หลังจากสงครามกินผักถูกไกล่เกลี่ยจบลงด้วยดีแล้วผมก็อุ้มโลเวลเดินตามสาวใช้หน้าตาน่ารักในชุดเมดเพื่อไปยังห้องของเจ้าหนู เธอชวนคุยไม่หยุดตลอดทาง พูดจนลิงหลับอะคิดดู ลิงก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เจ้าหนูที่ผมอุ้มอยู่นี่แหละ แถมนอนน้ำลายยืดด้วย ความผู้ดงผู้ดีหายไปหมด ดูสถุลขึ้นมาทันตา อกพวยนี่ชุ่มชื้นเป็นคุณแม่ลูกอ่อนน้ำนมเหลือกันเลยทีเดียว
เด็กสาวมีชื่อว่า เอย่า เธอบอกว่าเธออยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด เพราะต้นตระกูลเป็นคนรับใช้ตระกูลวอร์ตันมาหลายร้อยปี ตั้งแต่ตอนที่เป็นขุนนางรับใช้ราชวงศ์อยู่ ถึงตอนนี้จะเลิกเป็นขุนนางไปแล้วแต่ก็ยังคงตามรับใช้ตระกูลวอร์ตันดังเดิม สารพัดเรื่องที่เธอขุดออกมาเล่าให้ผมฟัง
แต่ละเรื่องฏ้มีแต่เรื่องดีๆ ทั้งน้านนน เป็นต้นว่า ห้องใต้ดินมีนักโทษโดนทรมานตายไปเท่าไหร่ ทางปีกฝั่งป่าสนห้ามไปตอนกลางคืนเพราะมีคนชอบหายตัวไปบ่อยๆ ผีท่านหญิงท่านชายชอบผลุบๆ โผล่ๆ ตรงไหน ผมละอยากตะโกนใส่หน้าเอย่าซะตอนนี้ว่า
หุบปากไปซะเอย่า! กูกลัวผีจะตายแล้วโว้ยยย
แต่ใครจะกล้ากระทำการหยาบช้าต่อเด็กหญิงโลลิล่ะจริงไหม รวมถึงเรื่องที่จริงๆ แล้วการมาอยู่ที่นี่ของสองพ่อลูกเป็นการมาอยู่แค่ชั่วคราวเท่านั้นเอง
“นานๆ จะกลับมาที่นี่สักครั้งน่ะค่ะ เพราะที่นี่เป็นคฤหาสน์เก่าแก่ประจำตระกูล ปกตินายท่านกับนายน้อยจะอยู่ที่ลอนดอนเป็นหลัก เอย่าดีใจที่ได้คุยกับคุณนะคะ ไม่รู้ทำไมเวลาเอย่าชวนคุย ทุกคนถึงหนีหายกันไปหมด”
เพราะเธอชอบทำให้ทุกคนกลัวไงเอย่า!
“ห้องของนายน้อยคือประตูขวามือ ส่วนห้องนายท่านอยู่ทางซ้ายมือนะคะ”
เอย่าที่เดินนำอยู่หันกลับมาพูดกับผม หลังจากนั้นเธอก็จากไป ผมยิ้มพลางโบกมือให้สาวน้อยผู้ร่าเริง ในที่สุดทัณฑ์ทรมานหูก็สิ้นสุดลง ผมอุ้มโลเวลเข้าไปในห้องตามที่เอย่าบอก ขวามือคือห้องโลเวลสินะ...
ผมใช้เท้าถีบประตูให้มันเปิดเข้าไป (ก็แบบว่ามือมันไม่ว่างอะเนอะ) ไฟในห้องเปิดขึ้นเองทันทีด้วยระบบเซ็นเซอร์
โคตรเจ๋ง…
ห้องนอนของโลเวลมีขนาดใหญ่มาก เป็นลักษณะที่ผมจะเห็นได้แค่ในแบบบ้านจำลองหรือในหนังเท่านั้น เครื่องเรือนส่วนใหญ่ล้วนทำจากไม้เนื้อดี สีน้ำตาลของมันให้ความรู้สึกอบอุ่น ในห้องยังมีเตาผิงและเก้าอี้พนักสูงซึ่งมีขนสัตว์สีขาวสักชนิดวางพาดอยู่ ผมอุ้มโลเวลไปวางลงบนเตียงขนาดคิงไซส์ ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ อากาศที่นี่ตอนกลางคืนเย็นพอควรผมรีบกลับไปนอนห่มผ้าดีกว่า ทว่าในตอนที่โผล่หน้าออกไปนอกประตูเพื่อกลับห้องของตัวเองนั้น
ผมก็คิดได้ว่า...ว่ากูไม่มีห้องนี่หว่า
เอย่าแม่งไม่บอกว่าห้องผมอยู่ไหน กรี๊ดดดด
แต่จะให้ผมเดินย้อนไปละก็อย่าฝัน! ทางวังเวงขนาดนี้ ถ้าเกิดเดินหลงทางล่ะ แล้วถ้าเจอผีหลอกไปกินตับจะทำยังไง! แค่คิดก็สยิว เอ้ย! สยองแล้ว!
ด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจว่า นอนมันที่นี่แหละ ฮี่ๆ ง่ายดีครับ แค่คืนเดียวคงไม่เป็นไร ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองให้สะอาดก่อนนอน แล้วก็พบว่ามันใหญ่กว่าห้องพักของป้าร่มฤดีซะอีก! ตีลังกากลับไปกลับมายังได้อ่ะคิดดู
เมื่อมองสำรวจจนพอใจก็เดินมายืนหยุดหน้าอ่างล้างหน้าที่ทำมาจากหินอ่อนสีขาว บนกระจกสะท้อนได้ภาพผู้ชายที่แต่งตัวขัดกับสิ่งของในนี้อย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับจับดอกหญ้าข้างทางมาปักในแจกันราคาหลายหมื่น กางเกงยีนสีซีดที่ใส่มาสี่ห้าปีตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยกับเสื้อยืดสีขาว แว่นตารุ่นคุณทวด ที่ดูเด๋อสุด แต่ภายใต้กรอบแว่นนั้นมีดวงตาประกายเจิดจ้าซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยแพขนตาดกหนาซ่อนอยู่ ผมที่เริ่มยาวปรกหน้าของชายหนุ่มดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย
แต่ดูรวมๆ แล้ว...มีเสน่ห์เหลือเกิน ไม่ต้องมาเขิน นี่ผมพูดจริงๆ
ให้ตายสิ...นับถือความหลงตัวเองของผมเลย
ผมลูบหัวตัวเองแล้วใช้นิ้วมือสางเส้นผมให้มันเข้าที่เข้าทาง นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้ตัดจนมันเริ่มยาวมาปิดหน้าปิดตา
“ไว้ค่อยตัดแล้วกัน”
ผมลองแงะกระจกดู เผื่อด้านหลังจะเป็นตู้เก็บของเพราะชอบเห็นในหนังฝรั่งเขาใช้กัน ปรากฏว่ามีอยู่จริงๆ ด้วย บนชั้นมีข้าวของเครื่องใช้ทั่วไปในห้องน้ำ รวมทั้งแปรงสีฟันอยู่ด้ามหนึ่ง คงไม่ใช่ของเด็กอะผมว่า ดูแล้วเป็นรุ่นที่ผู้ใหญ่ใช้กัน มีครีมโกนหนวดด้วยแฮะ อาจจะเตรียมไว้ให้ผมก็ได้
คนที่นี่เขาทำงานกันรอบคอบจริงๆ นี่สินะที่เรียกว่าความแตกต่างของพวกแรงงานฝีมือธรรมดากับมืออาชีพ
ผมแปรงฟันล้างหน้าล้างตา ก่อนจะอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ในห้องน้ำมีชุดคลุมอาบน้ำเตรียมไว้ให้ด้วย ผมหยิบขึ้นมาใส่ไปพลางก่อน เพราะตัวเองไม่มีเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนสักชุด ไอ้ครั้นจะให้ใส่ชุดเดิมก็เกรงใจโลเวล เดี๋ยวผมทำลูกเขาแปดเปื้อน (ด้วยน้ำลายของลูกเขาเอง) พอพับชุดเก่าของตัวเองวางไว้บนตู้เก็บผ้าขนหนูแล้วผมก็เดินฮัมเพลงออกมา ถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงเพื่อเตรียมเข้านอน แต่ปัญหาคือ ไฟมันปิดยังไงล่ะทีนี้
ช่างหัวมันเหอะ ปิดไม่เป็นก็ไม่ปิด
ดีที่โคมไฟตรงหัวเตียงยังหรี่ได้ ผมจัดการหรี่มันลงเพื่อไม่ให้แยงตาเกินไป ก่อนจะสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มพร้อมยกแขนขึ้นกอดโลเวลที่วันนี้จะกลายเป็นหมอนข้างนิ่มๆ ของผม ไม่นานหลังจากที่หัวแตะหมอนผมก็หลับไปอย่างรวดเร็วด้วยอาการเจ็ทแล็ก
หลังจากนั่งดูหน้าจอแล็ปท็อปที่แสดงความเปลี่ยนแปลงของหุ้นในตลาดโลกมาพักใหญ่ ลีวอนก็ถอนสายตาออกมาดูนาฬิกาข้อมือและพบว่ามันดึกมากแล้ว ชายหนุ่มตัดสินใจปิดแล็ปท็อปลง ก่อนจะลุกออกจากห้องทำงานเพื่อกลับมาที่ห้องนอนของตัวเอง
เขาคิดจะแวะไปดูโลเวลก่อนว่าเป็นยังไง ไม่ใช่เขาไม่สงสารลูกยามที่เห็นดวงตากลมโตนั่นมีน้ำตาใสๆ ไหลราวเขื่อนแตก แม้เขาจะเลี้ยงลูกไม่เป็น แต่เขาก็รู้ว่าอะไรดีไม่ดีสำหรับเด็ก และหนึ่งในเรื่องที่เขารู้คือ การกินผักถือว่าจำเป็นสำหรับเด็กมาก! แล้วจะไม่ให้เขาบังคับลูกได้อย่างไร ทว่าเมื่อเปิดประตูห้องของโลเวลเข้าไป กลับพบเพียงห้องว่างเปล่าที่เย็นชืดไร้ซึ่งวี่แววของคน...
คิ้วคมขมวดเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวมาเปิดประตูห้องของตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ไฟในห้องเปิดอยู่ทำให้เขาเห็นคนสองคนกำลังนอนกอดกันหลับอยู่บนเตียงของเขา
เข้าห้องผิด?
ชายหนุ่มส่ายหัว ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายให้พร้อมเข้านอน เขาเลิกคิ้วมองแปรงสีฟันของตัวเองเมื่อนิ้วสัมผัสได้ถึงความชื้นของมันเพราะเพิ่งมีคนใช้ไปได้ไม่นาน
ใช้หรือไม่ใช้ต่อดี?
นัยน์ตาประกายเขียวจ้องมองแปรงสีฟันของตัวเองอยู่อย่างนั้นราวกับมันเป็นตัวเลขหุ้นที่เขาชอบมองเป็นประจำ ในหัวขบคิดอย่างหนัก แต่สุดท้ายก็หยิบยาสีฟันบีบลงไปแล้วแปรงต่อหน้าตาเฉย ถึงในใจจะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรสำหรับการใช้แปรงต่อจากคนอื่นเป็นครั้งแรกในชีวิต
ออกจะหวานละมุนหน่อยๆ ด้วยซ้ำ การแปรงฟันครั้งนี้ให้รสชาติแตกต่างจากทุกทีและเขาเองก็รู้สึกชอบมันนิดๆ
บ้าน่า! นี่เขากำลังคิดอะไร ตลกชะมัด...
หลังจากอาบน้ำร่างสูงสมส่วนก็เปลี่ยนไปใส่ชุดนอน ก่อนเดินมาหยุดอยู่ปลายเตียงกว้าง ตอนนี้ที่นอนอยู่ตรงกลางเตียงคือลูกชายของเขา ฝั่งซ้ายคือชายหนุ่มที่เขาเพิ่งจะจ้างมาทำงานหมาดๆ ลีวอนเดินไปฝั่งขวาของเตียงก่อนจะอุ้มโลเวลให้มาอยู่ค่อนทางขวา แล้วเดินกลับมาผลักแพงพวยให้กลิ้งตามโลเวลไปอีกคน เขาชะงักเล็กน้อยมือเห็นมือขาวๆ ของชายหนุ่มยกขึ้นตบไปที่ข้างๆ ตัวเองเหมือนหาอะไรบางอย่าง
“โลเวลสินะ...” ลีวอนเห็นแบบนั้นก็ดันตัวแพงพวยให้มานอนอยู่ตรงกลางต่อ กระทั่งมือเล็กๆ นั่นแตะถูกตัวลูกชายของเขาก็คว้าไปกอดหมับแล้วหลับไปอีกครั้ง ทำให้คนที่จัดระเบียบการนอนบนเตียงเพื่อหาพื้นที่นอนให้ตัวเองถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ได้ทำให้ใครตื่นขึ้นมากลางดึก
ก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะกลัวไปทำไม นี่มันห้องนอนของเขาแท้ๆ เฮ้อ
ผู้เป็นเจ้าของห้องสอดตัวเขาไปใต้ผ้าห่มแทนที่พี่เลี้ยงคนใหม่ ปรบมือสองครั้งเพื่อให้ไฟในห้องทุกดวงดับลง พอตัดสิ่งที่รบกวนออกไปหมดเขาก็พบว่า ตรงจุดที่นอนอยู่ยังคงมีไออุ่นของคนข้างๆ หลงเหลืออยู่ ผ้าห่มที่เขาเคยนอนห่มคนเดียวผืนนี้ก็คล้ายจะอุ่นกว่าทุกวัน ท่อนแขนแกร่งเคลื่อนไปพาดเอวคนที่นอนหันหลังกอดลูกชายของเขาอยู่อย่างลืมตัว
“อุ่นดีจัง...”
เสียงพึมพำหลุดออกมาเบาๆ ก่อนที่คุณพ่อลูกหนึ่งจะปล่อยให้ความง่วงงุนพาเขาจมดิ่งไปกับการหลับใหลที่อวลไปด้วยความอบอุ่นจางๆ ในอากาศ
ท่ามกลางราตรีอันมืดมิด นี่เป็นการหลับสนิทครั้งที่สองตั้งแต่เขาได้เจอกับผู้ชายที่ชื่อ
...แพงพวย