“โอ๊ย! อื้อ อ๊ะ อื้อ...”
มุกรินทร์รู้สึกตัวตื่นในช่วงสายของอีกวัน สองตาค่อยๆปรือขึ้นจากความหนักอึ้ง ก่อนจะมองไปรอบๆและพบว่าตอนนี้เธออยู่ที่ห้องรับแขก ก่อนความทรงจำของเมื่อคืนจะกลับมา หญิงสาวถึงกับทิ้งตัวลงนอนท่าเดิมพร้อมร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย เมื่อตอนนี้เธอไม่มีอะไรให้ต้องอายอีกแล้ว ถูกเขาข่มขืนกลางห้องรับแขกอย่างนี้ แถมร่างกายท่อนล่างแทบไม่สามารถขยับได้แค่คิดเธอก็เจ็บร้าวไปหมดแล้ว
หญิงสาวนอนร้องไห้อยู่อย่างนั้นเกือบๆสองชั่วโมงก่อนจะเริ่มตั้งสติเมื่อคิดไปถึงป้าศรีกลัวว่าจะมาเจอเข้าโดยไม่รู้เลยว่าวันนี้ป้าศรีถูกสั่งให้หยุดงานไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มุกรินทร์ลุกขึ้นก่อนจะพยุงร่างเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วเข้าไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายอยู่นานสองนานเมื่อต้องทำใจไม่ให้ร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะตัดสินใจเดินออกมาด้านนอกเพื่อทำความสะอาดสิ่งที่สิงหเรศสร้างเอาไว้เมื่อคืนซึ่งรวมทั้งร่องรอยรักทั้งเสื้อผ้าฉีกขาดที่บ่งบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
พอเสร็จจากงานในบ้านหญิงสาวก็เดินออกมารดน้ำดอกไม้ที่พึ่งปลูกไปเมื่อวานทั้งๆที่ร่างกายอ่อนเพลียแถมความเจ็บหนึบก็ยังอยู่แต่ก็ต้องทำเมื่อกลัวว่าของที่เสือสมิงค์อุตส่าให้มาจะตายหมดเสียก่อน
“อ่าวมุก ตื่นแล้วเหรอ ฉันเอาขนมหวานมาให้พอดีแม่บ้านทำฉันเลยเก็บเอาไว้ให้เธอด้วย”
มุกรินทร์หันไปตามเสียงเรียกที่คุ้นเคยก่อนจะยกยิ้มส่งไปให้ทั้งๆที่ตอนนี้เธอแทบไม่อยากเจอใครเลยสักนิด ก่อนที่เสือสมิงค์จะเดินเข้ามาหาพร้อมกับขนมถุงใหญ่
“เป็นอะไรรึเปล่า หน้าดูซีดๆนะ...”
เสือสมิงค์ถามขึ้นพลันสายตาก็ไปสะดุดที่รอยแดงจ้ำรอบลำคอของมุกรินทร์ สองมือใหญ่กำเข้าหากันแน่นก่อนจะรีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติเมื่อมุกรินทร์มองมา
“อ้อ เอ่อ เปล่าคะ มุกไม่สบายนิดหน่อย แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“งั้นเดี๋ยววันนี้ฉันพาไปหาหมอเอาไหม ฉันหยุดงานพอดี”
เสือสมิงค์รีบเอ่ยอาสา เพราะดูจากสีหน้าซีดเซียวเธออาจไม่สบายก็ได้
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ มุกกินยาไปแล้วพักสักนิดน่าจะดีขึ้น”
“เหรอ...งั้นเอานี่ไว้กินนะพักผ่อนเยอะๆวันนี้ฉันไม่กวนแล้วเธอจะได้พักผ่อน”
“ขอบคุณนะคะคุณเสือ”
“ไม่เป็นไรหรอก ส่วนดอกไม้พวกนี้เอาไว้ตอนเย็นฉันมาจัดการให้เธอเข้าไปพักผ่อนเถอะ”
มุกรินทร์มองคนตรงหน้าน้ำตาปริ่มไหล เขาหน้าตาเหมือนกันราวกับคนๆเดียวกันแท้ๆแล้วทำไมช่างมีนิสัยแตกต่างกันเสียเหลือเกิน เธอเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าเธอเหมือนสินค้าที่ถูกขายมาให้สิงหเรศแต่เธอก็ยังอดเสียใจไม่ได้อยู่ดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“งั้น...ฉันไปก่อนนะ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
เสือสมิงค์รีบบอกขึ้นก่อนจะเดินหันหลังกลับไปที่รถยนต์ของตนเอง และพอขึ้นมาบนรถสองมือใหญ่ก็กระแทกทุบลงไปบนพวกมาลัยอย่างโกรธจัด จากหน้าตายิ้มแย้มกลับบึ้งตึงแดงก่ำด้วยแรงโกรธเมื่อรู้ดีว่ารอยพวกนั้นมันเกิดจากอะไรและเกิดจากใคร
“ทำไม ทำไม! ทำไม!!”
