“โอ๊ะ กางเกงพี่ ผิงขอโทษ” เธอเอาน้ำในขวดที่เหลืออยู่มาเทใส่ผ้าเช็ดหน้าแล้วเอาไปเช็ดที่กางเกงให้เขา ถูๆ จนไม้ซุงรู้สึกวูบวาบหายใจไม่ทั่วท้อง
“ผิง หยุด” เขาจับมือเธอไว้ สิ่งที่อยู่ข้างในมันกำลังพองตัวสู้เหมือนงูพร้อมพ่นพิษ “พอ นี่ไม่ใช่ตะเกียงอาละดิน ถูมากจินนี่ไม่ออก แต่เป็นอย่างอื่นออก มันจะเปื้อนมากกว่านี้”
“จริงเหรอ อะไรเหรอที่เปื้อน อยากเห็น” ขนมผิงยิ้มทะเล้น ดูก็รู้ว่าไม่ได้ไร้เดียงสาเลย
“ทะลึ่ง ยายเด็กแก่แดด แล้วมาทำไมเนี่ย”
“ก็พี่ซุงมา ผิงก็อยากมาสิ เผื่อพี่ซุงอยากเปลี่ยนแฟน หรือไม่ก็อารมณ์เปลี่ยวๆ บรรยากาศชายทะเลจะทำให้เราได้กัน...” ขนมผิงเริ่มจีบอีก
“พี่ไม่หน้ามืดขนาดนั้นยายเบื๊อกเอ๊ย เราน่ะเป็นน้อง จำเอาไว้” ไม้ซุงเอานิ้วจิ้มหน้าผากมน ดันออกไปไกลๆ ตัว
ขนมผิงทำปากจู๋ ทำหน้าเซ็ง
*********
เพราะมั่นใจในฝีมือทำอาหาร ไม่ถนัดใช้แรงงาน ขนมผิงจึงขออยู่แผนกบริการและทำอาหาร ส่วนผู้ชายแยกไปทำหน้าที่ของตนตามแผนที่วางไว้ ขณะเดียวกัน ผู้หญิงที่ไม่ได้รับหน้าที่บริการก็ไปช่วยกันทำพื้นที่สำหรับแปลงปลูกผักกับสนามเด็กเล่น
“น้ำเย็นๆ มาแล้วค่ะ” บัวตะโกนบอก ผายมือไปทางรถเข็นที่บรรทุกถังน้ำ แกลลอนน้ำ คนเข็นรถเป็นชาวบ้านที่มาร่วมแรงแข็งขัน พวกเขาช่วยกันยกลงมาวางใกล้บริเวณก่อสร้างแล้วก็เดินกลับไป
“ขนม ของว่างเจ้าค่ะ” คราวนี้เป็นเป้ย ซึ่งมาพร้อมกับเด็กนักเรียน หอบหิ้วกันคนละมือสองมือ
ไม้ซุงค่อนข้างแปลกใจที่ขนมผิงไม่มาวุ่นวาย ไม่มาให้เห็นหน้าเลยสักนิด ในขณะที่ฝ่ายบริการคนอื่นๆ เดินกันขาแทบขวิด เดี๋ยวยกน้ำมาบริการ เดี๋ยวขนม แต่น้องของเขาหายเข้ากลีบเมฆ ไม่รู้ไปอู้อยู่ที่ไหน
“ผิงล่ะ” กระทิง คนที่คิดถึงขนมผิงอีกคนเอ่ยถาม
“ในครัว ครูแมวให้นั่งกกไข่สองร้อยฟอง” เป้ยตอบ เด็กๆ ที่มาด้วยพากันหัวเราะ
ครูแมวอาสาเป็นแม่ครัวใหญ่ในงานนี้ กลัวแม่ครัวสมัครเล่นจะรับมือไม่ไหว เพราะงานนี้นอกจากกลุ่มนักศึกษาที่มาแล้ว ชาวบ้านยังขมีขมันมาช่วยกันในส่วนของการขนไม้จากโรงเรียนหลังเก่าที่ถูกรื้อ และนำมาใช้สร้างอาคารใหม่ งานหนักจึงตกเป็นของเหล่าแม่ครัว
“พวกเราไปช่วยพี่ผิงกันดีกว่า” เด็กคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
มื้อค่ำวันนั้นกับข้าวมีหลายอย่างเพราะต้องเลี้ยงชาวบ้านด้วย ทั้งผัดผักใส่กุ้ง ลาบหมู ไข่เจียว แกงส้ม และไข่พะโล้ที่หม้อใหญ่เป็นพิเศษ
“ไข่พะโล้นี่อร่อยว่ะ น้ำพะโล้หอม รสชาติกลมกล่อม” ยักษ์ชม
“จริง ไข่ดำได้ใจเลยมึง ดูสิ” กระทิงเอาช้อนเคาะบนไข่ในจาน “กินแล้วหนึบๆ มันๆ อย่างชอบเลย กูไปตักเพิ่มดีกว่า”
“เผื่อด้วยๆ” ไม้ซุงตะโกนตามหลังเพื่อน แล้วชื่นชมกับยักษ์ต่อ “กูเบิลข้าวสามจานแล้ว ไม่ได้ตักกับข้าวอย่างอื่นเลย กินแต่พะโล้ ครูแมวนี่ยอดฝีมือจริงๆ” ไม้ซุงตักหมูสามชั้นเข้าปาก “เปื่อย นุ่ม น้ำพะโล้ซึมเข้าเนื้อ”
“อร่อยใช่ม้า ผิงจำสูตรมาจากย่า หม้อเบ้อเร่อเท่อนั่นฝีมือผิงคนเดียวเลยนะ ตั้งแต่ต้มไข่ยันเคี่ยวจนได้พะโล้หม้อนี้” ขนมผิงเล่าหน้าระรื่นพลางดูดน้ำแก้วโต นั่งแหมะลงที่เก้าอี้ข้างไม้ซุง
“ก็พอได้” ไม้ซุงกลับคำ
“พูดไม่เห็นเหมือนตะกี้เลย เมื่อตอนบ่ายพี่ปันพาไปที่บ้าน บ้านเขาทำน้ำตาลโตนด เลยได้น้ำตาลโตนดแท้ๆ มา”
“พี่ปันไหน คณะเรามีคนชื่อปันเหรอ” ไม้ซุงถามยักษ์ อีกฝ่ายส่ายหน้า
“โน่น” ขนมผิงบุ้ยหน้าพลางส่งยิ้มไปทางชายหนุ่มเจ้าของชื่อ สูง หุ่นดี หล่อ “หลานครูแมว ว่าที่คุณหมอ อยู่ปีห้า มหา’ลัยอื่น อาทิตย์นี้กลับมาบ้านเลยมาช่วยครูแมว”
ไม้ซุงมองไอ้หนุ่มหน้าหล่อนิ่ง ออร่าของมันเปล่งประกายท่ามกลางกลุ่มนักศึกษาที่ถือจานรอให้มันตักกับข้าวใส่ รู้สึกไม่ชอบขี้หน้ามันขึ้นมาอย่างแรง
“ทีหลังจะไปไหนมาบอกพี่ก่อน”
ไม้ซุงสั่งเสียงเข้ม มองหน้าขนมผิงคาดคั้นเอาคำสัญญา หน้าและคอของสาวน้อยเยิ้มเหงื่อ ผ้าคาดผมถูกใช้เป็นยางรัดผมขมวดเป็นกระจุกอยู่บนศีรษะ ปอยผมตกมารุ่ยร่าย แต่มันดูน่ารักละมุนตาฉิบ
นี่เขามองว่าน้องน่ารักแล้วเหรอเนี่ย!!! พอนึกขึ้นได้ก็ตกใจตัวเอง
“ทำไมต้องบอกล่ะ แค่ออกไปเอาวัตถุดิบเอง” ขนมผิงสวนกลับ หันไปยิ้มให้ไอ้หนุ่มชื่อปันอีกครั้ง
“เอาเป็นว่าค่ายอาสานี่พี่ต้องรับผิดชอบชีวิตของน้องๆ การเข้าไปในบ้านคนอื่นสองต่อสองมันไม่ปลอดภัย ฉะนั้น เวลาจะไปไหนมาไหน ผิงต้องบอกพี่ก่อน ถ้าพี่ไม่อนุญาต ผิงก็ไปไม่ได้”
“หวงเหรอ” คราวนี้ขนมผิงยิ้มใส่ใบหน้าบึ้งตึงของไม้ซุง
“หวงบ้าอะไร ก็บอกแล้วว่าพี่ต้องรับผิดชอบทุกคน” ไม้ซุงเสียงแข็งขึ้น
“เหรอ ว่าแต่พะโล้อร่อยใช่ไหม ผิงทำสุดฝีมือเลยนะ เคี่ยวนานเป็นพิเศษ รสชาติมันจะได้เข้าไปในหมูแล้วก็เลือดหมู ย่าผิงสอนมา” ขนมผิงมั่นใจในฝีมือตัวเอง
“เวลาหิวๆ กินอะไรก็อร่อยทั้งนั้นแหละ” ไม้ซุงปากแข็ง
“อืม ไม่คายทิ้งก็ถือว่าบุญของผิงแล้วละ” เธอเคี้ยวก้อนน้ำแข็งดังก๊อบๆ
“เดี๋ยวฟันแตกต้องเดือดร้อนพาไปหาหมอฟันจนได้” ไม้ซุงดุน้อง
“อะไรวะซุง เมื่อกี้ยังชมอยู่เลย บอกให้น้องเขามีกำลังใจมันจะตายเหรอวะ” ยักษ์ตำหนิเพื่อน
“ไม่เป็นไร ผิงชินแล้ว พี่ยักษ์อร่อยผิงก็โอเคแล้วละ” บอกยักษ์ แล้วส่งยิ้มให้ปันอีก