Chapter 1 :: พยศ (A)

2263 Words
1 พยศ ในสถานกักกันเชลยทาสสาว ราชองครักษ์หนุ่มเฝ้ามองเธอ แปลกที่ว่าทำไมเขาจึงสนใจนาง และเกิดเวทนาสงสารอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกกับเชลยทาสคนไหนเลย “เจ็บไหม?” เขาเอ่ยถามขณะยื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่พกติดตัวเสมอให้กับนางไว้ซับเลือด นางแบบบางเหลือเกิน หญิงสาวแหงนหน้ามองเจ้าของเสียงทุ้มด้วยสายตาที่พร่าพรายไปด้วยน้ำตา ความเจ็บปวดที่เธอได้รับ ทำให้ร่างกายอันบอบบางต้องมีน้ำตาพรากพราย อีกทั้งหัวใจที่ตื่นกลัวเพราะแวดล้อมไปด้วยคนแปลกหน้า “...” “ข้าถามเจ้าเพราะคาดหวังคำตอบ... ไม่ใช่ให้เจ้าเงียบ!” เขาหยุดจ้อง ก่อนเอ่ยต่อไปในน้ำเสียงเจือแววห่วงใย “ดูแล้วเจ้าคงระบมไปหมด” ชายหนุ่มแสดงความเห็นอกเห็นใจ พลางก็ยื่นผ้าบางที่เขาเองพกมันไว้สำหรับเช็ดหน้าและหยดเหงื่อ ทว่าแต่วันนี้ผ้าผืนน้อยที่ยังไม่ได้ใช้ เขาจึงเห็นว่าเป็นการเหมาะที่จะให้หญิงสาวใช้เพื่อซับเช็ดเลือดบางๆที่ไหลซิบริมเรียวปากสีชมพูบางนั่นของหญิงต่ำชั้นที่ร่างกายสะบักสะบอมมอมแมม! “เอ้า! เช็ดรอยเลือดที่มุมปากเจ้าเสียสิ แล้วหยุดร้องไห้ได้แล้ว” ราชองครักษ์หนุ่มออกคำสั่ง แปลกจริงอยู่ๆเขาก็นึกเห็นใจทาสนางนี้ขึ้นมา จะว่าไปนางก็ถือว่าเป็นหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มงดงาม แม้เขาเองจะไม่ค่อยได้เห็นหญิงสาวเชื้อสายเผ่าพันธุ์บ่อยนัก แต่ความที่เป็นทายาทอันดับปลายแถวที่ถูกส่งตัวไปเรียนเมืองฝรั่ง เขาจึงรู้ว่า ดวงหน้าของหญิงทาสที่นั่งมอมแมมอยู่ตรงหน้าคงมีเชื้อสายยุโรเปียนอยู่บ้าง แต่ทำไมหญิงสาวผู้มีแววตาสีฟ้าดุจท้องฟ้ากระจ่างสดใส ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ แต่กลับมีสีผมสีดำไปทางคนเอเชีย แต่นั่นเมื่อเขายิ่งพิศเพ่งมองดวงหน้าและดวงตาคู่นั้นของนาง ชายหนุ่มก็ยิ่งพบว่าไม่มีตรงไหนเลยที่ไม่สวย ดวงหน้ากระจ่างใสได้รูป ปากสีชมพูระเรื่อเล็กรูปกระจับรับกับจมูกโด่งงดงามดุจคันศร และต้องหยุดจ้องที่ดวงตาสีฟ้าคู่งามราวตกอยู่ในมนต์สะกดทุกครั้งที่มองหญิงสาวผู้นี้ แต่นางเป็นใครมาจากไหน แล้วมาอยู่ในสภาพทาสของท่านชีคได้อย่างไร “ท่านมาทำดีต่อข้าไปเพื่ออะไร ในเมื่อผู้คนทั้งหมดในเมืองนี้ โดยเฉพาะนายของท่านชีค ต่างก็เกลียดข้าอย่างกับอะไร” นางถามขึ้นพร้อมเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง ราวสะกดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ นางเข้าแข็งเกินหญิง แม้ว่าเรือนร่างจะแบบบางขนาดนั้น “แล้วทำไมข้าต้องเกลียดเจ้าด้วยล่ะ เจ้าออกจะอ่อนแอ” เขาเอ่ยขึ้น ก็นางช่างเอ่ยคำไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย “ฮึ!” ทาสสาวนึกฉุน “เจ้ายังไม่รับผ้าไปซับเลือดที่ริมฝีปากเจ้าอีก” เขายังย้ำ จนร่างบางเผยมือน้อยๆออกมารับผ้าผืนน้อยจากชายหนุ่มและมาซับรอยเลือกที่ไหลซิบๆตามคำว่าของชายหนุ่มอย่างว่าง่าย “ราฟัส เจ้ามัวชักช้าอะไรอยู่?” เสียงองครักษ์เพื่อนสนิทร้องถามเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังมัวโอ้เอ้อยู่กับนางทาสและไม่มีทีท่าว่าจะนำนางไปกักขังตามคำสั่งของจักรพรรดิ “เจ้าไม่เห็นหรือไงว่านางเจ็บอยู่?” “จะไปสนใจทำไม นางมันก็แค่ทาสพลัดถิ่น ไม่แน่ใจว่าเป็นพวกนางรำ นางโลมหรือพวกยิปซีเร่ร่อนกันแน่ ถึงจะเจ็บจะตายพวกเราไม่เคยสนใจอยู่แล้ว” “พวกเจ้าไม่มีมนุษยธรรมเลย” “ท่านน่ะใจอ่อนจนเกินไป ไม่เหมาะจะเป็นองครักษ์หมายเลขหนึ่งของท่านชีคด้วยซ้ำ นี่ถ้าไม่ติดว่าท่านเป็นพระญาติมีศักดิ์เป็นน้องชายของท่านชีคราฟาเอลแล้วละก็ ท่านคงไม่รุ่งในวงการองครักษ์แห่งเคียร์ร่าเป็นแน่” ทหารผู้ใหญ่ท่านหนึ่งปรามาสขึ้นแต่แทนที่ราฟัสจะรู้สึกโกรธ แต่เขากลับใจเย็นและมองว่านั่นคือบททดสอบเขา ภายนอกจึงแสดงออกด้วยรอยยิ้มอย่างมีไมตรีและน้อมรับคำติติงของทหารผู้อาวุโสท่านนั้นอย่างมีมารยาท “ข้าพอรู้ว่าท่านชีคเข้มแข็งเลื่องชื่อ และเชี่ยวชาญทางการรบ แต่ไม่น่ารวมถึงสิ่งที่พวกเจ้าจะทำกับนาง ถึงจะเป็นทาสนางก็ไม่ได้ผิดอะไร” “นางอาจเป็นสายของศัตรูก็ได้ใครจะไปรู้” ท่านชีคสันนิษฐาน พระองค์ไม่เคยไว้ใจใครง่ายๆ ต่อให้เป็นอิสสตรีที่งดงามราวนางฟ้าก็ตาม “เรื่องนั้น ไว้ให้มีหลักฐานก่อนเถิด” ราฟัสยืนยัน ในใจเขาสงสารผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งที่ตอนนี้อยู่ในต่างบ้านต่างเมืองที่มองไปทางไหนก็มีแต่คนแปลกหน้า เขาสงสารนางด้วยหัวใจของคนที่มีมนุษยธรรมมากกว่าความรู้สึกอื่นใด “ฮึ! หรือว่าท่านต้องตาต้องใจนางทาสนั่นเข้าให้แล้ว ว่าแต่ดูๆไปนางก็หน้าตาพริ้มเพราใช่เล่นนะ” “ท่านใช้อะไรคิด?” ราฟัสชักสีหน้าเปลี่ยนเป็นเข้มดุและเริ่มแสดงอาการไม่พอใจจากที่ถูกเพื่อนองครักษ์พูดจาล่วงเกิน สิ่งที่เขาแสดงออกไปทำให้เพื่อนองค์รักคนเดิมเริ่มยำเกรงขึ้นมาทันทีเพราะรู้ตัวว่าตนล่วงเกินพระญาติเข้าให้แล้“เราจะพาเจ้าไปอยู่รวมกับทาสอื่นๆก็แล้วกัน” “ทาสอย่างหม่อมฉัน ท่านอยากจะทำอะไรก็ตามใจท่านเถอะ ข้าเป็นทาสมีสิทธิ์ต่อรองงั้นหรือ?” นางปากดีใส่ ทำเอาอีกฝ่ายส่ายหัวดิก ทว่าแววตาคมกริบคู่นั้นของราฟัสกลับฉายแววเอ็นดูนางขึ้นมาอย่างประหลาด เมื่อมาถึงกระโจมของพวกทาสที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทราย องครักษ์หนุ่มก็หันมามองยังทาสสาวสวยก่อนจะเอ่ยขึ้นเป็นคำสั่งว่า “เข้าไปสิ!” เขาบงการเสียงดุ “ข้าต้องอยู่ในนี้งั้นหรือ?” ทาสสาวเอ่ยถาม “เจ้าเป็นทาสที่เราจับตัวได้ระหว่างทาง ฉะนั้นระหว่างเดินทางเพื่อกลับดินแดนจักรวรรดิของพวกเรา เจ้าก็ต้องอยู่รวมกันกับทาสคนอื่นๆในนี้ล่ะ” ราฟัสบอก “ข้าไม่มีทางเลือกงั้นสินะ” เชลยทาสเอ่ยเสียงเศร้า “อีกไม่กี่วันเราก็จะถึงเมืองแล้ว เจ้าคงลำบากอีกไม่นานหรอก” “ทำไมท่านต้องมาใยดีข้าด้วย? ในเมื่อข้าเป็นเพียงเชลยทาส” หญิงสาวเอ่ย ดวงตาฉ่ำหวานมองเขาอย่างไม่วางใจนัก “เจ้านี่แปลกคน ที่ถามเช่นนี้เจ้าอยากให้ทุกคนที่นี่ร้ายต่อเจ้านักหรืออย่างไร?” องครักษ์หนุ่มย้อนให้ประโยคนั้นที่ทาสสาวได้ยินถึงกับทำท่างอนตุ้บป่องไม่กล้าเอ่ยอันใดเสริมต่อความกับชายร่างสูงโปร่งผู้มีเมตตาต่อนางอีกเลย จริงอยู่ท่านชายผู้นี้เป็นองครักษ์ เป็นนักรบแต่กับนางเขากลับมีแต่สายตาอันอ่อนโยนใจดีจนแคทเธอรีนสัมผัสได้ “...” นางเงียบเสียงไม่มีความสามารถที่จะต่อกรเขา พลางก็หลุบสายตาลง “เจ้าเข้าไปพักผ่อนได้ เดี๋ยวถ้ามีการงานคงมีคนมาบอกให้เจ้าทำ” ราฟัสสั่งทว่าน้ำเสียงของเขายังเป็นมิตร จะว่าสงสารทาสสาวหน้าตางดงามคนนี้ก็คงใช่ “ท่านทำเพื่ออะไร ทำไมต้องมาทำดีกับข้าด้วย?” แคทเธอรีนเอ่ยถามดวงตาเศร้าแม้ในใจจะรู้สึกซาบซึ้งที่องครักษ์หนุ่มคนนี้ช่วยนางไว้หลายครั้ง แท้จริงแล้วเขาต้องการสิ่งใดกันแน่ “ข้าทำกับเจ้าก็ตามหลักมนุษยธรรมน่ะ ท่านชีคก็ทำกับเจ้าหนักหนาเกินกายหญิงจะรับได้ เอาเถอะ เจ้าไปพักเสีย แล้วค่อยว่ากันใหม่” จากนั้น หญิงสาวนัยน์ตาสีฟ้างดงามอย่างลึกล้ำ ก็เดินเข้าไปกระโจมหลังใหญ่ท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุ ข้างในก็พบ เชลยทาสทั้งชายหญิงหนาแน่นอยู่รวมกันจนแทบจะทะลักกระโจมออกมา นางจึงหามุมเล็กที่มีบริเวณพอที่จะนั่งนอนในเวลาหลายวันได้ ก่อนที่จะหย่อนตัวลงนั่งสักพักใหญ่ๆ จนกระทั่งเผลอหลับลงไปอย่างง่ายดายเพราะความเหนื่อยล้า... ท่ามกลางความระอุร้อนกลางทะเลทราย พระอาทิตย์เปล่งรัศมีแห่งแสงสะท้อนรอยทราย เป็นแสงทรายที่ระยิบระยับ เพียงไม่นานเมื่อพระอาทิตย์คล้อยต่ำย่ำยามเย็นและจวนเวลาลับขอบฟ้า ท้องฟ้าอีกด้านก็มืดครึ้มพร้อมๆกับอากาศที่เยียบเย็นแผกกันราวฟ้ากับดินในช่วงระหว่างวัน ยามทิวาราตรี ก็มีเพียงความสงัดเงียบเข้าครอบงำ จนกระทั่งรุ่งเช้าของอีกวัน ท้องฟ้าสดใสปรอดโปร่ง บริเวณไม่ห่างไกลจากกระโจมที่พัก กลุ่มชายฉกรรจ์ห้าถึงหกคน ออกทำกิจกรรมยามเช้าตามประสาหนุ่มวัยคะนอง “เมื่อวานเรียบร้อยดีไหม?” เจ้าของร่างสูงโปร่ง สง่างามทรงพลังอำนาจ แม้มองแต่ไกลก็รู้ว่าเขาน่าจะเป็นผู้นำของกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรังสีบารมีรวมทั้งท่วงท่าและน้ำเสียงทั้งหมดต่างเสริมกันให้ชายหนุ่มผู้นี้เพียบพร้อมสมบูรณ์อย่างไร้ที่ติ “ถ้าท่านกำลังหมายถึงทาสหญิงผู้นั้นละก็ ทุกอย่างถือว่าเรียบร้อยดี” ราชองครักษ์หนุ่มตอบด้วยดวงหน้าเรียบนิ่ง “แต่มีคนรายงานว่าเจ้า ดูเหมือนจะอิดออดอยู่กับนางอยู่ร่วมชั่วโมง” ชีคราฟาเอลยิ้มด้วยมุมปากเพียงข้างหนึ่งอย่างรู้ทัน ราชองครักษ์ผู้เย็นชามาโดยตลอดเผยรอยยิ้มกลั้วเสียงหัวเราะทันทีที่ถูกอีกฝ่ายมองอย่างรู้ทัน “ฮะๆ ท่านนี่เป็นจักรพรรดิที่หูตากว้างขวางชนิดที่สับปะรดยังคงต้องอาย” “ก็ข้าเป็นผู้นำที่นี่ ฉะนั้นใครทำอะไร ข้าจำเป็นต้องรู้ไม่ใช่หรือ?” “แต่ท่านวางใจได้ ข้าเพียงแต่รู้สึกเห็นใจนางเท่านั้น” “นางเป็นแค่เพียงเชลยทาส” ชีคราฟาเอลเอ่ย “ทาส มิใช่คนหรอกหรืออย่างไร ท่านอย่าลืมสิ ท่านเป็นผู้ครองประเทศ เป็นผู้นำสูงสุดควรมีความเมตตากรุณาต่อประชาราษฎร์ แม้จะกับคนที่ได้ชื่อว่าทาส ถ้าเรายังไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่านางทำผิดอะไร ท่านผู้เป็นถึงท่านชีคก็มิควรรังแกนางอย่างที่ท่านได้กระทำลงไปเมื่อวันที่ผ่านมา?” ราฟัสตำหนิท่านชีคผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายจนผู้ถูกตำหนิเสียความมั่นใจใบหน้าถอดสีจนสังเกตได้ ขณะเดียวกันใจอันแข็งแกร่งของพระองค์ก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาก่อนเอ่ยถามกลับไปว่า “นางมีดีอะไร? ข้าไม่เคยเห็นเจ้าออกโรงปกป้องใครอย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิต ตั้งแต่เล็กจนโต มีครั้งนี้ที่เจ้าแสดงออกจนดูกร้าวกับข้า เจ้าบอกข้ามาให้หายข้องใจหน่อยสิว่านางทาสนั่นมีดีอันใดเจ้าถึงปกป้องขั้นนี้?” ท่านชีคตั้งข้อสังเกต “ข้าไม่มีคำตอบ แต่เรามีทาสมากพอแล้ว กว่าจะถึงเมืองเราเกรงว่าจะเป็นภาระ” เหตุผลแสนเรียบง่ายขององครักษ์หนุ่ม “แต่นางหลงมาในสถานการณ์แบบนี้ ไม่มีเหตุผลเลย ใครจะรู้ว่านางอาจเป็นสายของฝ่าย ศัตรูที่ปลอมตัว และแสร้งว่าพลัดหลงมา” องคจักรพรรดิผู้มิอาจไว้ใจใครโดยง่ายกล่าวสันนิษฐาน ถ้าแม้ว่ามันเป็นความจริงขึ้นมา เคียร์ร่าจะตกอยู่ในภาวะอันตรายทันที “แต่ดูแล้วนางไม่น่าจะมีพิษภัย” “ยอดฝีมือ ทว่าพ่ายอิสตรี เจ้าคงไม่เคยได้ยินสินะ!” สิ้นคำ รอยยิ้มเยาะหยันปรากฏบนใบหน้าชีคหนุ่มผู้ดุดัน หัวใจเขาเย็นชาอย่างยิ่ง หล่อ ทรงอิทธิพล และดุดันเย็นชา คือคุณสมบัติเด่นที่หลอมรวมขึ้นเป็นตัวตนของชีคราฟาเอล “ข้าไม่ได้วอกแวกขนาดนั้น ข้าเพียงเห็นใจหากนางไม่ใช่สายของศัตรู นางจัดว่าเป็นหญิงสาวที่น่าสงสาร ข้ารับรู้ได้จากแววตาของนาง” ราชองครักษ์ราฟัสแจง ดวงหน้าหล่อเหลาแน่วนิ่งไม่แสดงอารมณ์ “แววตาพยศ ปากร้าย ถือดีนั่นน่ะหรือ?” ท่านชีคราฟาเอลค้านเสียงเข้มอย่างไม่พอใจนัก “ท่านใจร้ายเกินไปที่ทำร้ายนางแบบนั้น” ราฟัสองครักษ์หนุ่มผู้มีเชื้อสายเป็นน้องชายของท่านชีคกล้าเอ่ยเถียง เพราะทนเห็นพี่ชายแท้ๆ ทำร้ายร่างกายผู้หญิงตัวเล็กๆที่ไม่มีทางสู้ต่อไปไม่ได้ “ฮึ! สำหรับข้าไม่มีคำว่าใจร้ายหรือใจดี นางผยองไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ที่โดนไปนับว่าน้อย” สิ้นคำตรัสของท่านชีคราฟาเอล พระองค์ก็เหนี่ยวคันธนูมาสุดกำลัง ก่อนที่จะเล็งเป้าแล้วยิงมันออกไปข้างหน้า หมายล่าสิ่งมีชีวิตที่วิ่งหนีตายเบื้องหน้า ก่อนที่จะควบม้าไปอีกด้าน และเผยแขนหนาใหญ่ของตนเพื่อรองรับพญาอินทรีคู่ใจที่บินวนเวียนอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าที่สดใสและสุดท้ายมันก็ค่อยๆร่อนตัวลงมาเกาะที่บนลำแขนของผู้เป็นเจ้าของอย่างว่าง่าย “เจ้าทำดีมากลูกรัก ต้องอย่างนี้สิ” ราฟาเอลเอ่ยปากชมพญาอินทรีย์ก่อนที่จะควบม้านำเหล่าองครักษ์และผู้ติดตามชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ทั้งหลายกลับที่พัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD