ในตรอกซอกเล็ก ๆ ของตลาดตะวันออก มี่อิงและจางเยาเยายังคงนั่งอยู่ที่เดิมอย่างสิ้นหวัง
"ท่านย่าหิวหรือไม่" มี่อิงหันหน้าไปเอ่ยถามน้ำเสียงเจือความห่วงใย เมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยมาจนโพล้เพล้ใกล้จะพลบค่ำแล้ว
"ข้าไม่หิว...แล้วเจ้าล่ะ" จางเยาเยาเอ่ยถามกลับ
มี่อิงส่ายศีรษะ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มจางๆ
ในใจของหญิงสาวถึงแม้จะท้อแท้ แต่ไม่สิ้นหวัง นางพยายามขบคิดหาทางออก หากหมดเบี้ย ก็ต้องหาเบี้ย แม้ว่ายามนี้จะไม่มีที่พักอาศัย แต่อย่างน้อยวันพรุ่งนี้ก็ยังมีเรี่ยวแรงที่จะออกไปหางานทำได้ ตอนนี้คงทำได้เพียงแค่หาที่พักหลับนอนสักที่ แล้วค่อยหางานเอาเบี้ยไปซื้ออาหารประทังชีวิตเสียก่อนค่อยเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
เมื่อคิดได้เช่นนั้น นัยน์ตาที่เศร้าโศกก็มีประกายอีกครั้งและเอ่ยในสิ่งที่ใจนึกคิด "ท่านย่า...วันพรุ่งนี้ข้าจะออกไปหางานทำ มีร้านหลายที่ที่ข้าเคยไปขอทำงาน แล้วข้าก็ได้รับคำชมเชยมาเสมอ หากข้าพูดให้ร้านเหล่านั้นจ้างข้าอีกคงไม่ยาก ข้าจะนำเบี้ยมาซื้ออาหารให้ท่านย่ากิน แล้วเราค่อยไปหาที่พักใหม่ แต่วันนี้มีมุมหลบตรงไหนก็ซ่อนตัวหลับนอนกันไปก่อน...ดีหรือไม่"
จางเยาเยาพรูลมหายใจยาว ลอบสงสารหลานสาวจับใจ "ลำบากเจ้าอีกแล้ว"
"ไฉนถึงพูดเช่นนั้น ข้าแข็งแกร่งจะตายไป ท่านย่าก็รู้ไม่ใช่หรือ" มี่อิงเอ่ยพลางฉีกยิ้มกว้าง
เมื่อได้ท่าทางและรอยยิ้มของหลานสาวแล้ว จางเยาเยาก็รู้สึกประทับใจและรักนางมากยิ่งขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ
"มี่อิง...นี่เจ้าใช่หรือไม่"
สุ้มเสียงเล็กแหลมจากหญิงสาวผู้หนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้น
มี่อิงชะงักนิ่งและหันขวับไปมองยังต้นเสียงทันใดด้วยสีหน้าดีอกดีใจ เพราะนางจำได้ดีว่าเสียงนั้นมาจาก..ไป่เสี่ยวเผิง สหายคนสนิทของนาง
แล้วก็เป็นดั่งเช่นที่นางคาดคิด…
"เสี่ยวเผิง...เจ้ามาทำอะไรตรงนี้งั้นหรือ" มี่อิงลุกขึ้นยืนพลางเดินเข้าไปหาสหายสาว
"ข้ากำลังจะกลับบ้านน่ะ" เสี่ยวเผิงเอ่ยตอบ
มี่อิงเลื่อนสายตามองเสี่ยวเผิงพลางคิดในใจ...
เสี่ยวเผิงยามนี้สวมชุดฤดูร้อนตัวใหม่ เสื้อตัวสั้นสีฟ้าอ่อนสดใส กระโปรงผ้าต่วนสีขาวนวลหกจีบพริ้วไปมา ผูกด้วยผ้าคาดเอวปักลายบุปผา บนไหล่สะพายย่าม ในมือทั้งสองข้างจับถือข้าวของพะรุงพะรัง ดูแล้วเหมือนนางกำลังจะย้ายถิ่นฐานไปไหนสักแห่งไม่มีผิด
"กลับบ้าน...เจ้าไม่ได้พักอยู่กับเจ้านายงั้นหรือ" มี่อิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจเล็กน้อย เพราะสหายผู้นี้ทำงานเป็นสาวรับใช้ของคฤหาสน์ตระกูลร่ำรวย
"ข้าก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นตลอดไปหรอก คุณหญิงที่ข้าดูแล เดินทางล่องเรือออกทะเลหลายเดือน นางเลยให้ข้ากลับมาอยู่บ้านเสียก่อน พอนางกลับมา ก็คงเรียกข้ากลับไปปรนนิบัติดูแลเหมือนเดิม"
มี่อิงส่งเสียงอ้อและพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
"แล้วเจ้าล่ะมี่อิง...เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่" เอ่ยจบ เสี่ยวเผิงก็หันศีรษะไปมองที่จางเยาเยาด้วยแววตาสงสัย
มี่อิงจึงรีบเอ่ยแนะนำต่อทันใด "นี่คือท่านย่าของข้า"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเผิงก็ไม่รีรอที่จะค้อมกายคารวะจางเยาเยาด้วยความนอบน้อม "ท่านย่าของมี่อิงนี่เอง…คารวะท่านย่า"
"ไม่ต้องคารวะอะไรข้าให้มากมายหรอก...เป็นกันเองเถิด" จางเยาเยาโบ้ยมือ คลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตร
เสี่ยวเผิงยิ้มตอบอย่างมีมารยาท พลางหันไปเอ่ยกับสหายต่อ "ว่าอย่างไร...เจ้ายังไม่ตอบข้าเลยว่าเหตุใดถึงมานั่งหลบซ่อนอยู่ที่นี่"
"เอ่อ...คือ…" มี่อิงมีสีหน้ากระอักกระอ่วนที่จะเอ่ยออกไป แต่ด้วยความเชื่อใจ นางจึงเลือกที่จะตอบออกไปตามความจริง "ข้ากับท่านย่าโดนทางการไล่จับมาเลยมาหลบซ่อนอยู่ที่นี่น่ะสิ"
"จริงหรือ! " เสี่ยวเผิงเบิกตาโตด้วยความตกใจ "เช่นนั้นคืนนี้เจ้าจะนอนที่ไหน จะอยู่กันอย่างไร"
"คงแถว ๆ นี้กระมัง อย่าว่าแต่ที่พักอาศัยเลย ยามนี้แม้แต่เบี้ยสักตำลึงข้าก็ยังไม่มี" เอ่ยจบหยาดน้ำตาในดวงตาอำพันสวยของมี่อิงก็เริ่มล้นขอบตา
เสี่ยวเผิงใช้มือตบไปที่บ่าของมี่อิงเบา ๆ เสนอความช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ "ใจเย็นก่อนสหายข้า เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ตอนนี้เจ้ากับท่านย่าไปพักที่บ้านของข้าก่อน บ้านข้าตั้งอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนัก มิหนำซ้ำยังอยู่ติดกับป่าและลำธาร หาพืชผัก ปลาและผลไม้มาทำอาหารกินได้ไม่ยาก ข้าว่าน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด"
"ข้ากับท่านย่าจะไม่ไปรบกวนเจ้าหรือ" มี่อิงเอ่ยเสียงแผ่ว ความเกรงใจที่จับต้องไม่ได้ปกคลุมในใจของนาง ถึงแม้ยามนี้จะมีแต่ 'เสี่ยวเผิง' เท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือนางได้ก็ตาม
"รบกวนอะไรกันเล่า เจ้าก็เหมือนพี่น้องข้า มีเจ้ากับท่านย่ามาอยู่ด้วยคงจะดีไม่น้อย"
มี่อิงลอบซาบซึ้งในความมีน้ำใจของสหาย เอาเถิด...อย่างไรเสียก็ไม่ต้องให้ท่านย่าต้องมานอนบนพื้นเปื้อนฝุ่นดิน หากเก็บเบี้ยได้สักหน่อย ค่อยหาที่พักอยู่ใหม่ก็แล้วกัน
"ขอบคุณนะเสี่ยวเผิง" มี่อิงเอ่ยขอบคุณด้วยแววตาเป็นประกาย
หลังจากนั้น เสี่ยวเผิงก็เดินนำมี่อิงและจางเยาเยาไปยังที่พักของนาง สาวเท้าก้าวผ่านพ้นเขตของตลาด เดินลัดเลาะเข้าด้านหลังอารามแห่งหนึ่งที่มีป่าและลำธารโอบล้อมอยู่ทั่วทุกสารทิศ จนมาถึงที่พักของเสี่ยวเผิงในที่สุด
ที่พักของเสี่ยวเผิงตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไผ่ เป็นเพียงกระท่อมไม่เล็กมากไม่ใหญ่มาก ก่อประกอบขึ้นจากกระบอกไม้ไผ่ทั่วทั้งหลัง มีพื้นที่เพียงพอสำหรับคนอาศัยอยู่ด้วยกันได้ประมาณ 3-4 คนอย่างไม่อึดอัด ทางด้านหลังอยู่ติดกับกุฏิวัดหยวนทง ส่วนทางด้านหน้าอยู่ติดกับแม่น้ำหวางเหอ
"ถึงแล้ว...นี่แหละที่พักของข้า" เสี่ยวเผิงกล่าวพลางผายมือไปที่กระท่อม
มี่อิงชะโงกศีรษะมองเข้าไปข้างในกระท่อมไม้ไผ่ มองหาว่ามีผู้ใดอาศัยอยู่ในกระท่อมนี้หรือไม่?
"ไม่มีหรอก ข้าอยู่คนเดียว" เสี่ยวเผิงโพล่งเอ่ยเสียงเรียบ
"จริงหรือ...ข้านึกว่า…"
"พ่อแม่ข้าท่านเสียไปนานแล้ว ตั้งแต่ข้าเพิ่งเกิดได้กระมัง และกระท่อมหลังนี้ก็เป็นสิ่งที่ท่านพ่อ ท่านแม่ข้าเหลือไว้ ยามนี้เป็นเพียงกระท่อมร้างหลังหนึ่งเท่านั้น ”
มี่อิงผงกศีรษะนึกคิดตาม ถึงว่า...ข้าไม่เคยเห็นเสี่ยวเผิงเล่าเรื่องครอบครัวของนางให้ฟังเลยแม้แต่ครั้งเดียว ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง!
“เจ้าและท่านย่าอยู่ที่นี้กับข้าก่อนก็แล้วกัน อาจจะลำบากหน่อย แต่ข้ามั่นใจว่าจะไม่มีผู้ใดมารบกวนเจ้าเป็นแน่”
ข้าไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดถึงไม่มีผู้ใดมารบกวน...อยู่หลังกุฏิอารามเช่นนี้ กลางคืนบรรยากาศจะเป็นเช่นไรนะ?
พอคิดได้เช่นนั้น ขนอ่อนบนแขนของมี่อิงก็พากันลุกชันขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
จางเยาเยาเดินเข้าไปกุมมือของเสี่ยวเผิง นัยน์ตาลึกล้ำฉายรอยยิ้มอ่อนโยน “ขอบใจเจ้ามากนะเสี่ยวเผิง น้ำใจของเจ้าครั้งนี้ ข้ากับมี่อิงจะไม่ลืมเลย”
เสี่ยวเผิงเผยระบายยิ้มเบาบางเอ่ยตอบ “ในชีวิตข้าเกิดมาก็ไม่เคยพบเจอบิดามารดา แม้แต่ญาติพี่น้องข้าก็ไม่มีแม้แต่ผู้เดียว หากจะคิดว่าเป็นน้ำใจ ข้าขอให้ท่านย่ารับข้าเป็นหลานอีกคนได้หรือไม่”
“ไฉนจะไม่ได้กันเล่า” จางเยาเยายิ้มตอบทันใดอย่างไม่ต้องคิดนาน
"ใช่ ๆ เสี่ยวเผิง ยังไงท่านย่าก็ต้องรับเจ้าเป็นหลานอยู่แล้ว ต่อไปเจ้าก็จะเป็นทั้งสหายและพี่น้องข้า"
เสี่ยวเผิงฉีกยิ้มกว้าง ก่อเกิดความรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แบบนี้นี่เองที่เรียกว่าครอบครัว แบบนี้เองสินะ…
ผ่านราตรีอันมืดมิดมาจนถึงเช้าของอีกวัน มี่อิงหลับสนิทไม่ฝันถึงสิ่งใด
นางเปิดตาตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงีย ลุกขึ้นนั่งเหยียดขาเรียวยาว ใช้กำปั้นมือทุบไปที่ขาเบา ๆ ให้คลายความปวดเมื่อย
คงเป็นเพราะเมื่อวานวิ่งหนีออกมาจากสำนักเป็นแน่ ก็เลยต้องมานั่งปวดระบมแข้งขาเช่นนี้...
"มี่อิง...เจ้าตื่นแล้วหรือ" เสี่ยวเผิงเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะเปิดประตูเข้ามาในกระท่อม
"ใช่ ข้าตื่นแล้ว เจ้าตื่นนานแล้วหรือ...แล้วท่านย่าล่ะ" มี่อิงเอ่ยถามเพราะสงสัยที่ตื่นมาแล้วไม่พบย่าของนางนอนอยู่ข้าง ๆ
"ท่านย่าออกไปหาปลาที่ลำธาร ดูท่านจะชอบธรรมชาติเอาเสียมาก เห็นท่านบอกว่าจะจับปลามาเผาให้เรากินกันด้วยล่ะ"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มี่อิงก็รู้สึกโล่งใจและเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "อย่างนั้นเองหรือ..."
"เจ้าน่ะ ไปอาบน้ำให้กายสะอาดสะอ้าน เสร็จแล้วก็มาหาข้าในกระท่อม เดี๋ยวข้าจะช่วยแต่งกายให้เจ้าเอง"
มี่อิงพยักหน้าและยิ้มตอบ ก่อนที่จะออกไปอาบน้ำชำระกายที่ลำธารทางฝั่งตะวันตก
ส่วนเสี่ยวเผิงที่รออยู่ด้านในกระท่อม ก็นำเสื้อผ้าของตนออกมาวางไว้บนฟูกนอนอย่างเป็นระเบียบ
เมื่อเห็นว่ามี่อิงก้าวเท้าเข้ามาในกระท่อมแล้ว นางก็ไม่รีรอที่จะเดินเข้าไปจับสหายรักแต่งตัวตามใจชอบเหมือนดั่งกำลังแต่งตัวให้ตุ๊กตาตัวโปรดอยู่อย่างไรอย่างนั้น
หลังจากแต่งกายเสร็จสิ้น เสี่ยวเผิงก็จ้องมองมี่อิงด้วยแววตาเจือความภาคภูมิใจ
มี่อิงยามนี้ดูเป็นสาววัยสะพรั่ง อ่อนหวาน สดใสเหมือนดั่งบุปผาแย้มกลีบบานในฤดูวสันต์ เสื้อสั้นสาบขวาสีชมพูอ่อน กระโปรงผ้าต่วนสีเดียวกันกับเสื้อ คาดผ้าผูกเอวสีขาวไข่มุกนวลตัดเข้ากันเป็นอย่างดี ละมุนละม่อมน่ามองยิ่ง
มี่อิงหันตัวหมุน จ้องมองดูอาภรณ์สีสันสดใสผ่านกระจกฉายใบยาว ใบหน้าพลันยิ้มแย้มขึ้น "เสี่ยวเผิง...ชุดของเจ้างามนัก ให้ข้าใส่มันจะดีหรือ"
"โธ่...อะไรของเจ้ากัน ข้ามีชุดสวย ๆ ตั้งมากมาย หากจะให้เจ้าสักตัวจะเป็นอะไรไป" เอ่ยจบ เสี่ยวเผิงก็ใช้มือจับไหล่หมุนกายของมี่อิงหันหน้าเข้ากระจกฉาย กดไหล่ของนางนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เบา ๆ หลังจากนั้นก็ใช้หวีสางจัดแต่งทรงผมและแต่งใบหน้าให้นางอย่างพิถีพิถัน
ถึงแม้เสี่ยวเผิงจะเป็นคนยากจน แต่นางจัดได้ว่าเป็นสตรีผู้มีรสนิยมดีคนหนึ่งเลยทีเดียว
ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า นางดูแลตัวเองอย่างดี พวงแก้มกระจ่างเกลี้ยงเกลาและกลีบปากเรียวบางของนางไม่เคยปล่อยให้จืดชืด จะต้องมีสีชมพูระเรื่อดั่งกลีบเหมยฮวาแต่งแต้มอยู่เสมอ
หากจะบอกว่าเป็นพรสวรรค์ก็ย่อมได้ ผมเผ้า เครื่องหน้า หรือแม้กระทั่งเครื่องแต่งกาย ถึงแม้จะเป็นผ้าราคาถูก แต่ทว่านางสามารถเนรมิตให้สวยงามดูดีมีราคาไม่ต่างกับเสื้อผ้าราคาแพงเลยแม้แต่น้อย
นางเริ่มรู้สึกรักสวยรักงามมากขึ้นก็ตอนที่ได้เข้าไปเป็นสาวรับใช้ที่จวนของขุนนางชั้นสูง พอได้ไปคลุกคลีอยู่ในนั้นนาน ๆ สัญชาตญาณความเป็นสตรีของนางก็เปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน
"เสี่ยวเผิง...เจ้าเก็บเงินทองได้มากมายเลยใช่หรือไม่ เครื่องประทินผิวและเครื่องประดับพวกนี้ คงราคาแพงน่าดู"
"ใช่ที่ไหนกัน...เครื่องประทินผิวและเครื่องประดับพวกนี้ บ้างก็ได้มาจากฮูหยิน คุณหญิง เหล่าอนุ บ้างก็เอามาจากโต๊ะเครื่องแป้งของพวกนาง"
"จะ เจ้าว่าอะไรนะ" มี่อิงเบิกตาโต "เช่นนั้นก็หมายความว่าเจ้าขโมยของมาอย่างนั้นน่ะสิ! "
"เจ้าก็พูดเกินไปแล้ว...ขโมยอะไรกัน ของพวกนี้วางทิ้งไว้ตั้งนานหลายเดือน พวกนางไม่เคยสนใจเสียด้วยซ้ำ ซื้อมาวางกองพะเนิน แล้วก็หลง ๆ ลืมๆ ว่ามีอะไรบ้าง ข้าก็เลยถือวิสาสะเอามาทิ้งเสียเอง ถึงแม้จะทิ้งลงกระเป๋าของข้าก็เถอะ! คนร่ำรวยก็อย่างนี้ ไม่เห็นแก่เงินทองเสียบ้างเลย..." เสี่ยวเผิงพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
มี่อิงหรี่ตามองเสี่ยวเผิงผ่านกระจกฉาย แสดงสีหน้าไม่เข้าใจ "แล้วมันต่างจากขโมยตรงไหนกัน"
"ขะ ข้าไม่คุยกับเจ้าด้วยแล้ว" เสี่ยวเผิงชิ่งตัดบท ก้มศีรษะจัดแต่งทรงผมต่อ
มี่อิงเห็นท่าทางเช่นนั้น ก็ไม่เอ่ยอะไรยอมนั่งนิ่งทำตัวเป็นหุ่นไม้ที่ดีของสหายต่อไป
จนเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ใบหน้าและทรงผมของมี่อิงก็งดงามสมบูรณ์แบบ…
“ไหนเจ้าลองหันมาให้ข้าดูหน่อยซิ” เสี่ยวเผิงกล่าว
มี่อิงค่อย ๆ เคลื่อนตัวหันกายมาหาเสี่ยวเผิงอย่างช้า ๆ “เป็นอย่างไร...ข้างามแล้วใช่หรือไม่”
เสี่ยวเผิงฉีกยิ้มกว้าง ลอบชื่นชมผลงานของตัวเองในใจ เดิมทีมี่อิงก็มีโครงหน้างดงามอยู่แล้ว พอมีอะไรมาแต่งแต้มนิดหน่อย ก็ดูงดงามสมวัยน่ามองไม่น้อย
"ยามนี้เจ้าดูงดงามยิ่ง ชายใดก็ละสายตาจากเจ้าไม่ได้ ไฉนถึงไม่ลองแต่งหน้า แต่งกายแบบนี้ดูบ้าง เจ้าเอาแต่แต่งหน้าเข้ม ดูเหมือนสตรีสูงวัยอย่างไรไม่รู้ชอบกล”
“ก็ข้าทำอาชีพหมอดู หากข้าแต่งหน้าปกติ จะมีผู้ใดมาเชื่อถือข้ากันเล่า”
“ก็จริงของเจ้า” เสี่ยวเผิงขบคิดตามแล้วก็หลุดหัวเราะออกมา เพราะยามนั้นใบหน้าของมี่อิงในคราบหมอดูหยั่งรู้ดูแก่เกินวัยไปจริง ๆ “ต่อไปเจ้าแต่งหน้าอ่อน ๆ แบบนี้ก็พอแล้วเข้าใจหรือไม่ หากยังแต่งหน้าหนาอยู่แบบนั้นชาตินี้เจ้าคงไม่มีบุรุษคนไหนมาขอเจ้าแต่งงานเป็นแน่"
“เสี่ยวเผิง...เจ้าพูดเหมือนกับท่านย่าข้าไม่มีผิด” มี่อิงหน้านิ่วเอ่ย
“ก็มันจริงไม่ใช่หรือ…”
"ไม่จริงเสียหน่อย! "
"ไม่จริงก็ไม่จริง...ข้าไม่เอ่ยเช่นนั้นแล้วก็ได้" เสี่ยวเผิงยิ้มแย้มชอบใจ รีบเอ่ยเปลี่ยนเรื่องก่อนที่มี่อิงจะโกรธเข้าจริง ๆ "วันนี้ข้าจะไปเดินเล่นที่ตลาดเสียหน่อย เจ้าจะเอาอะไรหรือไม่"
"ตลาดงั้นหรือ…" นัยน์ตาสีดำล้ำลึกของมี่อิงเปล่งประกายแวววับเหมือนดั่งกำลังคิดอะไรได้บางอย่าง "ข้าขอไปกับเจ้าด้วยได้หรือไม่"
"ไปกับข้าจะดีหรือ...เดี๋ยวเจ้าก็โดนจับอีก"
"เจ้าแต่งกาย แต่งหน้าให้ข้าแบบนี้ไม่มีผู้ใดจำข้าได้หรอก อีกอย่าง…" มี่อิงคว้าผ้าสีขาวผืนบางปักลายดอกโบตั๋นขึ้นมาผูกไว้ครึ่งหน้า คิ้วตาโค้งลง ยกยิ้มอย่างมีเลศนัย "หากข้าอำพรางหน้าเช่นนี้ เจ้าว่าอย่างไรล่ะเสี่ยวเผิง..."
เสี่ยวเผิงจ้องมองท่าทางของมี่อิงแล้วก็หลุดหัวเราะออกมา "เจ้าจะลองเสี่ยงดูงั้นหรือ"
"เหตุใดข้าจะไม่ลองเสี่ยงดูกันเล่า..."