สีหน้าคนป่วยเต็มไปด้วยความประหลาดใจ มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อเธอเฝ้ารอวันนั้นมาจวนจะถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิตแล้ว หรือเป็นเพราะว่าเธอกำลังจะตาย เขาถึงคิดได้แล้วยอมหย่าขาดจากภรรยา ถ้าเป็นอย่างนั้นก็อย่าเลยดีกว่า เธอไม่อยากทำร้ายผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว ทุกวันนี้ที่มีวาโยคอยเคียงข้าง มันช่วยลบเลือนความอ้างว้างในโลกหลังความตายได้หมดสิ้นแล้ว
“ขอดูใบหย่าก่อนก็แล้วกัน แต่เชื่อพี่เถอะว่าโยเขาไม่หย่าหรอกเด็กน้อย” คนที่แคลงใจในการแต่งงานอันแสนยืดเยื้อของชายคนรัก เอ่ยออกมาอย่างปลงๆ ความจริงก็คือ เธอไม่สามารถให้คำตอบน้องสาวได้
“ทำไมละคะ” นิลอรถามด้วยอยากรู้ว่าพี่สาวคิดเห็นเช่นไรในเรื่องนี้
“ถ้าจะหย่า...เขาหย่านานแล้วอร เขาคงจะมีเยื่อใยกับคุณดาวอยู่บ้าง เชื่อพี่สิ”
“เชอะ! ไม่เห็นจะมีเลย อรเห็นแต่พี่โยมาเฝ้าพี่นุต ขนาดวันเกิดตัวเองแท้ๆ พี่โยยังมาฉลองกับพี่นุตเลย”
นิลอรทำหน้าย่นยู่ใส่บุคคลที่ถูกเอ่ยถึง เธอไม่ชอบละอองดาวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เกลียดเลยก็ว่าได้ นั่นเพราะว่าละอองดาวมาแย่งตำแหน่งที่ควรเป็นของวีนุตตรา พี่สาวเธอ
“พอๆ พี่ไม่มีแรงจะเถียงเราแล้ว กลับไปอาบน้ำอาบท่าเถอะจ้ะ พี่จะรอกินข้าวเย็นนะ” วีนุตตราสั่งความน้องสาว ก่อนจะเลื่อนมือผอมแห้งไปลูบกระหม่อมบางอย่างเอ็นดู
“ก็ได้ค่ะ แล้วพี่อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ อรจะหิ้วมาฝาก”
“นั่นต้องถามคุณพยาบาลแล้วล่ะ ว่ามีอะไรพิเศษบ้าง ที่พี่พอจะกินได้”
วีนุตตราว่าพลางหัวเราะน้อยๆ นิลอรเองก็พลอยขบขันมุกตลกของพี่สาว เห็นทีเธอต้องไปถามคุณพยาบาลจริงๆ กระมัง ว่าวันนี้ห้ามพี่สาวเธอกินอะไรเพิ่มขึ้นมาจากเมื่อวานหรือเปล่า เป็นคนป่วยนี่เอาใจยากจริง จะกินของโปรดของแสลงบ้างก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะทำให้อาการทรุดหนัก เข้าตำราตามใจปากลำบากท้องอีก
ละอองดาวนั่งมองอาหารในจานมากกว่าจะกินมัน มื้อเย็นของเธอคงงอนแล้วกระมังที่เธอไม่กลืนมันลงท้องเสียที สิบนาทีที่แล้ววาโยเข้ามาถามอาการเธอแล้วกลับออกไปอีกครั้ง เธอไม่ได้รั้งให้เขาอยู่ แม้รู้ว่าเขากำลังจะไปไหน บางครั้งเธอก็อยากไปเผชิญหน้ากับวีนุตตรา เธอไม่อยากเชื่อว่าคนที่ดูแข็งแรงเช่นหล่อนจะป่วยหนักจนต้องนอนแบ็บอยู่ในโรงพยาบาลเช่นนี้ บางทีเจ้าหล่อนอาจจะแสร้งเล่นละครเพื่อจะได้รั้งวาโยให้อยู่กับตัวเองนานๆ
“ไม่หรอกน่า วีนุตตราจะรั้งเขาไว้ทำไม ในเมื่อวาโยไม่เคยตีจากเจ้าหล่อนสักที” ละอองดาวแย้งเสียงที่กำลังโต้ตอบกับเธอในหัว เธอคิดดีแล้วว่าต้องหาทางไปพูดคุยกับวีนุตตราให้ได้สักหน และสักหนที่ว่านั้น ควรจะเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ความเงียบของห้องพักผู้ป่วยถูกรบกวนอีกครั้งด้วยเสียงของนางวิภา แม่สามีที่ไม่เคยชอบหน้าลูกสะใภ้ มาเยี่ยมเจ้าหล่อนอีกครั้งหลังจากกลับไปไม่กี่ชั่วโมง คราวนี้นางมีกับข้าวใส่ปิ่นโตมาด้วย
“สามีไม่อยู่กลืนข้าวไม่ลงหรือยะแม่ดาว”
แม่สามีค่อนแคะตามนิสัย ปกตินางจะจีบปากจีบคอประชดประชันจนสะใจ ถ้าวันไหนไม่ได้ปะทะฝีปากกับลูกสะใภ้ ชีวิตก็เหมือนขาดอะไรไป มันจะหงุดหงิดกินไม่ได้นอนไม่หลับทีเดียวเชียว
“คุณแม่...มาทำไมอีกคะ” ละอองดาวถามอย่างงงๆ นางวิภากลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับมาหาเธออีกครั้ง
จังหวะนั้น พยาบาลเฝ้าไข้ก็แจ้งละอองดาวว่าจะกลับมาอีกทีเมื่อเธอจะเข้านอน เจ้าหล่อนสั่งว่าให้เธอกินยาหลังอาหารด้วย
“ขอบคุณนะคะคุณพยาบาล” แม่สามีขอบอกขอบใจพยาบาลเฝ้าไข้ที่คอยดูแลลูกสะใภ้มาครึ่งค่อนวัน
“ยินดีค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” พยาบาลสาวร่างอวบเดินออกประตูไป
นางวิภาวางกระเป๋ายี่ห้อหรูลงบนโซฟา ก่อนจะนำปิ่นโตอาหารไปจัดลงจานอย่างคล่องแคล่ว ไม่มีหลงเหลือมาดคุณนายสักนิด พริบตาเดียวอาหารสามสี่อย่างก็มาวางแทนที่อาหารของโรงพยาบาลที่ละอองดาวเอาแต่นั่งจ้องมัน มิหนำซ้ำนางยังถือวิสาสะปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงคนไข้ตรงข้ามกับคนป่วย
ละอองดาวรีบขยับท่อนขาเบี่ยงไปโดยเร็วก่อนที่แม่สามีจะนั่งทับ
“ฉันไม่นั่งทับขาหล่อนหรอกย่ะ ตาฉันยังดีอยู่ เลี้ยงหลานสิบคนยังไหว”
“โธ่...คุณแม่ละก็ ดาวแค่กลัวคุณแม่นั่งไม่สบาย แล้วนี่...คุณแม่จะกินข้าวกับดาวเหรอคะ” เธอถามเมื่อเห็นจานข้าวอีกใบในสำรับ
“เอ้า! ฉันเป็นคนเอามาฉันก็จะกินน่ะสิ หล่อนอย่าถามมาก ฉันอุตส่าห์หิ้วขึ้นแท็กซี่มาให้นะเนี่ย”
ความเอื้ออาทรของแม่สามีทำเอาละอองดาวตื้นตันจนน้ำตาคลอ สามปีที่ผ่านมาเธอไม่ค่อยได้ร่วมโต๊ะกับนางวิภา เธอจะกินข้าวเพียงลำพังที่เรือนไม้หอม ซึ่งเด็กรับใช้จะยกมาให้ทุกมื้อ แต่นาทีนี้แม่สามีกลับนำอาหารมาให้พร้อมกับยืนยันว่าจะกินข้าวกับเธอ น่าปลื้มใจแทนลูกในท้องจริงๆ เธอขอเหมาเอาว่าสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นนี้เป็นผลพวงของชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะเกิดมา อย่างน้อยคนเป็นย่าก็ยังเอ็นดูยัยหนูหรือตาหนูของเธอ แม้ว่าพ่อของแกจะไม่รักใคร่ไยดีก็ตาม
“กินสิยะ มาทำหน้าละห้อยอยู่ได้ ฉันไม่เจริญอาหารพอดี”
นางวิภานั่งพับเพียบบนเตียงแคบๆ ช่างน่าเอ็นดูในความรู้สึกของละอองดาว เธอรู้ว่าแม่สามีทำเช่นนี้เพราะรู้ว่าลูกชายจะไม่อยู่ดูแลลูกสะใภ้ นางพยายามหาสิ่งมาทดแทนความน้อยอกน้อยใจของเธอนั่นเอง
“ค่ะๆ คุณแม่ก็...กินเยอะๆ นะคะ” ละอองดาวกะพริบตาถี่ๆ เพื่อขับไล่ละอองน้ำตา ก่อนจะเริ่มรับประทานอาหารมื้อที่อร่อยที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
“แกงอะไรคะคุณแม่ อร่อยดี”
“แกงหัวปลีไม่รู้จักหรือยะ คนท้องคนไส้กินแล้วน้ำนมดีนัก หล่อนก็กินเข้าไปเยอะๆ แล้วกัน ฉันอุตส่าห์ให้พี่เจรียงสอนทำนะเนี่ย” แม่สามีหลุดปากเผยความลับ
ละอองดาวเงยหน้าจากจานข้าวขึ้นมามองด้วยความใคร่รู้ แต่อีกฝ่ายก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ประหนึ่งว่าประโยคท้ายๆ นางไม่ได้เอ่ยออกมา
“คุณแม่ทำเองเหรอคะ” ลูกสะใภ้ถามออกไปใจก็เต้นโครมคราม แม่สามีที่ว่าร้ายๆ ก็มีมุมน่ารักกับเขาเหมือนกัน
วิภาส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจ ก่อนจะเอ่ยปรามลูกสะใภ้
“กินๆ ไปเถอะน่า ใครทำก็เหมือนกันแหละ หล่อนจะซักอะไรนักหนายะ นี่ๆ ผัดฟักทองของโปรดหล่อน พี่เจรียงบอกมานะ ฉันจำไม่ได้หรอกว่าหล่อนชอบกินอะไร”
นางวิภารีบออกตัว ละอองดาวรู้ทัน ได้แต่อมยิ้มให้กับจานข้าวตรงหน้าก่อนจะรีบกินกับข้าวกับปลาที่นางวิภาตักส่งให้
“นี่ก็แกงเลียง กินเยอะๆ ลูกจะได้แข็งแรง” วิภายังตักกับข้าวให้ลูกสะใภ้ไปเรื่อยๆ จนลืมจานข้าวตัวเองไปแล้ว นางมัวแต่ปลื้มใจที่เห็นคนป่วยกินอาหารฝีมือตนเองด้วยความเอร็ดอร่อย
“คุณแม่ก็กินบ้างสิคะ ตักให้ดาวกินคนเดียวเดี๋ยวก็ไม่มีแรงอุ้มหลานหรอก” ละอองดาวท้วงทัก นางวิภาเบะปากเล็กน้อยก่อนจะจีบปากจีบคอโต้กลับไป
“ร้อยปียังน้อยย่ะแม่ดาว ฉันยังแข็งแรงด่าหล่อนน้ำไหลไฟดับได้วันละสามเวลา อย่าว่าแต่อุ้มหลานเลย หล่อนจะมีลูกแฝดให้ฉันอุ้มพร้อมกันสองคนฉันก็ยังไหวย่ะ”
ละอองดาวขบขันในความไม่ยอมคนของแม่สามี เอาเป็นว่ารอบนี้แม่สามีชนะไปตามระเบียบ เธอจะไม่ขอออกความเห็นใดๆ จะตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียวก็แล้วกัน
[6]
ลูกสะใภ้ข้า! อย่าแตะ