[ในห้วงความฝัน]
“กรี๊ดดดดด!!!!” เจียวซินถึงกับล้มตึงหงายหลังไป จะไม่ให้นางตกใจได้อย่างไร หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านางตอนนี้กำลังลอกลิ้นปลิ้นตาใส่นาง อย่างกับผีไทยที่เขาเห็นในภาพยนตร์ของโลกก่อน
“ฮื่ออออ อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะ-” ฮื่ออออ สวดยังไงต่อละเนี่ยย ยังไม่ทันที่เจียวซินจะสวดมนต์ต่อก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวผู้นั้นดังขึ้น
“โอ๊ะ! ข้าทำเจ้าตกใจหรือ เจียวซิน ฮ่าๆ” หญิงสาวเอามือป้องปากหัวเราะ คิกคัก ดีอกดีใจที่กลั่นแกล้งเจียวซินได้สำเร็จ แล้วจึงเลิกลอกลิ้นปลิ้นตาและกลับมาเป็นหน้าเดิม
“จะ จางเจียวซิน!!” เจียวซินที่มองเห็นใบหน้าของหญิงสาวชัดเจนก็รู้แน่ชัด ว่าหญิงสาวผู้นี้คือจางเจียวซินคนเก่า
“เป็นข้า แต่เราเรียกจางเจียวซินๆ กันไปมาคงวุ่นวายน่าดู เรียกข้าว่าคุณหนูจางเถิด” คุณหนูจางหรือจางเจียวซินคนก่อน กล่าวบอกกับเจียวซิน ด้านเจียวซินที่มึนงงและตื่นกลัวพยายามกำลังเรียกสติกลับคืนมา
“คุณหนูจาง ท่านมาเข้าฝันข้าหลายครั้งต้องการสิ่งใดหรือ หรือ…หรือว่าท่านอยากได้ร่างกายของท่านคืน” บัดนี้นางคงกำลังอยู่ในห้วงความฝันเป็นแน่ เจียวซินจึงเริ่มเรียบเรียงสถานการณ์
“มิใช่ มิใช่ ตัวข้าหมดอายุขัยในโลกนี้แล้ว แล้วที่ข้ามาเข้าฝันเจ้าเพราะข้ามีเรื่องจะกล่าวกับเจ้า” คุณหนูจางจับจูงมือของเจียวซินเข้าไปนั่งในศาลาริมน้ำ ทั้งที่ก่อนหน้านางพยายามเข้าไปหลายครั้ง ทั้งเตะทั้งต่อยสิ่งที่กีดขวางแต่ก็มิเป็นผล บัดนี้กลับเข้ามาอย่างง่ายดายเช่นนี้ มันคืออันใดกัน
“อย่างที่เจ้าได้เห็นไปข้ามิได้โดดน้ำหวังฆ่าตัวตายเพราะท่านอ๋องจอมวางท่า ผู้นั้นจะขอหย่า เรื่องหย่าข้าเองก็ดีใจเสียด้วยซ้ำไป” คุณหนูจางกล่าวออกมาอย่างซื่อตรง
“เอ๋!!! ท่านดีใจ เหตุใดเล่ามิใช่ว่าท่านแอบรักท่านอ๋องมานานแล้วหรือ” เจียวซินงุนงงกับคำพูดของคุณหนูจางไม่น้อย
“แอบรงแอบรักอันใดกันเล่า!!! ท่านอ๋องจอมวางท่าผู้นั้นข้ามิชื่นชอบหรอก คนที่ข้าหมายตาคือองค์รักษ์ห่าวซวนต่างหากเล่า” คุณหนูจากพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด
“แล้วเหตุใดทุกคนจึงเล่าลือว่าท่านรักปักใจท่านอ๋องได้เล่า”
“ก็ทุกคนเข้าใจผิดไปกันหมดนะสิ!! ข้าเจอองค์รักษ์ห่าวซวนครั้งแรกตอนท่านอ๋องที่เป็นรองแม่ทัพในครานั้นได้รับชัยจากสงครามกับพวกนอกด่านทางใต้ ท่านพ่อและข้าก็ไปรับขนวนของกองทัพกลับเมืองหลวงด้วยเช่นกัน ข้าจ้องมององค์รักษ์ห่าวซวนอยู่นาน จากนั้นเราก็สบตากัน” ไม่พูดเปล่า คุณหนูจางทำท่าทางประสานมือทั้งสองข้างไว้กลางอก หลับตานึกเพ้อฝันถึงเหตุการณ์อันหวานชื่น ริมฝีปากบางก็พูดเล่าเรื่องต่อ
“ยามที่เราสองสบตากัน ข้าก็คิดแล้วว่าเขาต้องตกหลุมรักข้าเป็นแน่ ข้าจึงส่งยิ้มเขินอายไปให้เขาทุกครั้งที่เราเจอกัน สายตาข้ามองไม่เห็นท่านอ๋องแม้แต่น้อย แต่ใครจะรู้เล่าว่าทุกคนจะเข้าใจผิดคิดว่าข้าไปแอบรักท่านอ๋องไปซะได้ เห้ออออ” เมื่อเล่าถึงตอนนี้คุณหนูจางก็ถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก
“อ่า~” แม้จะคิดว่ามันเป็นไปได้แต่ว่า…คำพูดของคุณหนูจางมันขัดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นหรือไม่ ทั้งเรื่องหึงหวง ผงเสน่ห์ และยังเรื่องวางยาปลุกกำหนัดท่านอ๋องอีก
“ตอนข้าได้รับพระราชทานสมรสข้าลมแทบจับ ทั้งพี่ชายข้ายังมาแสดงความยินดีต่อข้าอีก เจ้าพี่บ้านั้นก็เข้าใจผิดไปกับเขาด้วย ฮึ่ย! น่าโมโห”
“เอ่อ ข้าพอเข้าใจนะ แต่ว่าที่ท่านทำท่าทีหึงหวงท่านอ๋อง ทำท่าทีว่ารักใคร่ ทั้งยังมีเรื่องผงเสน่ห์นั่นอีกเล่า ท่านจะว่าอย่างไร” เจียวซินถามสิ่งที่ตนเองสงสัยไปจนหมด
“นี่ข้าถูกไต่สวนอยู่งั้นหรือ…ช่างเถิด ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเอง…” คุณหนูจางเริ่มเล่าเป็นฉากเป็นตอน ตอบครบทุกข้อสงสัยของเจียวซิน
จากที่เจียวซินได้ฟังสรุปความได้ว่า
ประเด็นที่หนึ่ง คุณหนูจางมิได้แอบรักท่านอ๋อง แต่นางชื่นชอบองค์รักษ์ห่าวซวน
ประเด็นที่สอง คุณหนูจางแอบมองแอบส่งยิ้มให้องค์รักษ์ห่าวซวน แต่ทุกคนคิดว่านางส่งให้ท่านอ๋อง
ประเด็นที่สาม อดีตแม่ทัพจางเข้าใจผิดว่าคุณหนูจางแอบรักท่านอ๋องจึงขอพระราชทานสมรสให้คุณหนูจางแต่งเข้าจวนอ๋อง
ประเด็นที่สี่ คุณหนูจางทำท่าทีหึงหวง เพราะอยากให้ทุกคนและท่านอ๋องเห็นว่าขาดคุณสมบัติการเป็นภรรยาที่ดีจะได้หย่าขาดกับนาง
ประเด็นที่ห้า เรื่องผงเสน่ห์ คุณหนูจางซื้อจริง! เอาไปใช้จริง! แต่นางนำไปใช้กับองค์รักษ์ห่าวซวน ซึ่งนางเป่าใส่หน้าองค์รักษ์ห่าวซวน แต่องค์รักษ์ห่าวซวนกลับสลบไปเลย นางจึงบอกหนิงเออร์ว่าใช้ไม่ได้ผล และสุดท้าย...
ประเด็นที่หก ที่ท่านอ๋องว่านางวางยากำหนัดท่าน แท้จริงแล้วอนุจ้งรีบร้อนจนทำกาน้ำชาของคุณหนูจางที่จะนำไปให้ท่านอ๋องหก อนุจ้งจึงยกกาน้ำชาที่นางถือ ให้คุณหนูจางเอาเข้าไปแทน แล้วก็ถูกจับได้ ท่านอ๋องจึงลั่นวาจาจะหย่า คุณหนูจางจึงวิ่งออกมาดีใจที่ศาลา และก็เป็นอย่างที่เจียวซินฝัน…
เห้ออออ เรื่องทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้
“แล้วตอนนี้ท่านยังรักองค์รักษ์ห่าวซวนอยู่อย่างนั้นหรือ” เจียวซินที่ยังสงสัยเรื่องนี้ถามขึ้น
“ข้ามิได้ผูกใจรักเขามากมายถึงเพียงนั้น ข้าหมดอายุขัยในโลกนี้แล้ว หวังเพียงอยากให้เขาได้เจอคนที่เขารักก็เท่านั้น” คุณหนูจากพูดออกด้วยแววตายินดี มิได้มีแววตาแห่งความโศกเศร้าหรืออาลัยอันใด
“เช่นนั้นท่านอยากให้ข้าทำสิ่งใดให้หรือไม่”
“ข้ามิได้มีห่วงอันใด มีเพียงท่านพี่ซีห่าวและหนิงเออร์เท่านั้นที่อยากฝากเจ้าดูแล บอกท่านพี่ทีว่าข้ารักและคิดถึงเขา หนิงเออร์ก็ด้วยช่วยดูแลและรักนางแทนข้าที” เมื่อพูดถึงครอบครัวสองคนที่เหลืออยู่คุณหนูจางก็น้ำตาไหลออกมาโดย ไม่รู้ตัว นางยังมิทันได้กอดร่ำลาพวกเขาเลยสักครั้ง
“แล้วท่านอยากให้ข้าบอกพวกเขาหรือไม่ว่า…ว่าท่านได้จากไปแล้ว”
“อย่าบอกพวกเขา อย่าให้พวกเขาต้องมาเศร้าโศกอีกเลย…ข้าคงจะต้องไปแล้ว” คุณหนูจางพูดพลางปาดน้ำตาที่ไหลออกมา
“แล้วท่านจะไปที่ใดหรือ ท่านจะมีความสุขดีใช่หรือไม่”
“ข้าสุขสบายดีอยู่กับท่านพ่อท่านแม่ พวกท่านเอาอกเอาใจข้ามากเพียงใดเจ้าก็รู้ดี ว่าแต่เจ้าเถิด จากนี้หากเจ้าเลือกยืนเคียงข้างท่านอ๋องเจ้าจะต้องพบเจอกับเรื่องราวมากมาย จงเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีเล่า”
“ข้ามิได้บอกว่าจะอยู่เคียงข้างเขาเสียหน่อย” แม้ปากจะปฏิเสธแต่ใบหน้าเจียวซินนั่นแดงก่ำ
“หากเจ้ามิรู้สึกอันใดกับเขา เจ้าคงมิรู้สึกผิดต่อข้าเช่นนี้หรอก” คุณหนูจางยิ้มกริ่มและพูดต่อ
“อ่อ อีกอย่างนะ…เจ้าก็รีบเข้าหอกับท่านอ๋องจอมวางท่าผู้นั้นเสีย ข้าจะได้มาเกิดเป็นบุตรของเจ้าอย่างไรเล่า”
“เอ่อ จะดีหรือ ข้าว่ามันออกจะ…” เจียวซินอ้ำอึ้ง หากนางมีบุตรสาวที่แสบซนเช่นคุณหนูจางละก็…ฮ่าๆ มิอยากจะคิดเลยจริงๆ
“เจ้าพูดเช่นนั้นหมายความว่าจะไม่รับข้าเป็นบุตรงั้นหรืออออ!” คุณหนูจางถึงกับเท้าสะเอวจ้องหน้าเจียวซินเขม็ง
อ่า~ ทำถึงเพียงนี้ นางจะปฏิเสธได้อีกหรือ
“ได้ๆ ข้ารับท่านเป็นบุตรแน่ แต่หวังว่าท่านคงไม่แสบซนเหมือนชีวิตที่แล้วหรอกนะ” เจียวซินเอ่ยเย้าคุณหนูจาง
“จิ๊! ข้าซนเมื่อใดกัน…อ๊ะ! ข้าต้องไปจริงๆ แล้ว ใช้ชีวิตให้ดี ร่างกายนั้นเป็นของเจ้ามิใช่ของข้าอีกต่อไป ฝากเจ้าดูแลครอบครัวของข้าด้วยนะ” สิ้นเสียงของคุณหนูจางทุกอย่างก็มืดดับไป
เจียวซินลืมตาขึ้นมาในความมืด ร่างกายยังรู้สึกถึงความอบอุ่นจากคนข้างกายทั้งสองคนทำให้นางรู้ว่านางได้ตื่นจากฝันแล้ว ต่อจากนี้ร่างกายนี้เป็นของนาง นางจะใช้ชีวิตให้ดี และดูแลครอบครัวของคุณหนูจางเป็นอย่างดี
แต่เอ๊ะ!? … ในฝันนางตอบรับคุณหนูจางว่าจะให้นางมาเป็นบุตรของนาง นี่มิใช่ว่านางยอมรับกับคุณหนูจางหรือว่าจะเข้าหอกับท่านอ๋อง โถ่เอ้ย! โดนหลอกเสียได้ นี่สินะที่เขาว่า “ผีหลอก” รู้ซึ้งก็ครานี้
เจียวซินคร่ำครวญกับตนเองได้ไม่นานก็หันกลับมามองใบหน้าคม แม้จะเห็นไม่ชัดแต่แสงจันทร์ที่ลอดผ่านเข้ามาก็พอจะทำให้นางเห็นว่าคนข้างกายนั้นหล่อเหลามากเท่าใด มือเรียวไล้ไปตามกรอบหน้าของสวามี
“หากจะลองรักดู คงมิมีอันใดเสียหายใช่หรือไม่” เมื่อไม่มีเรื่องคุณหนูจาง ความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นก่อนหน้าก็หดหายไปจนหมดสิ้น
“หึ รักได้ มิผิดอันใด” เฟยเทียนใช้แขนแกร่งดึงรั้งร่างบางเข้ามาใกล้จนต่างฝ่ายต่างสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของกันและกัน
“อ๊ะ! ท่านอ๋องมิได้หลับหรือเพคะ”
“ข้าเป็นนักรบ ต่อให้หลับสนิทถึงเพียงใดแต่หากมีคนแอบกินเต้าหู้ข้า(การลวนลามหรือแต๊ะอั๋ง) ข้าย่อมรู้สึกตัว”
“หม่อมฉันมิได้แอบกินเต้าหู้เพคะ เพียงแค่…เพียงแค่หม่อมฉันเห็นยุงเกาะที่แก้มท่าน จึงได้เอามือปัดให้” เจียวซินแก้ตัวอย่างข้างๆ คูๆ
“งั้นหรือ…มิใช่ว่าเจ้ากำลังลูบไล้ใบหน้าอันหล่อเหลาของข้าหรอกหรือ หืม?” เฟยเทียนยกยิ้มมุมปากอย่างคนที่เหนือกว่า
“มิใช่เสียหน่อย ปล่อยหม่อมฉันได้แล้วเพคะ หม่อมฉันง่วงนอนเต็มทีแล้ว” เจียวซินรีบหาวิธีเอาตัวรอดมิให้ถูกท่านอ๋องต้อนจนมุม เหตุใดคนเราจึงมีท่าทีที่เปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้กันนะ เมื่อก่อนแม้จะพูดคุยกันแต่ก็ยังมีเส้นกั้น ให้ความรู้สึกถึงชนชั้นที่ต่างกัน ดูสูงส่งจนนางมิกล้าจะล้ำเส้น แต่บัดนี้ความรู้สึกเหล่านั้นกลับหายไป มีเพียงความรู้สึกคันยุบยิบๆ ในใจ ท่านอ๋องผู้นี้ดูเบามิได้เลย
เฮ้ออออ รับมือยากขึ้นทุกวัน
“ที่ข้าบอกว่ารักได้ ข้ากล่าวตามจริง เพราะข้าเองก็คง…รักไปแล้วกระมัง” เฟยเทียนกล่าวออกมา แต่มิได้รับการตอบรับกลับมา
“เจียวซิน เจ้าฟังข้าอยู่หรือไม่”
“หม่อมฉันหลับแล้วเพคะ” เจียวซินซุกใบหน้าที่แดงก่ำเข้ากับอกแกร่ง ยังดีที่ในห้องไม่ได้มีแสงมาก มิเช่นนั้นท่านอ๋องต้องเห็นใบหน้าอันแดงก่ำของนางเป็นแน่
นี่ไม่ใช่ว่า “บอกรัก” กันหรอกหรือ …หรือนางคิดไปเอง
“หึๆ เช่นนั้นก็นอนเสียเถิด” เฟยเทียนคลายอ้อมกอดลงให้นางได้นอนสบายมากขึ้น
เช้าวันใหม่ที่เต็มไปด้วยความสดชื่น แต่ทั้งสามคนยังนอนพูดคุยกันอยู่ บนเตียง องค์ชายน้อยที่ตื่นขึ้นมาก็ย้ายตนเองมานอนตรงกลางระหว่างเฟยเทียนและเจียวซิน
“วันนี้น้องวาดภาพให้เจียวซินดูดีหยือไม่ น้องวาดเก่งจนเสด็จพ่อชมว่าน้องเป็นจิตกรมือหนึ่งของแคว้นเลยทีเดียว” เสียงเล็กขององค์ชายตัวน้อยพูดเจื้อยแจ้ว
“เก่งกาจเสียจริงอาหลงของเจียวซิน” ไม่พูดเปล่า เจียวซินขยับไปหอมแก้มให้รางวัลคนตัวเล็ก
“ยามข้าอายุเท่าหนิงหลง เสด็จพ่อก็ชมว่าข้าจะต้องเป็นนักรบที่เก่งกาจที่สุดในแคว้นเช่นกันนะ” เฟยเทียนเอ่ยขึ้นมา เขาหวังว่าจะได้รางวัลดังเช่นน้องชายบ้างจึงเอียงแก้มไปให้เจียวซินใกล้ๆ
“อันใดเพคะ ท่านอ๋องคันแก้มหรือ” เจียวซินเอ่ยถามทั้งที่รู้จุดประสงค์ ของสวามีดีอยู่แล้ว แต่เพียงอยากแกล้งท่านอ๋องคืนบ้าง ขอนางแกล้งคืนสักคราเถิด คิกๆ
“ก็…รางวัลอย่างไร แบบที่หนิงหลงได้น่ะ” เฟยเทียนที่เริ่มเขินอายในสิ่งที่ตนทำจึงเอ่ยเสียงเข้มเพื่อกลบเกลื่อน
“ท่านอ๋องเป็นเด็กหรือเพคะ ถึงอยากได้รางวัลเช่นอาหลง”
“ใช่ ข้าเป็นเด็ก เป็นเด็กขี้อิจฉาและก็ชอบลงโทษคนที่ทำตนมิเท่าเทียม อยากรู้หรือไม่ว่าบทลงโทษคืออันใด” เฟยเทียนแสยะยิ้มอย่างตัวร้ายในละคร จ้องมองไปที่เจียวซินไม่วางตา
“มิ มิอยากรู้เพคะ ว๊าย! ท่านอ๋อง ฮ่าๆ” เจียวซินพยายามดีดดิ้นให้หยุดพ้นจากการลงโทษของเฟยเทียนที่บัดนี้ใช้นิ้วจิ้มตรงเอวของเจียวซินไม่หยุด ด้านองค์ชายน้อยที่เห็นว่าพี่ชายและเจียวซินกำลังเล่นสนุกกันก็อยากเล่นด้วย
“น้องเล่นด้วยๆ” องค์ชายตัวน้อยเข้าไปช่วยเฟยเทียน นิ้วเล็กๆ จิ้มไปที่ซอกคอของเจียวซินไม่หยุด
“พอแล้วๆ ฮ่าๆ คิก พอแล้วเจียวซินยอมแล้วๆ” เสียงหัวเราะคิกคักของนายเหนือหัวทั้งสามคนดังลอดออกมาจากทำให้ข้ารับใช้อดที่จะยิ้มตามมิได้ หากมี ท่านอ๋องน้อยออกมาวิ่งเล่นในจวนสักสองสามคนคงครึกครื้นมิเบา
.
.
“พี่สามจะไปวาดภาพกับน้องหรือไม่” องค์ชายน้อยที่รับสำรับเช้าเสร็จเรียบร้อยเอ่ยถามผู้เป็นพี่ชาย
“อืม พี่จะไปวาดด้วย อยากรู้นักว่าจิตกรมือหนึ่งของแคว้นจะวาดได้งดงามเพียงใด”
“หึ น้องจะวาดให้พี่สามดู”
“หากพวกเจ้าจะวาดภาพกันยามใดก็ให้มาตามข้าที่ห้องตำราแล้วกัน” เฟยเทียนกล่าวบอกเจียวซินและหนิงหลงแล้วจึงเข้าไปทำงานในห้องตำรา เจียวซินจึงพาหนิงหลงออกไปเดินย่อยในสวนหลังตำหนักใหญ่ พลางคิดไตร่ตรองถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่นางมาอยู่ที่นี่ นางมีหนิงเออร์ที่คอยดูแลนางมาตลอด จากชีวิตที่ไม่มีผู้ใด ทำงานเลี้ยงตนเองไปวันๆ มาถึงบัดนี้นางมีหนิงเออร์ มีนางกำนัลที่คอยดูแลนาง มีเสด็จแม่ เฟิ่งเออร์ หนิงหลง และที่สำคัญนางมี ท่านอ๋อง ผู้ที่นางกำลังจะเปิดใจรับเขาเข้ามาในฐานะคนรัก ฐานะสวามี อย่างแท้จริง การได้รับโอกาสให้มีชีวิตใหม่ครานี้คงต้องขอบคุณสวรรค์ที่เมตตานาง ใบหน้าเจียวซินประดับด้วยรอยยิ้มกว้างตลอดเวลา
“เจียวซิน น้องว่าเราไปวาดภาพกันดีหยือไม่” องค์ชายตัวน้อยเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเล่นในสวนจนเบื่อแล้ว
“ได้ เช่นนั้นเราไปหาท่านอ๋องที่ห้องตำรากันเถิด” เจียวซินจูงมือน้อยๆ ตรงไปที่ห้องตำราอย่างอารมณ์ดี หลังจากหมดความกังวลเรื่องคุณหนูจาง นางก็สบายใจขึ้นไม่น้อย ทั้งยังไม่คิดจะปิดกั้นความรู้สึกที่มีต่อท่านอ๋อง
แต่ทว่า…