เขาตะโกนออกมาเสียงดังเมื่อรู้ดีว่าคนภายนอกจะไม่มีทางได้ยินได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในรถนี้แน่นอน ทำไมต้องเป็นมุกรินทร์ที่สิงหเรศได้ครอบครอง ทำไมกับผู้หญิงคนอื่นน้องชายของเขาเพียงแค่ช่วยเหลือแล้วก็ปล่อยไปล่ะ ทำไม...ยิ่งคิดเสือสมิงค์ยิ่งไม่เข้าใจทั้งเขาและผู้เป็นน้องชายที่ดันมาหลงรักผู้หญิงของน้องชายตัวเองอย่างนี้
ส่วนมุกรินทร์ก็กลับเข้าไปพักผ่อนเมื่อร่างกายฝืนอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอเผลอหลับไปจนกระทั่งเย็นจึงค่อยๆลุกจากที่นอนด้วยเริ่มหิวโหยและพอทานเสร็จก็เดินออกมาเพื่อรดน้ำดอกไม้อีกรอบ
“อ่าว คุณเสือ ทำอะไรคะเนี่ย”
“หือ? ดีขึ้นแล้วเหรอ ฉันพึ่งรดน้ำเสร็จ พอดีได้พันธุ์ดอกไม้มาใหม่เลยเอามาลงให้กะว่าจะเซอร์ไพรส์แต่เธอดันมาเจอเสียก่อนซะนี่”
พอเดินออกมานอกบ้านกลับเจอเข้ากับเสือสมิงค์ที่มาได้พักใหญ่ๆแล้วแต่เห็นว่าบ้านเงียบเลยเดินมาดูแลดอกไม้รอให้เธอออกมา
“ดีขึ้นแล้วค่ะ ไม่เห็นต้องลำบากเลยมุกจัดการเองก็ได้”
“ไม่เป็นไรหรอก ทำไปก็เพลินดี”
มุกรินทร์เดินเข้ามานั่งข้างกายใหญ่พร้อมกับเริ่มลงมือพรวนดินบ้างถอนหญ้าบ้างโดยมีเสือสมิงค์คอยนั่งช่วย เขาเอาแต่นั่งจ้องมองเธอเวลาที่เธอเผลอโดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้มุกรินทร์เอาแต่นั่งคิดไปถึงอีกคนที่หายหน้าไปตั้งแต่ตอนไหนเธอก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตื่นมาก็ไม่เจอแล้ว
“แล้วเย็นนี้...อยากไปกินอาหารข้างนอกไหม...เอ่อ พอดีฉันว่างแล้วอยากไปแต่ไม่มีเพื่อนไปน่ะ”
เสือสมิงค์ตัดสินใจชวนขึ้นเพราะเขาคิดมาตั้งแต่เช้าแล้วว่าจะพาเธอออกไปเที่ยวบ้างแต่เธอดันมาป่วยเขาเลยเปลี่ยนเป็นทานข้าวนอกบ้านแทนซึ่งมุกรินทร์เองนั้นก็รู้ดีว่าคนตรงหน้าคิดเกินเลยกับเธอมากไปกว่าแค่เพื่อนหรือคนรู้จัก ทีแรกเธอเองก็รู้สึกดีที่เขาชอบเธอเหมือนกับที่เธอเองก็รู้สึกชอบเขาแต่พอมาตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตรเธอไม่สามารถชอบพี่ชายหลังจากที่พึ่งนอนกับน้องชายของเขาได้ ส่วนเสือสมิงค์ในเมื่อความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอมันมากเกินกว่าจะหยุดได้ง่ายๆแล้ว เขาเลยคิดจะลองเสี่ยงโดยไม่สนใจอดีตหรือสิ่งที่มุกรินทร์เคยผ่านและเจอมา เพราะยังไงซะสิงหเรศคงไม่คิดจริงจังกับเธออย่างแน่นอน
และสุดท้ายเธอก็ต้องออกมากับเสือสมิงค์จนได้ เพราะไม่อาจปฏิเสธคำชวนของเขาที่ดีกับเธอตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่ได้
เสือสมิงค์พามุกรินทร์ไปหาซื้อของใช้เล็กๆน้อยๆตามที่เธออยากได้ ก่อนจะพามาทานข้าว เสร็จแล้วชายหนุ่มก็พาไปขับรถเที่ยวดูสถานที่ต่างๆจนกระทั่งมืดค่ำก็พามาส่งที่บ้านท้ายไร่
“ขอบคุณมากนะคะที่พามุกออกไปซื้อของใช้หลายอย่างเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็สนุกเหมือนกัน นานแล้วที่ไม่ได้พักผ่อนอย่างนี้”
มุกรินทร์มองคนตรงหน้าอย่างขอบคุณ ตลอดเวลาที่เธออยู่กับเสือสมิงค์นั้น เขาแทบไม่เอ่ยถึงน้องชายของเขาเลยสักนิดทำเอาคนนอกอย่างเธออดสงสัยในความสัมพันธ์ของสองพี่น้องขึ้นมาไม่ได้
“งั้น...คุณเสือกลับเถอะนะคะดึกแล้วด้วย”
“อืม...แล้วเจอกันนะ...ฝันดี”
เสือสมิงค์บอกขึ้นก่อนจะเดินกลับขึ้นรถแต่ก็ไม่วายหันมามองอีกคนที่ยังคงยืนมองมาที่เขาอยู่อย่างรู้สึกสุขใจก่อนจะขับรถออกไป
“ขอบคุณมากนะคะสำหรับทุกอย่าง...”
ส่วนมุกรินทร์เองก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะฝืนเลยเดินเข้าไปในบ้านอย่างต้องการพักผ่อน
“นอนกับฉันแล้วยังหน้าชื่นตาบานไปกับมันมาทั้งวัน หึ! แพศยาสิ้นดี”
“!?”
พอเปิดประตูเข้ามามุกรินทร์ก็ต้องตกใจจนของที่ถืออยู่ร่วงหล่นเมื่อคนที่เธอไม่คิดว่าจะกลับมาตอนนี้กำลังยืนมองมาที่เธอนิ่ง ก่อนที่ตาคมจะจับจ้องไปที่ของบนพื้นพร้อมกับรอยยิ้มเหยียดหยาม
“อ้อ เงินสินะที่ฉันลืมให้เธอถึงต้องไปกับมัน เท่าไหร่ล่ะที่มันให้”
“...............”
มุกรินทร์ถึงกับพูดไม่ออกกับคำพูดคำจาของสิงหเรศ เธอไม่นึกว่าเขาจะปากร้ายได้ขนาดนี้ ก่อนจะค่อยๆก้มหยิบของบนพื้น แต่สิงหเรศที่เห็นรีบเดินเข้ามาพร้อมใช้เท้าเตะมันกระเด็นออกไปไกล
“คุณ! ทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย”
“ทำไมฉันจะทำไม่ได้ในเมื่อทุกอย่างในบ้านนี้เป็นของฉันรวมถึงตัวเธอด้วย!”
มุกรินทร์ได้แต่มองหน้าเขานิ่งเมื่อที่เขาพูดมามันก็ถูก ส่วนสิงหเรศที่มองจ้องเธออยู่ดันคิดว่าคนตรงหน้ากำลังท้าทายเขา ความโกรธปะทุขึ้นมาอีกครั้ง สองขายาวก้าวตรงไปหามุกรินทร์พร้อมกับกระชากร่างเล็กให้เข้าหา
“ทำไม! หรือว่าไปนอนกับมันจนลืมไปหมดแล้วห๊ะ!”
“ไม่นะ ไม่ใช่ ฉันแค่ออกไปซื้อของ...”
เสียงที่เริ่มสั่นกลัวของมุกรินทร์รีบบอกขึ้นเมื่อตอนนี้หน้าตาท่าทางของสิงหเรศดูน่ากลัวเหลือเกิน สองมือใหญ่เริ่มบีบเธอแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“คุณสิงห์ฉันเจ็บ อ๊ะ!”
“หึ!ใครบอกให้เธอเรียกชื่อฉันห๊ะ! ฉันไม่ใช่ไอ้เสือเพราะฉะนั้นอย่าสะเออะมาเรียกชื่อฉันเข้าใจไหม!”
สิงหเรศตะคอกเสียงดังด้วยความโกรธ เมื่อวันนี้เขาอุตส่ากลับบ้านมาตั้งแต่บ่ายแก่ๆแต่กลับพบว่าเธอไม่อยู่และก็พอจะรู้ด้วยว่าเธอออกไปกับใครจึงทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่อย่างนี้
“เธอกับมันไปถึงไหนกันแล้วบอกฉันมา!”
“เราแค่ออกไปซื้อของ...ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นจริงๆ”
“หึ! เราอย่างนั้นเหรอ ฉันจะพิสูจน์เองว่ามีหรือไม่มี มานี่!”
“คุณสิงห์! ไม่นะฉันไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นจริงๆนะ คุณ! ไม่เอานะ ปล่อยฉันนะคุณ ปล่อยฉันเถอะฉันไม่ได้ทำอะไรกับคุณเสือจริงๆนะ อ๊าย!”
สิงหเรศไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เขาลากร่างบางจนแทบลอยตามแรงฉุดตรงมาที่ห้องนอนก่อนจะโยนเธอไปบนที่นอนขนาดใหญ่อย่างไม่เบาแรงจนมุกรินทร์ต้องร้องออกมา หญิงสาวลุกขึ้นลนลานหาทางหนีแต่นอกจากประตูที่เขายืนบังอยู่ก็ไม่มีทางออกอื่นอีกแล้ว
“ฉันขอโทษ ฮือๆๆ ต่อไปฉันจะไม่ ฮึก ไม่ออกไปไหนกับคุณเสืออีกแล้ว ฮือๆๆ อย่าทำอะไรฉันเลยนะฉันขอร้อง ฮือๆๆๆ”
สิงหเรศไม่ได้สนใจคำร้องขอและเสียงร้องไห้ของเธอเลยสักนิด ร่างใหญ่ค่อยๆเดินเข้ามาพร้อมกับชุดที่เธอใส่อยู่ถูกกระชากออกอย่างไม่ใยดีจนคนที่มองอยู่สั่นกลัวอย่างรู้ว่าความเจ็บปวดกำลังรออยู่เหมือนกับเมื่อคืนวานที่เจอมา
“หึ! แล้วพอฉันไม่อยู่ก็แอบไปหามันอย่างนั้นน่ะเหรอ ฉันไม่ใช่ควายที่จะเชื่อผู้หญิงอย่างเธอ มานี่!”
“อ๊าย! คุณสิงห์! ไม่เอานะ ฮือๆๆไม่เอา ฮือๆๆๆ อ๊าย!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นไม่ขาดสายเมื่อขาเล็กถูกกระชากกลับมาจนนั่งอยู่ที่เดิม สองมือพนมขึ้นไหว้อย่างขอร้อง แต่ตอนนี้สิงหเรศโกรธจนแทบไม่สนใจคำร้องขอของเธอเลยสักนิด
“มานี่! เธอจะได้จำไปจนตายว่าฉันคือเจ้าของชีวิตของเธอ”
สิงหเรศกระชากชุดที่มุกรินทร์ใส่อยู่ออกพร้อมกับจาบจ้วงจูบลงไปบนร่างสาว ทุกที่ที่เขาลากไล้ผ่านมักจะสร้างรอยรักเอาไว้ซ้อนทับกับรอยเก่าที่ยังคงอยู่พร้อมกับที่หนวดเครายาวแหลมทิ่มแทงไปตามร่างกายของมุกรินทร์จนร่างบางบิดเร้าพยายามหนีออกจากความทรมานที่กำลังได้รับ
“อ๊ะ! เจ็บ อื้อ เจ็บ อ๊ะ คุณ อ๊ะ อื้อ พะ...พอเถอะ ฉันเจ็บ อ๊ะ อื้อ”
“ฮึ่ม...ยิ่งเจ็บยิ่งดีจะได้จำ อื้ม จุ๊บๆๆ จำใส่สมองเอาไว้ว่าอย่าไปกับมันอีก ห้ามเจอ ห้ามพูดได้เลยยิ่งดี”
