...แสงแฟลชสาดส่องเข้าหน้าไม่หยุด สายป่านวางมือลงที่แผ่นอกแกร่งของเขา ผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา เขารวย แถมยังมีเสน่ห์จนอดที่จะมองไม่ได้เลยจริง ๆ
“มองอะไรฉันนักหนา” มองจนปรินทร์ไม่ไหว เขาเอ่ยพูดเสียงแผ่วเบา แม้นหน้าจะมองที่กล้องอยู่ก็ตาม
“เอ่อ ขอโทษค่ะ ฉันแค่รู้สึกว่าคุณน่ามอง” เขาไม่ได้ตอบกลับ ไม่รู้ว่าจะห้ามอย่างไรด้วย ก็ตัวเองน่ามองจริง ๆ อย่างที่หล่อนว่า
“เดี๋ยวคุณปริมหันหน้าไปหาคุณสายป่านหน่อยนะครับ” เสียงของผู้กำกับดังขึ้น ไม่ทำตามก็คงไม่ได้ เขาอยากให้ถ่ายให้เสร็จไว ๆ ส่วนมุกดาน่ะหรือ
...หล่อนย่นจมูกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ชิ! เห็นคนสวยไม่ได้ ต้องคุยด้วยตลอด” เธอไม่ได้ยินหรอก ว่าเขาคุยอะไร แต่เห็นใบหน้าของนางแบบคนนี้แล้วก็เกิดหมั่นไส้ขึ้นมา หล่อนฉีกยิ้มไม่หยุด แถมยังมีแววตาวาววับ เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่าเธอสนใจเขาคนนั้นมากแค่ไหน
มุกดานั่งเงียบอยู่นาน ใบหน้าบอกบุญไม่รับนั้นทำให้ปรินทร์รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง รังสีแห่งความหึงหวงที่แผ่กระจายไปรอบตัวเธอ
“เรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณทุกคนครับ ทำดีเหมือนเดิมเลยนะครับ คุณสายป่าน” มุกดาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย เธอเดินเข้าไปใกล้คนตัวโต กางร่มให้เขาอย่างที่ควรจะทำ
“เป็นไร” เอ่ยถามเสียงเรียบ คว้าขวดน้ำมาดื่ม
“คงมีความสุขนะคะ ได้อยู่ใกล้คนสวย”
“หึ” เขาหัวเราะเบา ๆ ไม่คิดว่าเธอที่ยังดูเหมือนเด็กจะมีอารมณ์หึงหวง “เพราะอย่างนี้มั้งเลยชอบอยู่ใกล้เธอ”
“หือ?” คำตอบของเขาทำเอาเธอเบิกตากว้าง ทำไมเขาชอบอยู่ใกล้ หรือเขากำลังจะบอกว่าเธอเองก็สวย “มะ หมายความว่าไงคะ”
“หึ...ไร้เดียงสาเหรอ”
“เอ่อ...”
“_”
“เปล่าหรอก แค่ไม่อยากคิดไปเอง” เธอว่าเสียงอ่อน หันไปมองสายป่านก็ได้แต่อิจฉา ผู้หญิงอะไรสวยก็สวย แถมสูงอีกด้วย เธอมีผิวสีน้ำผึ้ง สวยแบบไทยแท้ สัดส่วนโค้งเว้าพร้อมกับหน้าอกหน้าใจของเธอนั้นทำให้มุกดาก้มหน้าลงมองหน้าอกของตัวเอง
“ของฉันก็มีเหมือนกันแหละ” พึมพำพูดคนเดียว ระหว่างเดินตามหลังคนตัวโตไปขึ้นรถ แต่ทว่า
“เดี๋ยวค่ะ คุณปริม” เสียงของนางแบบสาวก็ทำให้คนทั้งคู่ชะงักฝ่าเท้าไป
“พอดีฉันอยากชวนคุณไปทานข้าวด้วยค่ะ” เธอว่าพร้อมกับยกมือยกไม้ ไม่เคยมีครั้งไหนที่สูญเสียความมั่นใจแบบนี้มาก่อน มือไม้ก็ช่างระเกะระกะเสียจริง
“ไม่ครับ ผมมีคนทานด้วยแล้ว” ตอบหน้าตาย เล่นเอาคนถามหน้าเหวอเลยทันที
“ใครคะ คุณ...มีแฟนแล้วเหรอคะ” ชายหนุ่มไม่อยากเสวนาด้วย เขาไม่ได้สนใจเธอเลย แม้นจะสวยและดูดีแค่ไหน แต่ว่าสายตาของเขาตอนนี้มันกลับไม่ให้ความสนใจหล่อนอย่างที่ผู้ชายคนอื่นเป็น “เอ่อ ไม่ตอบแสดงว่าไม่มี แล้วจะไปทานกับใครคะ”
เธอยังคงเซ้าซี้ไม่เลิก ปรินทร์เห็นอย่างนั้นก็ยื่นมือไปคว้าข้อมือของมุกดา กระตุกเบา ๆ ให้เธอขยับเข้ามาใกล้ ทำเอาสาวเจ้าตกใจ
“กับคนนี้”
“อ้อ เลขาฯ มีงานต้องคุยกันเหรอคะ” เธอไม่ได้คิดว่าเขานั้นกำลังคิดอะไรกับมุกดา หล่อนคิดว่าทั้งสองคนคงมีเรื่องงานให้คุยกันระหว่างทานข้าว ส่วนมุกดาเองก็กะพริบเปลือกตาปริบ ๆ เขาคงเอาเธอมาเป็นไม้กันหมา แต่ทว่า
“เปล่า ฉันอยากกินกับมุกดาต่างหาก” คำพูดของเขาก็เล่นเอาเธอแปลกใจ ทำไมถึงพูดจาสองแง่สองง่ามเช่นนี้
“อ้อ...งั้น”
“เธอไม่เข้าใจเหรอ” สายป่านกำลังจะเอ่ยพูดอีกครั้ง แต่คนตัวโตก็พูดแทรกขึ้น ทำเอาหล่อนหน้าแตกเลยทีเดียว ริมฝีปากบางอ้าพะงาบ ๆ เมื่อถูกหักหน้า ก่อนที่ปรินทร์จะจูงข้อมือของมุกดาออกไป ทิ้งให้เธอโมโหไม่พอใจอยู่เพียงลำพัง
“โอ๊ย! นิสัยเสียชะมัด คิดว่าหล่อรวยแล้วจะทำอะไร ยังไงก็ได้งั้นสิ” ยิ่งได้เขายาก ไม่มีท่าทีสนใจเธอเหมือนผู้ชายคนอื่น ก็เกิดความท้าทายขึ้นมา สายป่านพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ วันพระไม่ได้มีหนเดียวเสียหน่อย วันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ก็ยังมีโอกาส...
...ภายในรถยนต์คันหรูเงียบสงบ มุกดาใจเต้นแรงตั้งแต่ก่อนขึ้นรถ จนถึงตอนนี้ก็ยังเต้นแรงอยู่เหมือนเดิม เธอรู้สึกประหม่าจนต้องกระเถิบตัวหนีห่างคนตัวโตข้างกาย
“เป็นไร” เห็นอย่างนั้นจึงเอ่ยถาม ยิ่งเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มแดงก่ำก็ยิ่งสงสัย เขายื่นมือไปอังหน้าผากของเธอ แต่สาวเจ้ากลับหดคอหนีพร้อมกับยกมือขึ้นจับข้อมือของเขา
“ทำไมทำแบบนี้คะ”
“หือ...”
“ทำตัวเหมือนกับไม่ใช่เจ้านายเลย” เธอว่าเสียงแผ่วเบา เขาเป็นห่วงเป็นใย คอยเทคแคร์เธอมากกว่าเธอเสียอีก ทั้ง ๆ ที่หน้าที่ของเลขาฯ คือการได้ดูแลเขา
“ทำไม ไม่ดีเหรอ”
“ก็...มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณนี่” เธอว่าพลางทำหน้ามุ่ย ดันมือของเขาให้ออกห่าง แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่โน้มตัวมาหาเธอ
“แล้วใครบอกว่าฉันทำเพราะหน้าที่ล่ะ” เอ่ยพูดน้ำเสียงจริงจังจนคนได้ยินนั้นตกใจ
“ละ แล้วทำทำไมล่ะ” เขาไม่ตอบ ปรินทร์กลับไปนั่งหลังตรงเช่นเดิม อยู่ ๆ คำถามของหล่อนก็วิ่งวนในหัว นั่นสิ...เขาทำไปทำไม
...ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้งภายในรถยนต์คันหรู ปรินทร์รู้สึกอึดอัด ยกมือขึ้นขยับปมเนกไทเล็กน้อย เขาหายใจติดขัด หัวใจแกร่งในอกเต้นแรง ใบหน้าเองก็ชาวาบ รับรู้ความรู้สึกตัวเองอย่างสุดซึ้งว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่
เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเลย
ตกดึก...
อาการนอนไม่หลับแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับคนชอบนอนอย่างเธอ มุกดาพลิกตัวไปมา เธอนอนไม่หลับเพราะเขาคนนั้นเมื่อช่วงเย็น ทำไมมีสีหน้าแบบนั้น สีหน้ากระอักกระอ่วน กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“เฮ้อ...” เป็นอะไรของเขานะ เธอนึกคิดในใจ เหมือนว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง หรือเป็นเพราะเขารู้ว่าวันนี้ตนนั้นหึงเขามากแค่ไหน
“นอน ๆ ได้แล้ว พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้า” บ่นงึมงำกับตัวเอง เขาแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้ง ๆ ที่กำลังดีอยู่แล้วเชียว
“ไม่น่าถามเลยเรา” หรือเป็นเพราะเธอถามว่าเขาทำทำไม เธอถามราวกับเรียกร้องขอสถานะ มุกดาอยากเอามือตีตัวเองหนัก ๆ ไม่น่าไปถามแบบนั้นเลย
“เอาไงดี” พอนอนไม่หลับก็อยากจะถามเอาให้ชัด เธอคว้าโทรศัพท์มาเพื่อจะได้ส่งข้อความหาเขา แต่ก็ชั่งใจได้แต่พิมพ์แล้วลบอยู่อย่างนั้น
“โอ๊ย!! จะบ้าตาย” นั่งพูดคนเดียวท่ามกลางความมืดมิดของเวลาสี่ทุ่ม เธอเลื่อนสายตามองเวลาก่อนจะตัดสินใจลงจากเตียงนอน จะไปถามให้รู้แล้วรู้รอดไป
...ด้วยความที่สองข้างทางเป็นสนามหญ้า มีเสาไฟให้แสงสว่างนำทาง และคนงานที่เดินกันให้ขวัก เวลายามค่ำยามคืนแบบนี้ภายในอาณาจักรธนธาดาจึงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
มุกดาจอดจักรยานคู่ใจไว้หน้าบ้านหลังใหญ่นี้ เธอเดินเข้าบ้านราวกับว่าเป็นบ้านตัวเองด้วยความคุ้นชิน สองฝ่าเท้านั้นย่างเบา ๆ ราวกับตีนแมว เธอทำตัวอย่างกับเป็นนางแมวขโมย
พอขึ้นมายังชั้นสองของบ้าน ฝ่ามือบางที่กำเข้าหากันกำลังเคาะบานประตูห้องของเจ้านายหนุ่ม ทว่า
“ได้ยินครับ คุณหมอได้ยินผมหรือเปล่า” เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น มุกดาตกใจ แต่พอเลื่อนสายตามองบานประตูก็เห็นว่ามันแง้มไว้อยู่
“คงเป็นเพราะสัญญาณอินเทอร์เน็ตครับ แต่ผมไปแง้มประตูไว้แล้วครับ” เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษ แต่มุกดาก็ฟังออก ด้วยความที่คุณท่านส่งเธอเรียนโรงเรียนสองภาษาตั้งแต่เด็ก ๆ บอกแล้วไงว่าท่านทั้งสองไม่เคยให้เธอลำบาก ทว่า
[ครับ แล้วเมื่อครู่พูดถึงไหนนะครับ] เธอได้ยินเสียงอีกคนด้วย เจ้านายหนุ่มคงเปิดลำโพงคุยโทรศัพท์
“อ้อ ผมจะบอกว่าผมเริ่มนอนหลับแล้วครับ ไม่ต้องมีผู้หญิงมานอนด้วย” เสียงของเขาดังเบา ๆ ไม่ได้ดังมาก แต่ด้วยความที่บรรยากาศรอบกายนั้นเงียบสงบจึงได้ยินเสียงของเขาชัดมาก
แต่เมื่อครู่อะไรนะ...
มีผู้หญิงมานอนด้วยงั้นหรือ
[งั้นดีเลยครับ มีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นเหรอครับ]
“เอ่อ ก็มีครับ”
[หึ เล่าได้ไหมครับ] มุกดาตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ สงสัยว่าทำไมเขาถึงคุยกับคุณหมอ แล้วทำไมบทสนทนาเหมือนกับว่าเป็นการปรึกษา เป็นการใช้จิตบำบัดเช่นนี้
“คงเป็นเพราะผมอยากให้ถึงพรุ่งนี้เช้าไว ๆ มั้งครับ อยากไปเจอใครคนหนึ่ง” คำพูดของเขานั้นทำให้มุกดาชะงักไป เขากำลังหมายถึงเธอหรือเปล่า
[เธอเป็นคนสวยเหรอครับ]
“น่ารักมากกว่าครับ” มุมปากสวยยกยิ้มขึ้น มุกดาใจเต้นแรงขึ้นมา เขากำลังหมายถึงเธออยู่แหง ๆ
[ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ขอเธอเป็นแฟนไปเลยล่ะครับ] ยิ่งได้ยินคำพูดของคนในสายก็ยิ่งทำให้เธอขวยเขินไปกันใหญ่ มุกดาตัวอ่อนระทวย และมากไปกว่านั้น...
“ผมก็อยากทำอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ว่า...” ริมฝีปากหนาชะงัก เขามองเห็นเงาสีดำตะคุ่ม ๆ ผ่านหน้าจอไอแพดที่ใช้คุยกับจิตแพทย์ประจำตัว เขากลืนน้ำลายลงคอ ในเวลานี้ไม่มีใครอยู่ในบ้าน มีเพียงแค่เขาคนเดียว
แล้วเงาที่เหมือนคนนั้น
ใครกัน
ชายหนุ่มมองหน้าจิตแพทย์ผ่านวิดีโอคอล เขาทำมือไม้เป็นภาษาใบ้บอกว่าจะวางสายก่อน ซึ่งจิตแพทย์ก็เข้าใจ วางสายไปในที่สุด กระนั้นเขาเองก็ยังพูดคนเดียว เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจับสังเกตได้ “ครับ อย่างนั้นเลยครับ”
...พร้อมกับเดินไปที่บานประตู ซึ่งเสียงที่ดังชัดขึ้นนั้นทำให้คนที่หันหลังพิงบานประตูรู้สึกแปลกใจเช่นกัน มุกดากำลังจะหมุนตัวหันไปมองช่องว่างที่แง้มไว้ ทว่า
แกร็ก!
พรึ่บ!!
“อื้อ!!! ฉะ ฉันเอง” ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว ปรินทร์ดึงบานประตูอย่างแรงก่อนจะใช้ท่อนแขนล็อกต้นคอของนางแมวขโมยคนนี้จากทางด้านหลัง ทว่าพอได้ยินเสียงของเธอ
“มุกดา...” ความกังวลกลับเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ให้เป็นโจรตีนแมวยังดีเสียกว่า ชายหนุ่มเกรงว่าเธอจะไปได้ยินบทสนทนาของเขากับจิตแพทย์ส่วนตัว...หากเธอได้ยิน ไม่ใช่เรื่องดีแน่