#3

1571 Words
“ขอบใจ” ไมล์เอ่ยออกมาอย่างขำขัน  “ฉันต่างหากที่ต้องขอบใจนาย” ไมล์ยิ้มอีกครั้งอย่างเข้าใจ ก็ไมล์ยอมขายหุ้นบริษัทที่ร่วมก่อตั้งกันมาเกือบทั้งหมดให้เวนน์ บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชั้นวาง ที่เวลาเพียงสองปีพวกเขาขึ้นมาอยู่เป็นอันดับหนึ่งของการได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ เพราะเป็นบริษัทที่มีทีมงานครบวงจรตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบให้กับลูกค้าได้อย่างเหมาะสม เวนน์ยังทึ่งในตัวไมล์เป็นอย่างมาก ที่มีความสามารถในตัวหลากหลายอย่างที่แต่ละอย่างเขาทำมันออกมาได้อย่างผู้เชี่ยวชาญแบบหาตัวจับได้ยาก “จะขอบใจทำไม ในเมื่อฉันขายให้นะ ไม่ได้ยกให้ฟรีๆ”  “มูลค่าการขายที่นายขายมา มันก็เหมือนยกให้ฟรีๆแหละว๊ะ” ไมล์ยิ้มอย่างมีความสุข “ว่าแต่นายบอกแจ็คกี้แบบไหนกัน เขาถึงไม่คัดค้านเรื่องนี้” ไมล์ยิ้มและทอดสายตามองออกไปไกลสุดตา “ไม่ได้บอกอะไร พ่อฉันยังไม่รู้” “อ้าวเฮ้ย!...แบบนี้แจ็คกี้ไม่คิดว่าฉันข่มขู่วางยา สะกดจิตให้นายขายหุ้น เหรอยังไงว๊ะ” “พ่อฉันเป็นนักธุรกิจเต็มเลือดเต็มเนื้อ บางทีฉันก็รู้สึกว่ามันมากไป ไม่รู้ว่างานมันดีกว่าครอบครัวยังไง...สี่ปีที่นี่กับประสบการณ์ที่ได้ เต็มอิ่มแล้วสำหรับฉัน อยากกลับไปหาอ้อมกอดของแม่ พร้อมกับประสบการณ์ใหม่ๆที่เมืองไทย ถ้าพ่อรู้ก็แค่เสียดายตามประสานักธุรกิจที่หวังผลกำไร” “อืม เข้าใจแล้วเหตุผล นายก็บอกฉันหลายครั้งแล้ว แม่นายต้องวิเศษมากๆเลย นายถึงยอมทิ้งทุกอย่างที่นี่ที่นายสร้างมา เพื่อกลับไปอยู่ใกล้ๆกับท่าน” “ใช่ แม่วิเศษมากๆ” ไมล์พูดพร้อมรอยยิ้มที่มาพร้อมกับการมโนภาพแม่ที่ยิ้ม ดั่งกับว่าท่านอยู่ตรงหน้า  “ขอให้นายโชคดี” “เช่นกัน ฉันก็ขอให้นายโชคดี”  เวนน์ กำลังจะขอตัวกลับไปด้านใน แต่สายตาพลันเห็นร่างสูงเพรียวของดอนน่า กำลังเดินมาทางนี้ เวนน์ยิ้มเล็กน้อยและกำลังตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อเป็นก้างให้เพื่อนหรือจะจากไปให้เพื่อนจัดการด้วยตัวเอง แต่แล้วเวนน์ก็เลือกอย่างหลัง เมื่อรู้จักเพื่อนดี เขาตบไหล่ไมล์เบาๆก่อนที่จะผละเดินจากไป เวนน์ลอบกลับมามองเพื่อนอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนชนแก้วกัน นั่นก็แสดงว่าคืนนี้ของเพื่อนคงอีกยาวไกล และคงเหมือนอย่างเคยๆ ที่เขาต้องได้ยินกระแสความเย็นชาของเพื่อนออกมาจากดอนน่าอีกครั้งเป็นแน่ หลังจากที่ตะวันทอทอดแสงของวันใหม่  เฮ้ยยยยย  เวนน์ถอนหายใจ ซึ่งเขาก็แปลกใจทั้งๆที่ไมล์ไม่เคยแม้แต่จะแลมองผู้หญิงคนไหนก่อนเลย มีแต่พวกเธอที่เป็นฝ่ายเข้าหาเพื่อนเขาก่อนตลอด แล้วยังจะมาบ่นคร่ำครวญเรียกร้องอะไรต่ออะไรจากเพื่อนเขา และเรื่องก็จบเพียงแค่พวกเธอก็คร่ำครวญไป “เดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดกันไปเอง” ไมล์ไม่สนใจ มีแต่คำพูดนี้เพียงประโยคเดียว แล้วไงต่อ ก็มีผู้หญิงคนใหม่เรียงหน้ากันมาหาเพื่อนเขาเรื่อยๆ บางคนขอกลับมาอีกครั้ง ซึ่งดอนน่าก็เป็นประเภทอย่างหลัง เฮ้ยยยยย ผู้หญิง!!!! ‘หนึ่งสัปดาห์ต่อมา’ “ยังไม่เสร็จอีกเหรอ” น้ำแข็งเงยหน้าขึ้นจากการเก็บของจัดวางไว้ในกล่อง สำหรับไปทำบุญวันพรุ่งนี้ เมื่อป้านันเอ่ยถาม “ใกล้เสร็จแล้วจ๊ะ” ศิรินัน หรือ ป้านันของน้ำแข็ง เอ่ยถามหลานสาวที่ตั้งหนั้าตั้งตาจัดของเตรียมทำบุญครบรอบวันตายปีที่สี่ให้กับหญิงสาวที่บังเอิญมีชื่อเล่นและหน้าตาละม้ายคล้ายกันอย่างปาฎิหาริย์  “อย่านอนดึกนักนะ ต้องตื่นแต่เช้าด้วย” น้ำแข็งยิ้มรับกับป้านัน ก่อนที่จะก้มหน้าตรวจเช็คของทำบุญอีกครั้งว่าไม่ขาดอะไรแล้ว  “โยมน้ำแข็ง” หลวงพ่อเอ่ยเรียกน้ำแข็งที่กำลังขนของลงจากรถ “นมัสการค่ะ หลวงพ่อ” น้ำแข็งหันมาพร้อมพนมมือทันที “ให้เด็กๆมาช่วยดีกว่า ของเยอะแยะ” คำพูดที่ไม่แปลกใจของหลวงพ่อ ที่วันนี้ของปี น้ำแข็งจะต้องขนของมาทำบุญให้กับบุตรสาวตนที่ล่วงลับไปแล้วเป็นประจำ สำหรับน้ำแข็งคนนี้ ปีนี้เป็นปีที่สามแล้ว “ขอบพระคุณค่ะ หลวงพ่อค่ะคุณหมอนนท์ฝากยามาถวายด้วยค่ะ”        น้ำแข็งกล่าวอย่างสุภาพ “ปีนี้คุณหมอนนท์ติดออกค่ายเลยไม่ได้มาด้วยค่ะ” “ขอบใจ” หลวงพ่อเอ่ยอย่างใจดี กับหญิงสาวที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันกับบุตรสาวของตนที่เสียไปนานสี่ปีแล้วทางสายเลือดเลย และทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้ บุตรสาวที่เสียไปคือผู้มีพระคุณที่ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป แค่ชื่อเล่นกับหน้าตาที่ละม้ายคล้ายกันมากเท่านั้น “ลำบากโยมแล้วนะ” “หลวงพ่อ อย่ากล่าวอย่างนั้นสิค่ะ ให้น้ำแข็งได้ทำหน้าที่แทนคุณน้ำแข็งนะคะ” หลวงพ่อได้แต่ยิ้มอย่างใจดีอย่างเคย ก่อนจะขอตัวเมื่อใกล้เวลาแล้ว  หลวงพ่อประกอบมองน้ำแข็งและคุณหญิงศศิกานต์ที่มานั่งเตรียมพร้อมเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับบุตรสาวของตน และเวลาพิธีทางศาสนาก็เริ่มขึ้น ในขณะที่หน้าโกศมีเงาสูงกำลังทอทอดบดบังแสงอาทิตย์ที่จะสาดส่องมาที่รูปของนางสาว ปติมา สินทรัพย์นคร ที่มี พ.ศ. ชาตะ และ พ.ศ. มรณะเมื่อสี่ปีก่อน ดวงตาเข้มจับจ้องมองแน่นิ่งอยู่นาน  “สี่ปีแล้ว ทำไมความเจ็บปวดของผมมัน มันยังอยู่ น้ำแข็งบอกผมทีว่า ผมต้องทำอย่างไร จะมีใครมั้ยที่จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและความทรมานนี้ ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน สี่ปีที่ผ่านมา ไม่มีอะไรที่ผมได้ทำไป มันจะทำให้ผมหายเจ็บ หายทรมานจากการที่ไม่มีคุณ” ไมล์ลูบแผ่วเบาที่รูปใบหน้ายิ้มอย่างอ่อนหวานของ      น้ำแข็งด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย “อ๊ะ!” เสียงร้องของน้ำแข็ง ทำให้ศศิกานต์ หันไปมองหญิงสาวในขณะที่ทั้งสองกำลังจะเดินไปที่โกศของน้ำแข็ง  “น้ำแข็งลืมหยิบธูปมาคะ เดี๋ยวคุณป้าไปก่อนนะค่ะ เดี๋ยวน้ำแข็งวิ่งไปหยิบธูปและจะรีบตามไปค่ะ” ศศิกานต์พยักหน้า และเดินต่อไป ส่วนน้ำแข็งก็เดินกลับไปยังโรงทานของวัด ที่เธอวางถุงใส่ธูปไว้ก่อนที่จะเอาน้ำที่กรวดน้ำไปรดในต้นไม้ น้ำแข็งเห็นซองธูปของตน จึงหยิบและรีบเร่งฝีเท้าเดินตามคุณหญิง       ศศิกานต์ไป ในขณะที่ไมล์ได้เดินออกมาอีกทางเพื่อไปยังกุฎิของหลวงพ่อประกอบ เส้นทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น ไมล์รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง แม้เขาจะพึ่งเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเมื่อตอนตีห้าของเช้าวันนี้ เขาก็จ้างรถต่อมายังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภูมิลำเนาเดิมของน้ำแข็ง โดยทันที  วิ้วววววว ลมพัดเย็นสบาย ทำให้ไมล์เงยหน้าขึ้นมองกิ่งไม้ที่เคลื่อนไหวส่ายไปมาตามแรงลม สายตาเขาจับจ้องมอง และพานให้คิดยามที่พวกเขาไปเที่ยวป่า น้ำแข็งชอบนอนใต้ต้นไม้และมองกิ่งไม้ขยับเคลื่อนไหวไปมาตามแรงลม  “กิ่งไม้พวกนั้นมีอะไรดีนักเหรอ” ตอนนั้นไมล์ถามเธอไปแบบนี้ ตอนที่เห็นเธอทำแบบนั้นเป็นครั้งแรก “ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ ล้วนแล้วแต่มีภาษาของตน น้ำแข็งกำลังมองและแอบฟังต้นไม้คุยกับสายลมค่ะ” “ต้นไม้กับสายลมคุยกัน?” “ทำไมละ ทำไมต้นไม้กับสายลมจะคุยกันไม่ได้ ทีคนเรายังคุยกับสัตว์ คุยกับต้นไม้ได้ การคุยข้ามสายพันธ์ุไม่เห็นจะแปลกตรงไหน” “โอเค ไม่แปลกก็ไม่แปลก แล้วต้นไม้กับสายลมคุยอะไรกัน” “สายลมกำลังเล่าให้ต้นไม้ฟังถึงสถานที่ที่มันแล่นผ่านมาค่ะ” ไมล์ยิ้มและหัวเราะออกมาในตอนนั้น  สายลมที่พัดผ่าน ดึงสายตาของไมล์กลับมายังช่วงเวลาปัจจุบัน สายตามองตามร่างบอบบางในชุดเดรสกระโปรงยาวครึ่งหน้าแข้ง เดินผ่านไปในระยะที่ห่างจากสายตาเขากว่าห้าสิบเมตร ร่างบอบบางนั้นค่อยๆเคลื่อนผ่านไปเรื่อยๆ จากด้านข้างที่เขาเห็นตอนนี้ “น้ำแข็ง” ไมล์พึมพำออกมา แต่เขายังยืนนิ่ง ซึ่งในใจคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เมื่อเขาหลับตาลงและเปิดดวงตาขึ้นมาอีกครั้ง ร่างบอบบางนั้นก็หายไปแล้ว ไมล์ได้แต่ยิ้มและส่ายหน้าไปมา ก่อนที่จะเดินต่อไปยังกุฎิหลวงพ่อ “มาแล้วค่ะ” น้ำแข็งให้เสียง เมื่อมาถึงโกศของคุณน้ำแข็งและคุณหญิง  ศศิกานต์ยืนคอยอยู่ ทั้งสองจุดธูป และนั่งลงเพื่อทำการเคารพต่อผู้ที่ล่วงล้ำตรงหน้าไปแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD