“กันยาสำนึกว่าเป็นแค่ลูกหนี้ของพี่เมษ และกันยาจะทำงานทุกอย่างเพื่อใช้หนี้ให้หมด” เธอตอบเขาเสียงสั่นเทา แล้วเธอก็จะจากเขาไปเงียบๆ ไม่ให้เขามาดูถูกอีก
กันยารู้สึกเจ็บแปลบในอกเหมือนหัวใจโดนบีบ หมดหนี้เมื่อไหร่ เธอต้องจากเขาไปแล้วสินะ
“ก็ดีแล้วที่รู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานะอะไร แต่คงนานหน่อยนะ หนี้สินที่ครอบครัวและพี่สาวของเธอทำเอาไว้มันมากโขและฉันก็ไม่ใช่เจ้าหนี้ใจดีที่จะปรานีคนที่ทรยศหักหลังฉัน แบบพี่สาวของเธอ” เขาแค้นพี่สาวของเธอ และเธอต้องรับกรรมอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
เขาผลักเธอจนเซ ชี้ให้เธอนั่งลงตรงกันข้ามกับเขา กันยาค่อยๆ นั่งลงรับประทานอาหารเงียบๆ ไม่ปริปากพูดอะไรอีก
“กินเท่าแมวดมจะไปทำงานในไร่ได้ยังไงกัน รู้ไหมว่าข้าวทุกจาน และอาหารทุกอย่างคนงานต้องทำงานกันเหนื่อยแค่ไหนถึงมีกิน เธอจะกินทิ้งกินขว้างแบบนี้ไม่ได้” ประโยคของเขาทำให้เธอต้องค่อยๆ ตักอาหารรับประทานจนหมดจาน เพราะไม่อยากให้เขาต่อว่าเอาได้อีก
ริมฝีปากและจมูก รวมถึงใบหูของเธอแดงก่ำไปหมดเพราะว่าแกงส้มของป้าเจิดนั้นเผ็ดจนเกินไป ถึงเธอจะชอบทำอาหาร แต่ก็ไม่ทำอาหารรสชาติเผ็ดจัดแบบนี้ ที่เธอรับประทานได้น้อยก็เพราะว่าเผ็ด แต่จำต้องฝืนรับประทานเข้าไปเพราะไม่อยากให้เมษตำหนิ
กันยายกน้ำขึ้นดื่มซ้ำๆ นั่นทำให้เมษต้องหลุดปากเอ่ยถามออกมา
“เธอกินเผ็ดไม่ได้เหรอ”
“ค่ะ ปกติกันยาไม่ชอบกินอาหารรสจัดน่ะค่ะ” เธออุบอิบตอบกลัวเขาตำหนิเอาว่าเรื่องมาก
“ก็ต้องกินให้ได้นะ เขาทำอะไรให้กินก็ต้องกิน” เมษยกน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะลุกเดินไปทำงาน
กันยาจัดการนำจานชามไปล้าง แต่คนงานผู้หญิงในไร่มาแย่งไปช่วยล้างให้
“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวฉันล้างเอง”
“ให้เขาทำเถอะ เขากิน เขาก็ต้องล้าง” เมษเห็นแล้วรำคาญเลยพูดตัดบท กันยาเดินไปล้างจานที่อ่างเหมือนคนอื่นๆ เธอพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับทุกคนเพราะว่าต้องอยู่ที่นี่อีกนาน
กันยารับประทานอาหารเสร็จ พักผ่อนในช่วงกลางวันตามเวลาก็ไปลงงานต่อ เธอไม่เคยทำงานหนักขนาดนี้มาก่อน แดดก็ร้อน และที่สำคัญเธอท้องเสียด้วย นั่นทำให้เธอหน้ามืดเป็นลมล้มพับลงไประหว่างที่เดินออกมาจากห้องน้ำ
“นายหญิง แย่แล้ว นายหญิงเป็นลม รีบไปบอกนายเร็ว” คนงานผู้หญิงที่ชื่อลิ้นจี่รีบตะโกนให้คนงานคนอื่นมาช่วยปฐมพยาบาลกันยา และวิ่งไปตามเมษอีกด้านของไร่
“แย่แล้วครับนาย นายหญิงท้องเสียจนเป็นลมครับ” ประโยคของคนงานผู้ชายทำให้เมษผุดลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานที่เขาเคลียร์เอกสารเรื่องออร์เดอร์ล็อตใหม่อยู่ วิ่งตามออกไปในทันที
เมษเข้าไปแย่งร่างภรรยาที่สลบไปจากคนงานผู้ชายที่กำลังอุ้มจะพาไปพักใต้ร่มไม้ คนงานผู้ชายหัวหดเมื่อเห็นสายตาของดุดันของเจ้านายหนุ่ม
เมษพาภรรยากลับบ้านพักในทันที เขาให้คนไปตามหมอ และได้รับคำตอบว่าเธอท้องเสียจนร่างกายอ่อนเพลีย ให้กินยาและดื่มน้ำเกลือแก้ท้องเสียเดี๋ยวอาการก็ดีขึ้น
กันยาฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในตอนค่ำ เธอขยับตัวแล้วพบว่านอนอยู่บนเตียง
“ฟื้นแล้วเหรอ” ประโยคเข้มๆ ของสามีที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าต่างห้อง ทำให้เธอหันขวับไปมอง แอบตกใจเล็กน้อยที่เห็นใบหน้าบึ้งตึงของเขา
“กันยาเป็นอะไรไปคะ” เธอเอ่ยถามเสียงเบา ไม่กล้ามองสบตาดุดันของเขา หัวใจของเธอเต้นแรงเหมือนกลองเพล เมษในยามนี้แลดูน่ากลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เธอเป็นลมเพราะท้องเสีย”
“ค่ะ” กันยารับคำ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี
“ค่ะคืออะไร” เขากระชากเสียงถาม เดินตรงเข้ามาข้างเตียง ทำให้เธอถึงกับถอยหนีไปชิดกับหัวเตียง
“พี่เมษโกรธอะไรกันยาคะ” เธอถามอย่างตกใจ หัวใจเต้นครามครามเพราะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดอีก
“กินเผ็ดไม่ได้ทำไมไม่บอก ปล่อยให้ตัวเองเป็นลมเป็นแล้ง อยากจะอ่อยผู้ชายว่างั้น คงชอบสินะมีผู้ชายอุ้ม มีผู้ชายกอด” เขาดึงแขนของเธอมาหา ไม่ให้เธอหนีไปไหน
“พี่เมษคะ กันยาเจ็บ” เธอร้องประท้วง น้ำตาร่วงพลู
“เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวแบบนี้สักที”
“กันยาทำอะไรคะ”
“ทำตัวน่าสงสาร แล้วปล่อยให้คนงานหาว่าฉันใจร้ายกับเธอ”
“กันยาเปล่า โอ๊ย!” เธอร้องเสียงหลงเมื่อเขาบีบแขนของเธอแรงขึ้น เธอนิ่วหน้าด้วยความเจ็บพยายามจะไม่ร้องไห้เพราะหวาดกลัวเขาจับใจ
“วันหลังกินไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน เธอมีปากหรือเปล่า”
“กันยามีปากค่ะ แต่พี่เมษบอกว่ากินไม่ได้ก็ต้องกิน อย่าเรื่องมาก กันยาไม่กล้าเรื่องมากหรอกค่ะ กันยาเป็นแค่ลูกหนี้” เธอตอบเขาเสียงสั่น สะอื้นฮักๆ เมษถึงกับอึ้งไป แต่เขาก็เอาความโกรธเข้ามาแทนที่ความรู้สึกผิดลึกๆในหัวใจ
“ถ้ากินเผ็ดไม่ได้ ต่อไปเธอก็ไปทำอาหารกินเองสิ เอาไหมฉันจะให้เธอเป็นแม่ครัว” เขาคิดว่าคนแบบเธอคงทำไม่ได้ ลูกคุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
“ได้ค่ะ พี่เมษให้ทำอะไร กันยาก็จะทำทุกอย่าง”
“จองหองนักนะกันยา” เขาโกรธที่เธอกล้าต่อปากต่อคำกับเขา
“กันยาจะทำ พี่เมษไม่ต้องกลัวว่ากันยาจะไม่ทำงานใช้หนี้”
“ก็ดีแล้ว งั้นตอนนี้ก็ทำงานใช้หนี้ให้มันคุ้มก่อนเถอะ” เขาใช้เข่าเดินเข้าหาเธอ กันยาถอยหนีไปจนชิดกับหัวเตียง เขากระชากร่างของเธอมาไว้ใต้ร่าง
“พี่เมษจะทำอะไรคะ”
“ค่ำๆ มืดๆ แบบนี้ เธอเป็นเมียฉันก็ต้องทำหน้าที่นางบำเรอบนเตียง จำไม่ได้หรือไง”
กันยาหน้าแดงกับประโยคของเขา หัวใจของเธอเต้นโครมครามแทบจะโลดออกมานอกอกยามที่เขาสอดมือเข้ามาเคล้นคลึงทรวงอกอวบอิ่ม เธอเผลอปัดมือเขาอย่างตกใจ เขาก็รวบมือของเธอกดไปเหนือศีรษะ
“รู้สึกว่าเธอเหมือนจะไม่รู้หน้าที่ตัวเองนะ” เขาพูดอย่างคุกคาม กันยาถึงกับลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดหวั่น
“พี่เมษ อื้อ... อย่ากัดนะคะ” เธอครางเสียวเมื่อเขากัดยอดอกของเธอสลับกันทั้งสองข้าง
“เลิกดิ้นแล้วก็ทำหน้าที่ของเธอได้แล้ว เพราะว่าเธอก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองทุกๆ ค่ำคืนแบบนี้ จนกว่าจะหมดหนี้สิน” ประโยคของเขาทำให้เธอหยุดกึก ใช่แล้ว นอกจากเธอจะเป็นลูกหนี้แล้ว เธอยังเป็นนางบำเรอของเขาอีกด้วย กันยานอนน้ำตาซึมให้เขาทำอะไรๆ กับร่างกายของเธอได้อย่างเต็มที่ เพราะเธอไม่มีสิทธิ์มีเสียงจะไปต้านทานอะไรเขาได้ ในสายตาของเขา เธอก็แค่คนไร้ค่าไร้ราคาเท่านั้น
กันยาพลิกตัวนอนตะแคงไปในความมืดมิดของราตรีกาล เธอนอนไม่หลับในขณะที่เมษหลับไปแล้ว เขาโอบกอดเอวบางของเธออยู่อย่างแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ลูกหนี้คนนี้ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรและคงไม่มีตลอดไป
ด้วยความที่เธอนอนไม่หลับ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย แต่เธอก็ยังลุกมาทำอาหารเช้าให้เมษ เจอเข้ากับป้าแม่บ้าน ป้าแจ่มจันทร์ที่ตื่นมาทำอาหารเช้าในตอนหัวรุ่งเหมือนกัน
“นายหญิงตื่นมาทำอะไรคะ ต้องการอะไรหรือเปล่า” ป้าแจ่มจันทร์และสาวใช้อีกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียวกัน
“เปล่าจ้ะป้า หนูแค่จะมาช่วยป้าทำอาหารเช้าน่ะค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ตื่นมาทำไมหัวรุ่งแบบนี้ น่าจะนอนให้เต็มที่นะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยากช่วยน่ะค่ะ”
“แต่”
“ให้เขาทำเถอะครับ ต่อไปหน้าที่ทำอาหารเช้ากันยาจะเป็นคนทำด้วยตัวเอง ป้าคอยดูแลบ้านช่องให้เรียบร้อยก็แล้วกันครับ” ประโยคนั้นมาจากคนที่ยืนพิงร่างอยู่ที่ประตูหน้าห้องครัว กันยาหันไปมองก็ถึงกับหน้าแดง อดที่จะคิดถึงค่ำคืนที่ผ่านมาไม่ได้
เมษตื่นตั้งแต่เธอลุกจากเตียง แต่เขาไม่ได้พูดอะไร คอยดูว่าเธอจะลุกมาทำอะไร จึงเดินตามลงมาดูและพบว่าเธอลุกมาทำอาหารเช้า เขาคิดว่าก็ดีเหมือนกันเพราะว่าเธอกินอาหารเผ็ดจัดไม่ได้ ถ้าเธอได้ทำอาหารเองก็อาจจะไม่ท้องเสียหรือล้มป่วยอีก
เมษไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเขานึกห่วงเธออยู่ลึกๆ พูดจบร่างสูงก็เดินหนีขึ้นไปยังห้องทำงานในทันที ตอนหัวรุ่งแบบนี้สมองของเขาได้พักผ่อนเต็มที่ เขามักจะเข้าห้องทำงาน และตรวจดูบัญชีต่างๆ รวมถึงรายละเอียดการติดต่อกับลูกค้าเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด