บทที่ 8

1511 Words
โลกหม่นๆ ของเขาเริ่มกระจ่างขึ้นทันตาในเวลาแค่ไม่กี่เดือน เขาอยากได้ยินแค่ อาคุณคะ อาคุณขา น้อยชอบเวลาอาทำอย่างนั้น อย่างนี้จัง อาคุณยิ้มเยอะๆ สิคะน้อยชอบ แล้วอีกสารพัดสิ่งที่หล่อนชอบมาฉอเลาะให้ฟัง เขาไม่อยากจะทำลายสิ่งที่มีอยู่ด้วยความสัมพันธ์แบบก้าวกระโดด รวมถึงไม่อยากจะคิดด้วยว่าทำไมเด็กผู้หญิงที่ดูจะสดใสคนนี้ ถึงได้วิ่งเข้าใส่เขาแบบไม่เหลียวหลังอย่างที่เป็น ... เขาไม่ได้โง่จนดูไม่ออกว่าหล่อนมีจุดประสงค์แอบแฝง เพียงแต่ไม่รู้ว่าจุดประสงค์นั้นจะดีหรือร้ายเพียงใด รู้แค่ว่าเขาต้านทานเสน่ห์ดรุณีน้อยไม่ไหว เสียอะไรเสียไป แต่เขาจะไม่ยอมปล่อยให้หล่อนหลุดมือ ไม่ว่าดาราตรีจะมาดีหรือร้าย เขาก็อยากรักษา ‘วาววิไล’ คนที่สองนี้เอาไว้ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมในอดีตอีก “ถ้าอาเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ น้อยจะยังบอกว่ารักอา ชอบอา อย่างที่เคยบอกมั้ย อาไม่เคยบอกนะว่าจะเก็บน้อยไว้แบบนี้ไปตลอดชีวิต แค่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา และไม่เห็นจะมีความจำเป็นอะไรต้องรีบป่าวประกาศให้ใครต่อใครร่วมเป็นสักขีพยานในความรักของเรา หรือน้อยจะต้องให้อายกพานธูปเทียนเข้าไปขอขมาไอ้เต้กับวาวเลยล่ะ... ต้องให้อาลดศักดิ์ศรีไปพินอบพิเทากับคนที่มันเคยแย่งคนรักของอาไป ถึงจะพอใจ” คิดถึงเรื่องในอดีตทีไร เขาก็อดจะประชดประชันออกมาไม่ได้สักที หรือแผลนี้มันจะไม่มีวันรักษาให้หาย ต่อให้ได้คนตรงหน้ามาครอบครองแล้ว ก็ยังทดแทนกันไม่ได้ ดาราตรีนอนหลับตานิ่ง น้ำตาที่ไหลออกมาก่อนหน้านี้เริ่มซึมย้อนกลับเข้าไปข้างในเปรียบเหมือนน้ำกรดราดรดลงบนหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ที่แท้ความรักที่บริสุทธิ์ของน้อยก็ไม่มีค่าอะไรสำหรับอาคุณเลยสินะคะ พอน้อยเรียกร้องก็กลายเป็นว่าน้อยอยากจะจับผู้ชายไปซะอย่างนั้น” หญิงสาวหัวเราะแผ่วๆ แต่มันกลับแสดงออกถึงความเย้ยหยันไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ที่หล่อนได้ยิน “ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าตอนนี้อายังไม่รีบ น้อยก็เข้าใจ” ‘แต่เผอิญว่าน้อยรอไม่ได้’ ดาราตรีต่อประโยคนี้ในใจอย่างร้าวราน ชายหนุ่มถอนหายใจ แล้วปิดประตูลงอย่างที่ตั้งใจไว้ ก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอนซ้อนหลังคนที่ขดตัวอย่างกับลูกแมว ใช้หมอนใบเดียวกัน และไม่ลืมที่จะกอดกระชับร่างเล็กไว้พร้อมกดจูบแรงๆ ลงไปบนกระหม่อมบางที่แม้จะชื้นเหงื่อแต่ก็ยังหอมจรุงใจ แม้จะต้องรับมือกับความดื้อรั้น และอารมณ์แบบเด็กๆ ของสาวน้อยที่อายุห่างจากเขาเกือบยี่สิบปีไปบ้าง แต่มันก็คุ้ม ถ้าความปวดหัวนั้นจะแลกมาซึ่งช่วงเวลาที่เขาได้อยู่ใกล้ๆ และกอดหล่อนเอาไว้อย่างตอนนี้ “เข้าใจอะไรง่ายๆ อย่างนี้ค่อยเหมือนน้อยของอาหน่อย” หกเดือนก่อนหน้านี้... เสียงซ่าของฝนทำให้เจ้าของร่างสูงต้องรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน ‘จันทรารัตน์รักษา’ เพื่อหลบฝน หลังเอารถเข้าไปจอดใต้หลังคาสีแดงสดที่กินพื้นที่เฉพาะความยาวไม่ต่ำกว่ายี่สิบเมตร เพราะเจ้าของบ้านหลังนี้ก็นิยมชมชอบในการ ‘ซื้อสะสม’ แต่อาจไม่ค่อยได้ ‘ใช้งานตามความเหมาะสม’ ของสมรรถนะรถแต่ละคันสักเท่าไร สิ่งที่บรรดาเพื่อนฝูง หรือคนรู้จัก ที่แวะเวียนกันมาหาจะได้เห็นจนชินตา ก็คงหนีไม่พ้นเจ้าสี่ล้อบ้างสองล้อบ้าง หลากหลายรุ่น ยี่ห้อ และผู้ผลิต และสัญชาติเรียงรายท้าทายแดดลม ในเคสที่เจ้าของบ้านอยากจะอวด และในเคสที่อวดจนเบื่อแล้วก็จะถูกเข็นเข้าไปเก็บไว้ในห้องลับติดแอร์อย่างดี รวมๆ นับสามสิบคันเห็นจะได้ ‘จะตกอะไรกันนักหนาวะ’ นั่นคือคำสบถในใจของคนที่ยังคงวิ่ง แม้จะเข้ามาจนถึงบันไดหินอ่อนทางขึ้นบ้านแล้วก็ตาม มือไม้ที่ทำป้องไว้ทั้งสองข้างเพื่อกันละอองฝนถูกศีรษะและผัดเข้าตาให้ได้ระคายเคือง ถูกใช้เสยผมสีดำขลับที่ละมาปรกหน้าพร้อมหยาดน้ำที่กำลังร่วงพราวลงมาตรงข้างแก้มไวๆ เสร็จแล้วจึงตบไปแรงๆ ตามแขนเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนสีซีด ขาดวิ่นไปทั้งตัว แต่ก็รับกันได้ดีกับร่างสูงมาดเซอร์ ชายหนุ่มคิดอย่างขำๆ ว่า เขาเองก็ทำได้แค่สบถในใจอย่างนี้มาหลายปี เพราะเมื่อใดก็แล้วแต่ที่เหยียบย่างเข้ามาในบ้านหลังนี้ ‘บ้านจันทรารัตน์รักษา’ กฎอย่างนึงที่เขาต้องเคารพคือไม่ควรพูดคำหยาบให้ระคายหู (เมีย) เจ้าของบ้าน ใช่ว่าเขากลัวหรือเกรงต่อบารมีผู้ใด แต่เพราะไม่อยากเห็นใบเห็นหน้างอง้ำและน้ำเสียงง้องแง้งของผู้หญิงบางคน ที่เห็นทีไร ก็พานใจอ่อนซะทุกที ผู้หญิงที่แม้ไม่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของ แต่ก็ทำให้เขาตัดใจไม่มาเจอหน้าไม่ได้จริงๆ แม้เวลาจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม... “ขอโทษครับ” เสียงอะไรบางอย่างที่เหมือนจะหล่นไปกองกับพื้นดังตุ๊บ กับสัมผัสนุ่มนิ่มที่ปะทะเมื่อครู่ทำให้ชายหนุ่มเอ่ยปากออกไปก่อน เพราะคิดว่ายังไงก็ต้องชนใครสักคนเข้าแน่ๆ ถึงแม้ยังไม่รู้ว่าคนผิดเป็นเขาที่รีบเสียจนไม่ดูตาม้าตาเรือ หรืออีกคนที่เดินทะเล่อทะล่าเข้ามาให้เขาชน ... แต่พอเห็นชัดเท่านั้นแหละ “วาว” เขาครางชื่อหนึ่งขึ้นมาเสียงเบาหวิวคล้ายจะให้มันล่องลอยไปบนอากาศ แล้วหายวับไปเหมือนฟองสบู่แตก แต่ไม่ใช่... แม้เจ้าหล่อนจะคล้าย หรืออาจบอกได้เต็มปากว่าเหมือน ‘วาววิไล’ แต่ท่าทางที่แม้จะเก้ๆ กังๆ ไปบ้าง กับสีหน้าประหม่าเล็กน้อยไม่ถึงกับตื่นกลัวอะไรนี่ บวกกับความอ่อนเยาว์ที่เขาเพิ่งเห็นชัดๆ ตอนที่เพ่งมองจนแทบจะทะลุเนื้อหนังของอีกฝ่ายได้ ก็ทำให้เขาได้สติที่เหมือนจะหลุดลอยไปในห้วงของสุญญากาศชั่วเสี้ยววินาทีนั้น “ไม่เป็นไรค่ะ น้อยยืนไหว” คนตอบต้องรีบเสมองต่ำ เพราะมัวเผลอจับจ้องใครที่ไหนก็ไม่รู้ ที่วิ่งเข้ามากระแทกจนหล่อนแทบกลิ้งหลุนๆ ลงบันไดไป แล้วพยายามแกะมืออุ่นร้อนที่ช่วยประคองหล่อนให้ลุกขึ้น ออกอย่างสุภาพที่สุด “อ่อ...” ผู้มาเยือนขานรับสั้นๆ แถมเลิกคิ้วขึ้นสูงทำเหมือนไม่แยแสสิ่งใดในโลก ก่อนจะยอมปล่อยมือออกแต่โดยดี พอได้เห็นชัดขึ้นถึงแน่ใจว่าคนตรงหน้าไม่ได้เหมือนวาววิไลซะทีเดียว แต่ไอ้ที่เหมือนจนน่าตกใจน่ะ... ก็มีไม่ใช่น้อย “คุณ... มาหาใครหรือคะ” “วาวอยู่มั้ย” เขารีบสลัดความคิดบางอย่างออกจากหัวแล้วตอบคำถามแม่เด็กน้อย ‘หน้าใส ยิ้มสวยเป็นบ้า’ “ตอนนี้อาวาวนอนกลางวันอยู่น่ะค่ะ แต่เดี๋ยวน้อยขึ้นไปปลุกให้” “ไม่ต้องปลุกหรอก ผมรอได้ แล้วนี่ไอ้เต้อยู่หรือเปล่าล่ะ” หญิงสาวระบายยิ้มรับ แม้ไม่เคยพบเจอ หรือรู้จักชายหนุ่มผู้นี้มาก่อน แต่หล่อนว่าหล่อนก็เดาได้ว่าเขาคือใคร “อยู่ค่ะ แต่น้อยไม่รู้ว่าอาเต้อยู่ตรงไหนของบ้านหรอกนะคะ เหมือนเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วยังเห็นนั่งดูทีวีอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว เอาเป็นว่าคุณไปนั่งรอข้างในก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวน้อยไปตามอาเต้ให้” เขาเผลอพินิจรอยยิ้มพิมพ์ใจที่ถอดแบบมาจากใครบางคน ฟังเสียงกังวานใสที่กำลังเจื้อยแจ้วคลอไปด้วย ให้อารมณ์เหมือนกำลังฟังเพลงจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่บ้าน ทั้งเนื้อหาและดนตรีที่ฟังกี่ทีก็ให้คำจำกัดความได้อย่างเดียว ‘เร่าร้อน’ ตอนนี้กลับทำให้เขาเยือกเย็นได้เสียนี่... เยือกเย็นดุจน้ำแข็งที่พร้อมจะดับความร้อนเร่านั้นซะเอง พอรู้ตัวว่าเผลอคิดอะไรไปซะไกล ชายหนุ่มเลยต้องรีบเสยผมที่หล่นลงมาปรกหน้าเร็วๆ ความคิดเขามักจะไวกว่าการกระทำเสมอ และครั้งนี้ก็เหมือนกัน เขาไม่เคยห้ามมันได้สักครั้ง แต่ก็อย่างว่า เขามันเป็นคนโสดที่มีเลือดมีเนื้อ มีความต้องการและจินตนาการสูงกว่าใคร ... มันถึงได้สนุก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD