“แม่ง! ดื้อชิบ! ถ้ารู้ว่าตื่นแล้วจะทำแบบนี้ น่าจะเอาให้หมดแรง! นอนสลบไปสักสิบวัน หยุด หยุดสิวะ!”
ภูมินทร์พูดอย่างหัวเสีย ขยับตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว พลิกร่างคนที่ยังประทุษร้ายตัวเองลงบนเตียง รวบสองมือเล็กขึ้นมากดทับไว้เหนือศรีษะ ใช้มือขวากดทับไว้ มือซ้ายคว้าหมับเข้าที่ปลายคาง บีบแรงๆจนใบหน้าซีดเซียวบิดเบี้ยว
กึ่ด
“ด่าอีกสิ!”
“ไอ้บ้า! สารเลว!”
กึด!
“อื้อ!”
มือที่จับอยู่ปลายคางเปลี่ยนมาบีบข้างแก้ม แรงบีบทำให้ลลิสาน้ำตาซึม แต่ถึงอย่างนั้นความโกรธก็ยังมีมาก ในเมื่อด่าเขาทางปากไม่ได้ เธอก็ใช้สายตาด่าเขาแทน แช่งชักหักกระดูกไปจนถึงบรรพบุรุษนู้นเลย
“ถ้าจะโกรธ ไปโกรธแม่ของเธอนู้น ที่หลอกเธอมาขึ้นพานถวายเป็นอาหารให้ฉัน ยัยโง่เอ้ย!”
ภูมินทร์กดริมฝีปากลงไปพูดใกล้ๆ สบดวงตาโกรธเคืองอย่างไม่ใส่ใจ เหยียดริมฝีปากยิ้มเยาะ เมื่อเธอง้างปากเพื่อพ่นคำด่าออกมาอีก เขาก็ถือโอกาสครอบครองมัน
ริมฝีปากหวานล้ำเจือกลิ่นเลือดเล็กน้อย ลิ้นหนาจึงแทรกผ่านเข้าไปช้าลง เมื่อแตะจนรู้ว่าบาดแผลอยู่ตรงไหน ก็กดลิ้นลงแรงๆ เพื่อย้ำความเจ็บปวดให้กับเธอ
“อึก! อ้า!”
กึ่ด!
“บ้าชิบ! นี่เธอกัดฉันอีกแล้วเหรอ!”
ภูมินทร์ผลักคนที่กัดตัวเองออกห่าง ลลิสาถือจังหวะนั้นขยับตัวหนีลงจากเตียง ยกมือปิดหน้าอกกับจุดซ่อนเร้น จ้องผู้ชายตัวโตตาขวาง เมื่อการหายใจเริ่มกลับมาเป็นปกติ ก็ตะโกนด่าออกไปอีก
“ไอ้ระยำ!”
ร่างเปลือยเปล่ากำยำก้าวลงจากเตียง คว้าไหล่คนตัวเล็กดึงเข้ามาใกล้ ก้มหน้าลงกระซิบบอกสอดไรฟัน
“ฉันยังมีอะไรให้เธอประทับใจมากกว่านี้ อย่าคิดหนี จนกว่าแม่ของเธอ จะหาเงินมาใช้หนี้ฉันหมด!”
คนฟังถึงกับน้ำตารื้นขึ้นเต็มหน่วย สิ่งที่เธอสงสัยมาตลอดทั้งคืน ตอนนี้ชัดเจนแล้ว แม่เลี้ยงของเธอ หลอกเธอมาให้เขาย้ำยีจริงๆ คงไปยืมเงินผู้ชายคนนี้ไว้ แล้วหนีหายไม่ยอมจ่ายเหมือนกับเจ้าหนี้รายอื่นๆ
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และผู้หญิงคนนั้น ไม่มีทางหาเงินมาไถ่ตัวเธอหรอก นั่นก็เพราะเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่เป็นเพียงแค่ลูกเลี้ยง
“แม่ฉันตายแล้ว ตายไปตั้งแต่ฉันยังเด็ก ส่วนแม่ที่คุณพูดถึง คงจะเป็นแม่เลี้ยงที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับฉันเลย คุณถูกเธอหลอกแล้ว ซึ่งฉันเองก็ด้วย ฉันไม่รู้อะไรกับเรื่องนี้เลย”
ลลิสาบิดตัวออกจากการเกาะกุม ซึ่งทำมันได้อย่างง่ายดาย สอดสายตามองหาเสื้อผ้า ปล่อยให้คนตัวโตยืนตะลึง เพราะความจริงจากปากของเธอ
เขารู้ว่าโดนผู้หญิงคนนั้นหลอก แต่ไม่คิดว่าจะโดนหลอกมากขนาดนี้ ลูกสาวคนอื่นงั้นเหรอ! ให้ตายสิ!
“เธอจะบอกว่า … ทั้งหมดนั่น มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด?”
