วันต่อมา
@ฟาร์มภูมินทร์
ในห้องทำงานใหญ่ ภายในอาคารสำนักงาน ที่ตั้งอยู่กลางไร่ภูมินทร์ มือหนากำเอกสารในการกู้ยืมไว้แน่น โกรธแค้นผู้หญิงที่กล้าหลอกลวงตัวเอง ด้วยการใช้ลูกเลี้ยงมาเป็นหลักประกัน ซ้ำตอนนี้ยังหนีหายอย่างไร้ร่องรอย ตามหาตัวยังไงก็ไม่เจอ
“มึงกำลังจะบอกกู ว่าผู้หญิงคนนั้นแอบหนีข้ามประเทศไปแล้ว?”
“คะ ครับ! ครับนาย”
ปึ่ง!
“มึงไม่อยากทำงานกับกูแล้วใช่ไหมไอ้สิน!”
สิ้นเสียงตวาด แฟ้มเอกสารบนโต๊ะ ก็ลอยหวือไปตามแรงโยน เฉียดผ่านใบหน้าของลูกน้อง ที่ไว้เนื้อเชื่อใจให้ดูแลธุรกิจเงินกู้ไปเพียงไม่กี่เซ็น สินถึงกับขนลุกขนชัน เคยเห็นตอนพ่อเลี้ยงโกรธ แต่ไม่เคยเห็นตอนที่โกรธขนาดนี้มาก่อน
ไอ้สินจะตกงานก็คราวนี้แหละ
“ไปสืบมาให้หมด ว่ามันมีคนรู้จักอยู่ที่ไหนบ้าง ถ้ากูไม่ได้เงินหกล้านของกูคืน มึงเตรียมตัวตายได้เลย”
“ครับนาย!”
ตอนนี้มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินเท่าไหร่ แต่มันเกี่ยวกับความไม่พอใจล้วนๆ เขาไม่เคยโดนแบบนี้มาก่อน ผู้คนต่างให้ความเคารพนับถือ และยำเกรงจนเรียกขานว่าพ่อเลี้ยง ทั้งที่อายุยังไม่มาก ผู้หญิงคนนั้นกล้ามาก ที่กล้าลองดีกับคนแบบเขา
สองชั่วโมงต่อมา
สินกลับเข้ามาในห้องทำงานของเจ้านาย พร้อมกับเอกสารปึกหนึ่ง เดินอย่างกล้าๆกลัวๆ วางมันลงบนโต๊ะให้เจ้านาย ภูมินทร์ละสายตาจากเอกสารงานส่วนของฟาร์ม มองกระดาษที่สินนำมาให้ เมื่อเห็นชื่อกำกับว่าวรรณวลี เขาก็รีบคว้ามาเปิดดู
ใบหน้าหล่อเหลาคมคายตึงสนิท เมื่อบุคคลที่เขาอยากจะตามไปพบคนแรก ขึ้นตัวอักษรกำกับสีแดงแจ๋ ว่าตายแล้ว ส่วนคนที่สองชื่อลลิสา อายุ 24 ข้อมูลในนี้บอกชัดเจนเลยว่าทั้งสองคนเกี่ยวข้องกันแบบไหน ส่วนคนสุดท้ายชื่อตติยะ อายุ 18 แม้จะเป็นลูกชายแท้ๆ แต่ก็ยังอยู่ในวัยเรียน
แต่ละคน! น่าโมโหจริงๆ
“เด็กคนนี้เรียนอยู่ที่กรุงเทพเหรอ?”
“ครับนาย”
ชื่อมหาวิทยาลัยในแผ่นกระดาษบอกไว้ชัดเจน แต่ภูมินทร์แค่ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ แม้จะเรียกเก็บเงินไม่ได้ เพราะยังเด็กอยู่ แต่ไปพบปะพูดคุยด้วยสักหน่อย อาจจะดีกว่าไม่โผล่หน้าไปเลย
“มึงไปทำงานของตัวเองไป ให้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายนะไอ้สิน ถ้ามีอีก กูคงปล่อยมึงไว้ไม่ได้”
“ครับ ครับนาย!”
สินรับคำแข็งขัน ภูมินทร์โบกมือไล่เบาๆ ครั้งนี้เป็นความผิดครั้งแรกของมัน ที่ไม่สามารถรวบรัดหนี้จากผู้หญิงคนนั้นได้ ลงโทษสถานเบาด้วยการหักเงินเดือนไปแล้ว ถ้ามีครั้งหน้า เขาคงต้องหาคนที่ไว้ใจได้คนใหม่มาแทนมัน
เมื่ออยู่ในห้องทำงานเพียงลำพัง พ่อเลี้ยงหนุ่มเจ้าของฟาร์มม้าเพียงแห่งเดียวของจังหวัด ก็ไล่สายตาอ่านเอกสารเกี่ยวกับลูกหนี้อีกครั้ง ทั้งที่สามีเพิ่งจะเสียไปเมื่อต้นปี และมีเงินประกันทิ้งไว้ให้ กลับไม่ยอมเอาเงินมาตัดต้นเขาเลยสักเดือน คนแบบนี้ ไม่น่าหลวมตัวเซ็นต์เอกสารอนุมัติเงินกู้ให้เลยจริงๆ
“มีใครอยู่ข้างนอกไหม?”
เสียงทุ้มตะโกนถามผ่านเครื่องมือสื่อสารในห้อง เพียงไม่นานคนดูแลในไร่ก็เปิดประตูเข้ามา หญิงวัยสามสิบต้นๆ เดินเข้าไปใกล้เจ้าของฟาร์มด้วยกิริยานอบน้อม ภูมินทร์ลดเอกสารในมือลง บอกสิ่งที่ตัวเองต้องการออกไป
“ไปบอกให้พระนายเตรียมรถ ฉันจะไปกรุงเทพ”
“ค่ะ พ่อเลี้ยง”
รับคำเสร็จก็รีบเดินออกไป เมื่ออยู่คนเดียวอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาก็เครียดขรึม ความโกรธมีมากกว่าความรู้สึกผิด ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นไม่หลอกลวง เขาคงไม่ทำแบบนั้นกับเด็กมันหรอก มันไม่ใช่ความผิดของเขา ไม่ใช่!
สามชั่วโมงต่อมา
รถยนต์สีดำรุ่นใหม่ล่าสุดและสมรรถนะดีเยี่ยม ขับเคลื่อนเข้าไปในอาณาเขตของมหาวิทยาลัย เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่ตัวเองเคยมาบ่อยๆ ในสมัยก่อน ภูมินทร์จึงรู้ทุกซอกทุกซอยดี เมื่อรถยนต์จอดลงหน้าตึกคณะแพทยศาสตร์ ร่างสูงใหญ่กำยำก็ก้าวลงจากรถ โดยไม่รอให้คนขับมาเปิดประตู
“แก! แกดูคนนั้นสิ ใครอะ! โคตรหล่อ!”
เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันที แต่คนที่เป็นสาเหตุให้สาวๆฮือฮา กลับมีทีท่าไม่ยี่หระเท่าไหร่ ร่างสูงใหญ่สวมใส่สูทผ้าเนื้อดีเดินไปใกล้สาวๆที่กำลังพูดถึงตัวเองอยู่
“อุ๊ย! เขาเดินมาทางนี้แล้ว แก!!”
“ขอโทษครับ รู้จักตติยะหรือเปล่า?”
ภูมินทร์เลือกถามสองสาวสวมชุดกราว ที่คุยเกี่ยวกับเขาเสียงดังที่สุด สองสาวพยายามนึก เมื่อรู้สึกคุ้นหูกับชื่อนั้นอยู่บ้าง ก็พยักหน้าหงึกหงักเป็นการตอบ แอบลอบสังเกตใบหน้าหล่อเหลาในระยะปะชิด บิดตัวไปมาด้วยความรู้สึกเขินอาย
“ช่วยไปตามเขามาเจอผมหน่อยได้ไหม”
“ได้สิคะ”
รับปากเสร็จ สองสาวนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่สองก็เดินจากไป ภูมินทร์เดินกลับไปยืนพิงตัวรถรอ เพราะไม่มีที่ว่างพอให้นั่ง ท่วงท่าที่ไม่ต่างจากนายแบบนิตยสาร และหน้าตาที่โดดเด่นชวนมอง ทำให้สาวๆแถวนั้นส่งสายตาเชิญชวนมาให้ พ่อเลี้ยงหนุ่มยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย กับเสน่ห์ที่ไม่เคยจืดจางของตัวเอง
10 นาทีต่อมา
ดวงตาคู่คมทอดมองไปด้านหน้า จุดโฟกัสตกอยู่ที่ร่างของเด็กหนุ่มหน้าตาเกลี้ยงเกลา แม้หน้าตาจะคล้ายวรรณวลีอยู่บ้าง แต่กลับเหมือนใครคนหนึ่งมากกว่า เหมือนคนที่เขาพรากเอาความบริสุทธิ์ไปอย่างจาบจ้วง รุนแรง และเอาแต่ใจ
เหมือนพี่สาวจริงๆ หน้าหวานจนนึกว่าเป็นผู้หญิง
“สวัสดีครับ คุณ? เอ่อ”
“สวัสดี ฉันภูมินทร์”
ภูมินทร์แนะนำตัวเพียงสั้นๆ คนที่ได้ยินชื่อนั้นชัดเต็มสองหู แสดงออกทางสีหน้าว่าสงสัย ชายหนุ่มอายุมากกว่าเหยียดยิ้มมุมปาก สอดส่องสายตามองพาพื้นที่ ที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าตรงนี้ เมื่อเจอก็ชักชวนคนอ่อนกว่าไปคุยกันตรงนั้น
“ไปคุยตรงนั้นดีกว่า พอดีว่าธุระของฉัน มันค่อนข้างยาว”
พูดจบก็เดินนำคนตัวเตี้ยกว่าไปช้าๆ ท่าทางสบายๆของคนแต่งตัวภูมิฐาน ไม่ได้ทำให้คนเดินตามรู้สึกสบายใจได้เลย ตติยะรู้สึกสงสัย พอๆกับรู้สึกหวาดกลัว
เขารู้จักพ่อเลี้ยงภูมินทร์เป็นอย่างดี ผู้ชายคนนี้คือชายหนุ่มผู้โด่งดังของจังหวัด เขาคนนี้มีเรื่องดีๆให้คนเล่าขาน และแน่นอนว่า เรื่องที่ไม่ดีก็มีมาให้ได้ยินเหมือนกัน เป็นบุคคลที่เข้าขั้นอันตรายเลย สำหรับคนธรรมดาแบบเขา
“นั่งสิ”
“คะ ครับ”
ภูมินทร์รอจนกระทั่งเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้า มีอาการกระวนกระวายเพราะความอยากรู้ เหยียดยิ้มนิดๆ เมื่อนึกไปถึงใครบางคน ถ้าหากเธอคนนั้น ทำกิริยานอบน้อมเหมือนที่น้องชายทำ คงจะดูน่ารักกว่านี้
“เข้าเรื่องเลยนะ!”
“ครับ พะ พูดธุระของพ่อเลี้ยงได้เลยครับ”
“? รู้จักฉันอยู่แล้วสินะ แบบนี้ก็ดีเลย เพราะฉันขี้เกียจอธิบายยืดยาว วรรณวลีติดหนี้ฉันเกือบหกล้าน ฉันไม่จำเป็นต้องมาที่นี่เลย ถ้าหากแม่ของนายไม่หนี้ข้ามประเทศไป แบบไม่ค*****นฉันสักบาท”
“คะ ครับ? แม่ แม่ติดหนี้พ่อเลี้ยงเยอะขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
“นี่ไม่รวมดอกเบี้ย!”
เพราะดอกเบี้ยพวกนั้น เขาได้รับมาแล้ว ไม่ใช่จากวรรณวลี แต่หักลบออกจาก ความสาวที่ได้รับจากผู้หญิงอีกคน
“ผม ผมไม่มีเงินหรอกครับพ่อเลี้ยง”
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มคลอน้ำ ลำพังตัวเขาเองยังต้องพึ่งพาพี่สาวต่างแม่ เรื่องค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนอยู่เลย หนี้เยอะขนาดนั้น ไม่รู้จริงๆว่าจะหาที่ไหนมาคืน
“คิดว่าพูดแบบนี้ แล้วฉันต้องใจดียกเงินของฉันให้หรือไง?”
“ปะ เปล่าครับ ไม่ใช่แบบนั้นครับ”
คนอายุน้อยรีบร้อนบอกออกไป ภูมินทร์ถอนหายใจเบาๆ ก็รู้สึกสงสารอยู่นิดๆแหละ แต่นั่นมันเงินของเขา มันไม่ผิดที่เขาอยากจะได้มันคืน ไม่ว่าน้อยหรือมาก ถ้าหากขึ้นชื่อว่าขอยืม มันก็ต้องได้คืนอยู่แล้วไหม เขาไม่ใช่นักบุญซะด้วยสิ