บทที่2. แค่ชอบเหรอ

1451 Words
หญิงสาวในชุดเดรสเข้ารูปเน้นสัดส่วนสีแดงเพลิงขับผิวขาวผ่องของตนเอง เธอก้าวเข้ามาในร้านอาหารสุดหรูด้วยความมั่นใจในเสน่ห์ของตนเองอย่างเต็มเปี่ยม “รอนานไหมคะคุณหมอ” เสียงหวานใสทักพร้อมรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์และรอคอยให้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่ง “นี่นอกเวลางานแล้วนะครับ” ชายหนุ่มหัวเราะน้อยๆ อารมณ์ดีกว่าปกติ “ผมไม่ได้มาที่ลอนดอนในฐานะหมอนะครับ” “งั้นคุณก็มาที่นี่ในฐานะนักธุรกิจหนุ่มเจ้าของกิจการ ‘อัลบา กรุ๊ฟ’ ซึ่งมีมูลค่ากว่าร้อยล้านซิคะ” เธอโปรยยิ้มหวานแล้วยกแก้วไวน์ขึ้นดมกลิ่นหอมนั่นก่อนจิบ “ปากคุณนี่...มันน่านัก” เขาหัวเราะร่วนแล้วยกไวน์ขึ้นดื่ม “ปากฉันเป็นไงคะ” เธอส่งสายตาเชิญชวนจนอีกฝ่ายกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก “คุณอยากตรวจช่องปากฉันหรือคะคุณหมอยามาท” “เรอิโกะ” เขาครางในลำคอแล้วยกมือขึ้นยอมแพ้ “คุณก็รู้ว่าผมอยากตรวจร่างกายคุณมากกว่า” “ถ้าอย่างนั้นเราคงเจอกันผิดที่ซิคะ...คุณหมอ” หญิงสาวใช้ปลายเท้าเขี่ยขาอีกฝ่ายเบาๆ “แต่ฉันอยากทานมื้อค่ำกับคุณก่อนที่ไม่ได้กินอะไรเลยไปถึงเที่ยงวันพรุ่งนี้” “ตุ๊กตาญี่ปุ่นของผม” ฮาเซกาว่า เรอิโกะ สาวสวยวัยยี่สิบแปดจากแดนอาทิตย์อุทัยเจ้าของเรือนผมดำขลับเป็นมันเงางามและผิวขาวปานหิมะจนเรียกสายตาของคนรอบข้าง โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษอย่างนี้สาวงามจากเอเชียมักดูโดดเด่นสะดุดตาเสมอ “ฉันชอบจังเวลาคุณเรียกฉันว่า ‘ตุ๊กตาญี่ปุ่นของผม’ เธอเลียนน้ำเสียงเขา “คราวนี้คุณหายไปนานเลยนะคะหมอยามาท” “เกือบสามเดือนที่ผมแทบขาดใจ” ยามาทระบายลมหายใจทางปากเบาๆ “คิดถึงคุณจะแย่ คุณก็ใจดำไม่ไปหาผมที่บาฮาเนีย” “ฉันกลัวอากาศร้อนค่ะ” เธอหัวเราะเสียงใส “ไม่อย่างนั้นฉันจะมาเปิดร้านจิวเวอรี่ที่ลอนดอนนี่หรือค่ะ” “ผมล้อเล่น” อารมณ์ขันปนประชดน้อยๆของหญิงสาวตรงหน้าทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายลงมาก “ผมกลัวคุณจะลืมหน้าผมไปด้วยซ้ำ” “ใครจะลืมหนุ่มหล่อชาวอาหรับคนนี้ได้คะ” เธอใช้นิ้วมือไล้หลังมือของเขาเบาๆ “ยิ่งฉันคิดถึงคุณมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งทำงานหนักมากขึ้นเท่านั้น” “ผมจะทำยังไงถึงจะไถ่โทษในความผิดของตัวเองได้” “แค่ช่วยฉันสานฝันเปิดร้านจิวเวอร์สาขาที่สามก็พอแล้วค่ะ” “มากกว่านี้ผมก็ให้ได้” ยามาทพลิกมือฝ่ามือของเรอิโกะขึ้นจุมพิตเบาๆ ดวงตาสีเทาของเขาผสานกับดวงตาสีดำลึกลับของหญิงสาว ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มก่อนที่จะส่งลิ้นสีชมพูเลียริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีแดงสดแสนเย้ายวน “แน่ใจนะว่ายังอยากทานมื้อค่ำอยู่” เขาถามปนหัวเราะ “หรือคุณอยากให้ฉันทานของหวานเลยละคะ” เธอยิ้มยั่ว “ผมน่าจะนัดคุณที่เพนท์เฮาท์ของผมดีกว่ามานั่งในร้านอาหารแบบนี้” เขาพูดเหมือนรู้สึกผิด “คุณพูดเหมือนจะมาลอนดอนแค่ไม่กี่ชั่วโมง” “ครั้งนี้สองอาทิตย์ครับ” เขาพยักหน้ายอมรับว่าเวลาสองสัปดาห์ที่ได้พักผ่อนดูเหมือนจะน้อยเกินไป “แถมยังต้องประชุมงานอีกตั้งเยอะ” “ก็ให้ฉันช่วยบ้างก็ได้นี่หรือว่าคุณไม่ไว้ใจ” “ไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่ไม่อยากเห็นคุณต้องเหนื่อยมากกว่า” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม “คุณช่วยอย่างอื่นผมดีกว่า” เสียงหวานใสหัวเราะร่าเริง ทำให้ความเหงางันในใจชายหนุ่มสลายไปทันที การเปิดเผยตัวตนและไม่กักเก็บอารมณ์ของเรอิโกะ ทำให้ยามาทรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก แม้ประเทศที่ให้กำเนิดเขาจะให้สิทธิ์และเสรีภาพกับสตรีมากขึ้นกว่ายุคสมัยเดิม ทว่าหญิงสาวชาวทะเลทรายส่วนใหญ่ก็ยังคงเก็บอารมณ์ความรู้สึกภายใต้ผ้าคลุมหน้าเสมอ เรอิโกะชวนคุยเรื่องทั่วไปขณะรับประทานอาหารจนเขาเพลิดเพลินลืมเวลา นาฬิกาบอกเวลาสามทุ่มเศษเขาจึงชวนหญิงสาวกลับที่พักของเขา รถสปอร์ตคันหรูพาเรือนร่างของสาวงามกับหนุ่มหล่อมาเพนท์เฮาน์ของเขา ชายหนุ่มแทบจะสะกดกลั้นอารมณ์ร้อนแรงของตนไม่ไหว เพียงปิดประตูห้องเขาก็รวบเอวบางเข้าไว้แน่นแล้วประกบริมฝีปากของตนกับริมฝีปากบางของหญิงสาวอย่างเร่าร้อน “ผมน่าจะโกนหนวดอีกครั้งนะ” เขาพึมพำชิดริมฝีปากเธอมือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังและพยายามจะดึงเสื้อผ้าของเรอิโกะออกเพื่อจะได้สัมผัสร่างเนียนนุ่มถนัดมือ “อย่าค่ะ...ที่รัก” เรอิโกะเอ่ยเสียงหอบ “ฉันชอบมาก...รู้ไหม” “แค่ชอบเหรอ” เขาพรมจูบทั่วใบหน้าระเรื่อลงมาที่ลำคองามจนผิวขาวของเธอแดงเป็นรอย “ปากคุณกำลังโกหกผมอยู่นะ” มือใหญ่ของเขาเลิกชายกระโปรงขึ้นลูบไล้ต้นขาจนหญิงสาวเข่าอ่อนแทบหมดแรงยืน ยามาทรวบร่างบางขึ้นอุ้มแล้วพาเข้าไปในห้องนอน วางร่างหญิงสาวที่อ่อนระทวยบนเตียงนอนกว้างของเขา ดวงตาสีเทาเป็นกระกายเข้มเครียด เขาแทบจะกระชากเสื้อของตนออกแล้วโถมร่างของตนเองใส่ร่างเนียนที่นอนระทวยรอรับเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ มีไม่กี่ครั้งและไม่กี่คนที่ยามาทจะพาผู้หญิงมาที่ห้องพักของตนและตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมาผู้หญิงคนเดียวที่ได้นอนร่วมเตียงกับเขาอย่างนี้คือเรอิโกะ หญิงสาวที่เต็มไปด้วยความร้อนแรงและกล้าหาญ สองปีที่แล้วเขาเดินทางมาลอนดอนเพื่อดูแลกิจการ ‘อัลบา กรุ๊ฟ’ เช่นปกติที่เคยทำมาเสมอ ทว่าในค่ำคืนหนึ่งที่เขาเดินเล่นเลียบแม่น้ำเทมส์ ขณะที่เผลอตัวปล่อยใจชื่นชมความงามและสีสันยามค่ำคืนที่เขาหลงใหลอยู่นั้น ท้ายทอยก็ถูกตีอย่างแรงจนร่างของเขาเซถลาหน้าคว่ำไปกับพื้นอีกฝ่ายไม่รอให้เขาตั้งตัวกระหน่ำฝ่าเท้าและท่อนไม้ลงมาที่ร่างของเขาอย่างนับไม่ถ้วน จนเขารู้สึกเค็มคาวในปาก ‘ตำรวจค่ะ!ทางนี้ค่ะ มีคนตีกัน! ทางนี้ค่ะคุณตำรวจ!!!’ เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้คนเหล่านั้นชะงักเท้าและมือที่ทำร้ายเขาอยู่และวิ่งกระเจิงไป ดวงตาที่ปิดเพราะถูกหมัดกระแทกใส่ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นใบหน้าผู้ที่เข้ามาช่วยเขาได้ เขารู้สึกแค่ว่าศีรษะถูกยกประคองขึ้น ‘ทำใจดีๆ นะคะ ฉันของยืมโทรศัพท์คุณโทรแจ้งตำรวจก่อนนะคะ’ เขารู้สึกว่ามือเรียวเล็กและสั่นนั้นล้วงในกระเป๋าเสื้อค้นอยู่ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงเธอโทรศัพท์คุยกับตำรวจจริงๆ ‘ไม่ต้องหวงนะคะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าตำรวจจะมา’ มือเรียวและสั่นนั้นเช็ดคราบเลือดด้วยผ้าเช็ดหน้าของเธอ แล้วเสียงโทรศัพท์เรียกเข้าก็ดังขึ้นอีกเสียงหญิงสาวหลุดปากสบถคำหยาบก่อนจะรับสาย ‘มือถือโทรออกไม่ได้…อะไรนะ...ฉันใกล้จะไปถึงแล้ว...ใช่ๆ ...สิบนาที...ไม่ๆ ห้านาที...อีกห้านาที’ ชายหนุ่มจับน้ำเสียงร้อนร้นของอีกฝ่ายได้ เขารู้สึกว่าศีรษะของตนถูกประคองยกขึ้นอีกครั้งแล้วมีผ้านุ่มๆ มารองใต้ศีรษะ ‘ขอโทษนะคะ ฉันต้องรีบไปหาแม่...ขอโทษจริงๆ’ มือใหญ่เปะปะไปในอากาศ ในเวลาอย่างนี้เขาก็รู้สึกเห็นแก่ตัวไม่อยากอยู่คนเดียวเหมือนกัน ทว่ามือของเขากลับคว้าบางสิ่งไว้ได้แทนร่างของหญิงสาวผู้ช่วยชีวิต เขาได้ยินเสียงฝีเท้าสิ่งจากไปเขายกสิ่งในอยู่ในมือขึ้นดู สร้อยคอแสนธรรมดาแต่แหวนที่ห้อยนั้นกระทบแสงไฟแสงวิบวับนั้นสะท้อนเข้าตาราวกับแสงสว่างนำทางชีวิตที่มืดมนแม้จะริบหรี่ก็ตาม ก่อนสติจะดับมืดลง เขาได้ยินเสียงไซเรนรถตำรวจมาใกล้และมือใครต่อใครมากมาย เข้ามาประคองร่างเขาขึ้นจากพื้นที่เยียบเย็น มันช่างเป็นความหนาวยะเยือกที่สุดที่เขาเคยพบเจอในชีวิตก็ว่าได้!.
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD