาและผู้เป็นนายเคยได้พานพบมา ไหนจะเรื่องของมนต์ดำอำพรางที่ฝ่ายนั้นได้เปรียบฝ่ายของพวกเขามากนัก ทั้งอ๋องเก้าก็ยังต้องมนต์อำพรางจนต้องสูญเสียการมองเห็นโดยไร้สาเหตุ อีกทั้งวันดีคืนดีพระองค์ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวในร่างกายอย่างหาสาเหตุไม่ได้ เจ็บจนกระทั่งต้องกระอักเลือดสีดำที่คล้ายเลือดพิษนั้นออกมาจึงจะบรรเทาจากอาการนั้น ซึ่งสร้างความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสให้แก่อ๋องหนุ่ม แม้ว่าพวกเขาจะพยายามเสาะหาหมอฝีมือดีทั่วแคว้นมาตรวจดูอาการ ทุกคนกลับบอกว่าอ๋องหนุ่มไม่มีสิ่งใดผิดปกติเลยแม้แต่น้อย มันทำให้ทุกคนรู้สึกจนใจเสียจนแทบจะหมดหวังอยู่ในทุกๆ วัน รุ่งเช้าของวันใหม่ หลังจากที่ผ่านหนึ่งคืนอันยาวนานและเเสนจะเหนื่อยล้าจากการเจรจาสร้างมิตรกับเหล่าวิญญานเจ้าถิ่น ไอฝนในร่างของฝางเสี่ยวลิ่วก็เตรียมพร้อมในการวางแผนการที่จะบอกข่าวการตายของเฟิ่นไท่หยูให้ฮูหยินและครอบครัวของเขารับรู้ โดยให้วิญญานแซ่เฟินได้เข้าสวมร่างของตนและเขียนจดหมาย บอกเล่าถึงเรื่องราวของการถูกโจรปล้นและถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่นางจะไปเยือนจวนสกุลเฟินอีกครั้ง เพื่อบอกข่าวการเสียชีวิตของเขา แม้ว่าการถูกวิญญานสวมร่างนั้นจะทำได้ยากและเป็นอันตรายอยู่บ้าง แต่เพราะในชีวิตที่แล้วเมื่อรู้ว่าตนนั้นมีความสามารถในการรับรู้ถึงสิ่งเหล่านี้แตกต่างจากคนอื่น เธอจึงฝึกสมาธิเพื่อควบคุมจิตอยู่เป็นประจำ มิเช่นนั้นมีหรือที่จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเหล่าวิญญานทั้งหลายที่ตนไม่ได้อยากมองเห็นเลยแม้แต่น้อยมาตลอดชีวิตของตนได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD