ตอนนี้เราทั้งสองจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมละสายตาออกจากกันเลย ตึกตัก ตึกตัก โอ๊ย ฉันยอมแพ้แล้วจ้า หล่อเกินต้านทานแบบนี้ขนมทนไม่ไหวแล้วค่ะ
ฉันกระพริบตาปริบๆ เอนศีรษะไปทางด้านหลังเพื่อให้หน้าของเราออกห่างจากกันก่อนที่จะหัวใจวายตายไปเสียก่อน
“ขะ…ขอบคุณนะคะที่ให้กลับมาด้วย” ฉันเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้าสวยเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อและร้อนผ่าวลามไปจนถึงใบหู
“อยู่คนเดียวได้รึเปล่า” คนตัวสูงหยัดกายขึ้นตรงและถามฉันกลับ น้ำเสียงของเขาดูอ่อนโยนนุ่มนวลขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
“ขนมอยู่ได้ค่ะ” ส่งยิ้มหวานแล้วแสร้งตอบออกไป แม้จะเดินได้ไม่สะดวก แต่หญิงแกร่งอย่างขนมจะทำตัวเป็นภาระคนอื่นไม่ได้หรอกนะ ฉันไม่ใช่คนอ่อนแอขนาดนั้น แม้จะอยากอ้อนเขามากก็เถอะ
“งั้นเดี๋ยวพี่มา” พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ฉันมองตามแผ่นหลังของเขาแบบงงๆ
‘เดี๋ยวพี่มา’ เขาจะกลับมาอย่างนั้นเหรอ ฉันเข้าใจถูกใช่มั้ย เวลาที่เขาทำตัวแปลกไปจากเดิมมันทำให้รู้สึกว่าหัวสมองจะหยุดทำงาน หรือเรียกง่ายๆ ว่าโง่ขึ้นมานั่นเอง
พวกเรากลับมาถึงคอนโดกันประมาณบ่ายสองโมง ตอนนี้ฉันกำลังนอนดูซีรีส์เรื่องโปรดอยู่แล้วรู้สึกว่าง่วงขึ้นมาจึงได้เผลอหลับไป
ฉันไม่รู้ตัวเลยว่านอนไปนานเท่าไร แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าปวดตรงแผลขึ้นมานิดหน่อย น่าจะถึงเวลาที่ยาแก้ปวดหมดฤทธิ์แล้ว ทำให้ต้องฝืนลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย แล้วก็ต้องเบิกตาโพลงกว้างเมื่อเห็นใครอีกคนนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่โซฟาอีกตัว
“พะ…พี่อินแจ” ฉันเรียกชื่อเขาทันทีที่ตื่นขึ้นมาเห็น เรียกได้ว่าตื่นเต็มตาเลยจ้า “พี่เข้ามาได้ยังไงคะ ประตูมันล็อกอัตโนมัตินี่”
ฉันยังงงๆ บวกกับเบลอที่เพิ่งจะตื่นนอนใหม่ หรือว่าระบบล็อกจะมีปัญหาจะได้แจ้งให้เขามาซ่อม
“ก่อนไปหยิบคีย์การ์ดไปด้วย” เงยหน้าขึ้นและตอบกลับมา ก่อนจะก้มลงกดโทรศัพท์ดังเดิม ตอนนี้เขากำลังเล่นเกมส์อยู่ ฉันไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้เลย ดูแล้วก็น่ารักเหมือนเด็กน้อยไปอีกแบบ
“พี่เข้ามานานรึยังคะ”
“อืม นานพอที่จะได้ยินเสียงกรน” ฮะ! ‘เสียงกรน’ ฉันเคยนอนกรนด้วยเหรอเป็นไปไม่ได้
“อือ พี่อินแจ ขนมไม่ใช่คนนอนกรนสักหน่อย อย่าล้อกันสิคะ” หมอนที่ฉันกอดไว้ในอ้อมแขนถูกยกขึ้นมาปิดหน้าอย่างเขินอาย ล้อกันแบบนี้ได้ยังไงคะพี่อินแจ ผู้หญิงมารยาทงามอย่างขนมไม่เคยนอนกรนนะคะ
“แล้วนี่ซื้ออะไรมาเยอะแยะคะ” ฉันเห็นถุงหิ้วขนาดใหญ่ถูกวางอยู่ที่โต๊ะหน้าโซฟาเลยถามออกไป
“ของกินเธอไง เผื่อตื่นขึ้นมาหิว แล้วก็มียาแก้ปวดด้วย”
อินแจโอปป้าน่ารักจัง ไม่ได้รู้สึกโกรธเลยที่เขาถือวิสาสะเข้ามาแบบนี้ แต่มันแอบดีใจมากกว่า เขาก็ดูเป็นห่วงเป็นใยฉันดี และที่สำคัญยังซื้อของกินมาให้อีกด้วย ยิ้มกริ่มไปเลยสิคะรออะไร
ฉันขยับตัวลุกนั่งและค่อยๆ เลื่อนขาลงข้างล่างเพื่อเอื้อมไปเปิดถุงดูว่าเขาซื้ออะไรมาบ้าง พูดง่ายๆ คือหิวนั่นแหละ
ฉันเป็นคนที่ชอบกินจุกจิก เวลาอยู่คอนโดมักจะมีของกินติดห้องเอาไว้ตลอดกันหิว
“บราวนีช็อกโกแลต” ขนมชิ้นโปรดของฉัน เห็นแล้วตาโตจนเผยยิ้มกว้างและเลือกหยิบมันขึ้นมาเป็นอันดับแรกโดยที่ไม่ได้สนใจของที่เหลือในถุงเลย
บราวนีของโปรดที่หยิบขึ้นมาแล้วจัดการแกะซองพลาสติกออกและกัดเข้าปากคำโต หืม หลับตาเคี้ยวขนมในปากอย่างมีความสุข จนลืมตัวว่ายังมีชายหนุ่มอีกคนอยู่ในห้อง
รุ่นพี่สุดหล่อที่นั่งอยู่ที่โซฟาอีกตัวลอบมองฉันแล้วหัวเราะในลำคอ แต่เจ้าของห้องได้ยินและได้สติขึ้นมาในทันที
“พี่หัวเราะอะไรคะ” ฉันกลืนบราวนี่ลงคอและถามออกไป
เขายกนิ้วขึ้นชี้ที่มุมปากของตัวเองมันทำให้รู้ได้เลยทันทีว่าฉันกินเลอะค่ะ แง ขายขำอีกแล้วเรา น่าอายชะมัด
“ยัยโก๊ะ” งื้อ อินแจโอปป้าว่าฉันเป็นยัยโก๊ะอีกแล้ว
“ระวังจะได้ยัยโก๊ะเป็นแฟนนะคะ” เจอฉันหยอดกลับไปเลยสิคะ และเขาก็ไม่ตอบกลับมาด้วยนะ เอาก้มหน้าเล่นเกมต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่คงไม่ใช่วิธีปฏิเสธทางอ้อมใช่มั้ยคะพี่อินแจ
“ล้อเล่นค่ะ ฮ่าฮ่า” คนตัวเล็กเอ่ยพร้อมกับหัวเราะร่าเหมือนเป็นคำพูดเล่นๆ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นฟังที่ฉันพูดเลยก็ตาม
แต่ฉันเห็นนะว่ามุมปากของเขากระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ได้เห็นแค่นี้ก็สบายใจแล้วล่ะ คิดได้ดังนั้นก็จัดการกับขนมต่อ
พี่อินแจนั่งเล่นอยู่ในห้องของฉันอยู่นานโดยที่เขาจดจ่ออยู่แต่เกมในมือถือโดยที่ไม่ได้คุยอะไร ส่วนเจ้าของห้องก็เปิดซีรีส์ที่ดูค้างไว้เมื่อตอนบ่ายเพื่อฆ่าเวลาและความเงียบที่เกิดขึ้น
จะหยอดไปบ่อยๆ ก็กลัวเขาจะรำคาญจนไม่สนใจฉันขึ้นมาอีก แล้วตอนนี้ก็เจ็บขาอยู่ด้วยทำอะไรก็ไม่สะดวก เขามาอยู่เป็นเพื่อนก็ถือว่าดีเท่าไรแล้ว เรื่องจีบไว้ค่อยคิดทีหลังก็แล้วกันนะยัยขนม
“เย็นนี้อยากกินอะไร” ประโยคคำถามที่ฟังแล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เขาละสายตาออกจากหน้าจอมือถือเลื่อนมามองหน้าของฉันแทน
ถามแบบนี้แสดงว่าจะหาของอร่อยมาให้กินอีกแน่เลย จะใจดีเกินไปแล้วนะคะอินแจโอปป้า นี่ขนาดฉันเป็นแค่รุ่นน้องที่อยู่ข้างห้องเขายังดูแลดีขนาดนี้ ถ้าได้เป็นแฟนจะดูแลดีขนาดไหน
“เดี๋ยวขนมต้มบะหมี่กินก็ได้ค่ะ ง่ายดี” ขอเล่นตัวหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวจะมองว่าฉันอยากพึ่งพาเขามากเกินไป
“พี่ถามก็ตอบ” น้ำเสียงเข้มเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้ฉันคงต้องตอบเขาสินะ เดี๋ยวโอปป้าจะงอน
“เออ อยากกิน สเต๊กเนื้อนุ่มๆ เฟรนช์ฟรายส์ทอดโรยเกลือ น้ำส้มคั้นสด อะไรประมาณนี้ค่ะ” นึกอะไรที่อยากกินขึ้นได้ก็ตอบเขาไปตามนั้น
ในเมื่อเขาถามฉันก็ตอบอย่างที่คิดไปเลยสิคะ ก็ตอนนี้ท้องมันหิวมากแม้จะยัดบราวนี่ไปแล้วชิ้นใหญ่แต่มันก็ยังมีที่ว่างสำหรับอาหารอย่างอื่นอีกเยอะ อย่ามาว่าขนมตะกละนะ ก็แค่บริหารกระเพาะลำไส้แค่นั้นเอง
“พี่จะไปไหนคะ” เมื่อเห็นว่าพี่อินแจลุกขึ้นออกจากโซฟาทำท่าจะเดินออกจากห้องไปฉันเลยรีบถามขึ้น
“เดี๋ยวมา แล้วห้ามต้มอาหารสิ้นคิดนั่นกินเด็ดขาด” ใบหน้าเคร่งขรึมหันมาเอ่ยตอบ พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไป และไม่ลืมที่จะพกคีย์การ์ดติดตัวไปด้วย ชิ ทำอย่างกับเป็นห้องของตัวเอง
อาหารสิ้นคิดสำหรับเขา แต่มันเป็นอาหารที่ทำง่ายสำหรับฉันและของใครหลายๆ คน ก็มันสะดวกและรวดเร็วดี ไม่ต้องพิถีพิถันอะไรมาก แค่เติมน้ำร้อนและใส่เครื่องปรุงก็กินได้เลย ง่ายจะตาย และประหยัดเงินด้วย
เขาหายออกจากห้องไปราว ๆ หนึ่งชั่วโมงได้ ก็กลับเข้ามาพร้อมกับกล่องใส่อาหารที่มีกลิ่นหอมโชยเข้ามาเตะจมูก ยั่วให้น้ำลายสอพอๆ กับท้องที่กำลังส่งเสียงดังสนั่นน่าอาย
“หึ หิวแล้วล่ะสิ” พี่อินแจแค่นหัวเราะในลำคอแล้วเอ่ยกับฉัน น่าอายชะมัดเลยยัยขนม
คนตัวสูงนำกล่องอาหารมาวางไว้ที่โต๊ะแล้วเปิดกล่องออก ฉันที่นั่งอยู่โซฟาได้แต่ชะเง้อมองจนคอจะยาวเหมือนยีราฟอยู่แล้ว สักพักเขาก็เข้ามาประคองคนที่เจ็บขาแล้วพาไปนั่งที่โต๊ะอาหาร
‘ว้าว น่ากินจัง’ ฉันก้มลงสูดกลิ่นหอมของสเต๊กเนื้อที่ถูกย่างมาอย่างชุ่มฉ่ำพร้อมกับหลับตาพริ้ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามพลางคิดในใจ ‘น่ากินทั้งคนทั้งอาหารเลย’
“พี่ทำเองกับมือ หิวก็กินได้เลย” โอปป้าบอกว่าทำเอง ‘อร๊าย’ ยัยขนมอยากกรี๊ดอีกแล้ว
หล่อ รวย ใจดี ดูแลเอาใจใส่ ส่วนเย็นชานั้นช่างเถอะฉันไม่ถือ คนอะไรมันจะเฟอร์เฟกต์ขนาดนี้ พี่อินแจไม่ควรมีคนเดียวในโลก ไม่สิ พี่ควรมีคนเดียวเท่านั้นและสำหรับขนมแค่คนเดียวด้วยนะคะ อิอิ
เมื่อได้รับอนุญาตฉันก็ลงมือจัดการอาหารตรงหน้าไป เนื้อนุ่มๆ ถูกตัดเป็นชิ้นและจิ้มเข้าใส่ปากคำโตเต็มสองแก้ม อยากจะบอกว่า ‘อร่อยมาก’ ฉันอยากจะกินฝีมือของเขาทุกวันเลย
นอกจากจะได้กินสเต๊กแล้ว ยังมีเฟรนช์ฟรายส์และน้ำส้มคั้นด้วยนะ ไม่คิดว่าเขาจะทำมาให้ทั้งสามอย่าง แสนดีแบบนี้จะไม่ให้ปลื้มได้ยังไงกัน
“ขอบคุณนะคะอินแจโอปป้า” เอ่ยพร้อมส่งยิ้มหวานให้ วันนี้ฉันมีความสุขมากเลย แม้จะเจ็บตัวแต่มันก็คุ้มที่มีพี่อินแจคอยดูแลอย่างใกล้ชิด แถมยังได้กินอาหารอร่อยๆ แบบนี้ด้วย
เขากระตุกยิ้มให้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น จะเย็นชาไปถึงไหนขนาดอยู่ด้วยกันตั้งครึ่งค่อนวันแล้วนะ
“กินข้าวเสร็จกินยาด้วย แล้วก็ไปอาบน้ำ” เสียงเข้มเอ่ยออกคำสั่งกับฉันอีกแล้ว
“อือ พี่อินแจอะ ชอบสั่ง” ฉันทำหน้าหงอย เพราะปกติจะชอบอาบน้ำดึก
“แล้วจะฟังรึเปล่า” ใบหน้าหล่อตี๋จ้องคนคนตัวเล็กเพื่อรอฟังคำตอบ