เสียงแหบพร่าบอกออกมาพร้อมๆกับจูบซับหนักหน่วงลงมาตามกายสาวขาวโพลนที่ตอนนี้ไร้การปกปิดก่อนจะจับขาเรียวอ้าออกกว้างจนมุกรินทร์รีบงอตัวด้วยความเจ็บเพราะเขาแทบไม่อ่อนโยนกับเธอเลยสักนิด
“หึ! ช้ำขนาดนี้คงพึ่งรับศึกหนักมาล่ะสิท่า”
ชายหนุ่มพูดด้วยความเหยียดหยันทำเอามุกรินทร์แทบอยากหุบขาหนีถ้าไม่โดนเขาจับอ้าเอาไว้ซะแน่นเพราะสิ่งที่เขากำลังจับจ้องอยู่นั้นมันก็เกิดจากร่องรอยที่เขาเป็นคนทำเองทั้งนั้น
“ฉันคงทำน้อยไปใช่ไหมถึงไปถ่างให้มันอีก ห๊ะ!”
“ไม่ใช่...ฉันไม่ได้มีอะไรกับคุณเสือ...คุณเป็น อ๊ะ!...คุณเป็นคนทำทั้งหมดนั่น...อ๊ะ! จะ...เจ็บ ฉะ...ฉันเจ็บ”
สิงหเรศใช้นิ้วสอดใส่เข้าไปในร่องรักแดงช้ำหนักหน่วงรุนแรงจนมุกรินทร์สะดุ้งร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดจนต้องถอยร่างหนี
“หึ! อย่ามาโกหก!”
“ไม่...ไม่ได้โกหก อ๊ะ! ฉัน...อื้อ ฉันสาบาน...”
สิงหเรศค่อยๆคว้านนิ้วไปมาในร่องรักสาวเพื่อหาร่องรอยเพิ่มเติมก่อนจะยกออกมาดู สองคิ้วขมวดยุ่งเข้าหากันเมื่อมันแห้งเหือดไร้คราบคาวสวาทที่เขาคิดว่าต้องมีอย่างแน่นอน
“คงมีเวลามากสินะ”
“คุณกำลังเข้าใจผิด ฉันกับคุณเสือเราไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ”
“เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ ผู้ชายอย่างมันจับดูไม่มีหางมันก็เอาได้หมดไม่เว้นแม้แต่เมียน้อง!”
สิงหเรศตะโกนใส่หน้ามุกรินทร์พร้อมกับสะบัดตัวเดินหนีออกจากห้องไปอย่างหมดอารมณ์เมื่อเธอเอาแต่พูดชื่อของคนที่เขาไม่อยากได้ยินมากที่สุดทำเอามุกรินทร์ถึงกับทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างหมดท่า ก่อนน้ำตาที่พึ่งเหือดหายจะหลั่งรินออกมาอีกรอบ
ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ ทำไม ทำไม! ทำไม!!
มุกรินทร์ได้แต่ตะโกนขึ้นมาในใจนับร้อยนับพันรอบกับสิ่งที่ต้องเจอทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ส่วนสิงหเรศที่เดินออกมาก็หงุดหงิดงุ่นง่านไม่ต่างกันเมื่อเขาเองก็ไม่เคยเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าเธอคือคนแรกที่เขาซื้อมาจากบ่อนนรกนั่น แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือพี่ชายของเขาดันสนใจในตัวผู้หญิงคนนี้นี่สิที่เขายอมไม่ได้ เขาไม่ต้องการให้เสือสมิงค์มายุ่งวุ่นวายกับคนของเขา
“โธ่เว้ย! มันกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่วะ!”
สิงหเรศตะโกนออกมาลั่นบ้านพร้อมกับเริ่มทำลายข้าวของอีกครั้งจนมุกรินทร์ต้องยกหมอนที่อยู่ใกล้ที่สุดขึ้นมาอุดหูพร้อมกับร้องไห้ไปด้วยอย่างสุดจะกลั้น