ลลิสาก้มลงหยิบเสื้อผ้าข้างเตียงขึ้นมาสวม ไม่สนใจตอบคำถามเพราะเธอพูดมันอย่างชัดเจนแล้ว เมื่อใส่เสื้อผ้าจนเสร็จ ก็เดินกลับมาพูดย้ำ ให้คนที่ทำเรื่องเลวทรามกับตัวเองแบบไม่หาข้อมูลฟังอีกรอบ เขาจะได้ไม่ตามไประรานเก็บเงินกับเธออีก
“ฉันไม่ใช่คนก่อ หนี้พวกนั้น คุณไปเก็บเอามันกับน้าวรรณเถอะ ส่วนที่คุณได้จากฉันไปนั้น….” ลลิสาเบือนหน้าหนีจากร่างเปลือยเปล่ากำยำ “ถือซะว่าฉัน ทำทาน”
พูดจบร่างบอบบางก็ก้าวออกไปจากห้อง ภูมินทร์ตาเบิกกว้างกับคำพูดสุดท้ายของคนตัวเล็ก อยากจะวิ่งตามไปจับกลับมาตีก้นสักป้าบ แต่สภาพตัวเองนั้นล้อนจ้อนอยู่ กว่าจะหาเสื้อผ้ามาสวมแล้วตามออกไป เธอก็ไม่อยู่แล้วให้ทำแบบนั้น
@ลานจอดรถ
ลลิสาขับรถออกไปจากสถานที่ ที่มีเพียงความทรงจำอันแสนเลวร้าย แช่งชักหักกระดูกผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ของตัวเองไปอย่างหยาบโลน เผื่อแผ่มันไปถึงคนที่หลอกเธอมาให้เขากระทำชำเราอย่างวรรณวลีด้วย ถ้าไม่ติดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแม่สุดที่รักของน้องชาย เธอจะแจ้งตำรวจมาจับไปนอนคุกสักสิบยี่สิบปี
ลลิสาหอบความเหนื่อยล้าและความคับแค้นใจ มาจนถึงร้านขายเสื้อผ้าของตัวเอง ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่เกิดเหตุเท่าไหร่นัก อาคารขนาดสองชั้นสองคูหา เป็นที่พักของเธอและเป็นร้านเสื้อผ้า ที่เธอใช้มันทำมาหาเลี้ยงชีวิต แต่ร่างกายที่เหนื่อยล้าในวันนี้ทำให้เธอตัดสินใจว่าจะปิดร้าน และเป็นโชคดีของเธอที่พนักงานของร้านขอลาหยุดวันนี้พอดี เธอไม่อยากอธิบายว่าทำไมถึงไม่เปิดร้าน ทั้งๆที่ตั้งแต่เปิดมาไม่เคยปิดมันเลย
เมื่ออาบน้ำล้างคราบต่างๆบนร่างกายเสร็จ ร่างบอบช้ำก็เดินมาหาเสื้อผ้าใส่ ยิ่งเห็นร่องรอยของเขาบนร่างกาย ความโกรธและคับแค้นใจก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณ โชคดีที่เขารู้จักป้องกันด้วยการสวมใส่ถุงยางอนามัย ถ้าหากเขาทำตัวมักง่าย เธออาจจะโกรธเขามากกว่านี้
ลลิสาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงสีชมพูหวาน ความเหนื่อยล้าเจ็บปวดเล่นงาน แต่ไม่สามารถข่มความรู้สึกให้หลับได้ สัมผัสวาบหวามของเขาคนนั้น ยังคงวนเวียนอยู่ตามผิวกาย ทำให้เธอรู้สึกร้อนผ่าวอยู่เรื่อยๆ กว่าจะข่มความรู้สึกให้นอนได้ ตะวันก็คล้อยต่ำเตรียมลับลาโลก
สองวันต่อมา
10 : 45 น.
ประตูกระจกของอาคารขนาดสองคูหา ปิดสนิทเข้าวันที่สอง ลูกค้าประจำพ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิท จอดรถมองอยู่ข้างอาคารด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ
ตั้งแต่วันที่เพื่อนเล่าให้ฟังว่าจะไปเอาเงินกับแม่เลี้ยง เธอก็ติดต่อลลิสาไม่ได้เลย มาหาที่ร้าน ร้านก็ไม่เปิด ทางเดียวที่จะทำให้หายข้องใจและหายเป็นห่วงได้ จึงมีแค่การบุกรุกเข้าไปหาถึงห้องพักเท่านั้น
เพลิงนารีเปิดประตูทางเข้าด้านหลังอาคาร ด้วยกุญแจที่ตัวเองมี เดินขึ้นบันไดไปอย่างคุ้นเคย ตามปะสาคนที่เป็นเจ้าของสถานที่ ยกมือเคาะประตูห้องนอนของเพื่อนแรงๆ แต่เคาะอยู่นานก็ไม่มีเสียงตอบกลับ คนหน้าหวานจึงตัดสินใจลองหมุนลูกบิดประตูดู
แอ๊ด!
“อลิส … ตายแล้ว! ยัยอลิส! ทำไมสภาพเป็นแบบนี้เนี่ย!”
ร่างกายที่มีสัดส่วนความสูงมากกว่า 175 ปรี่เข้าไปใกล้เตียง วางมือลงบนหน้าผากชื้นเหงื่อ ชักมือกลับทันทีเมื่ออุณหภูมิที่สัมผัสได้ สูงกว่าอุณหภูมิปกติของคนทั่วไป ลลิสาปรือตาขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิท ก็ปิดตาลงเหมือนเดิม
ทั้งที่เธอกินยาอยู่ตลอด แต่อาการป่วยมันไม่ดีขึ้นเลย