รินะแวะซื้อของฝากอยู่พักใหญ่แล้วกลับมาบ้านหลังเล็กที่เธออาศัยกับผู้เป็นแม่เพียงสองคนตั้งแต่ยังเด็ก วันนี้หญิงสาวพบว่าท่านไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะในห้องรับแขกของบ้านป้าเมตตาคุณแม่ของพี่คินนั่งหน้างอคอหักอยู่โดยมีมารดาของเธอคอยปลอบ
“หนูกลับมาแล้วค่ะ สวัสดีค่ะป้าเมต สวัสดีค่ะแม่” หญิงสาวเดินไปกอดเพื่อนรักต่างวัยที่ปลอบประโลมกันอยู่ สีหน้าของเมตตาดีขึ้นตอนเจอเธอ
“ป้าเมต งอนอะไรลุงอาคมคะวันนี้” แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก หญิงสาวมองกระเป๋าเดินทางที่ป้าเมตตาเก็บแล้วลากมาตั้งที่บ้านเธอแล้วก็เลิกคิ้ว
ท่านเก็บกระเป๋าขนาดยี่สิบแปดนิ้ว ใบใหญ่ขนาดนี้แสดงว่าโกรธมากชัวร์!
หญิงสาวยิ้มน้อยๆ เมื่อป้าเมตตาทำหน้าตึงขึ้นมากเมื่อเอ่ยชื่ออาคม คุณพ่อของอนาคิน
รินะนึกถึงครั้งแรกที่รู้จักป้าเมตตา มันเป็นวันที่มารดาได้รับบ้านนี้เป็นสินสมรสหลังจากหย่ากับบิดาเธอ สองแม่ลูกเพิ่งเข้ามาอยู่วันแรก ตอนนั้นรินะอายุเจ็ดขวบยังไม่รู้จักเพื่อนบ้านสักคนเพราะหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเศรษฐีรั้วรอบขอบชิดสูงเลยยังไม่ได้สานสัมพันธ์กับใคร ในขณะที่มารดานั่งแปลเอกสารสำคัญซึ่งเป็นงานที่ท่านรับทำเพื่อหารายได้เลี้ยงลูกสาว รินะเล่นอยู่หน้าบ้าน เด็กน้อยเจอผู้หญิงวัยไล่เลี่ยมารดาลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กเดินเหงื่อซ่กทำท่าจะเป็นลมอยู่หน้าบ้าน เด็กน้อยรีบเปิดประตูบ้านไปช่วยลากนางเข้ามานั่งพักผ่อน แถมยังไปเอาน้ำเก๊กฮวยเย็นชื่นใจมาเสิร์ฟ
มารดาเห็นเธอเงียบอยู่นานเลยลุกออกมาดูเลยได้ช่วยคนเป็นลมแดดด้วยคน
ป้าเมตตาร้องไห้สะอึกสะอื้น มารดาเธอจับใจความได้คำหนึ่งว่า ‘ผัวทิ้ง’
ความเห็นอกเห็นใจจึงบังเกิดกับคนที่อยู่ในสถานะเดียวกันจึงบอกว่าจะให้ที่พักพิงจนกว่าอีกฝ่ายจะมีที่ไป
รินะเอาขนมไดฟุกุมาเสิร์ฟคนเศร้า พอได้รับการใส่ใจจากเธอ คุณป้าเมตตาก็ยิ้มออกและบอกว่าอยากมีลูกสาวน่ารักอย่างนี้บ้าง ท่านอยู่บ้านเธอวันแรกก็ไม่นิ่งดูดายช่วยทำอาหารและรสชาติกับข้าวที่ท่านทำอร่อยที่สุดในสามโลก รินะถึงกับปรึกษามารดาว่าขอให้คุณป้าอยู่ด้วยตลอดชีวิต เพราะเธออยากกินอาหารฝีมือคุณป้าจนแก่ แต่ค่ำวันเดียวกันที่รั้วบ้านเธอมีเสียงกรดกริ่งดังลั่น
เด็กน้อยรีบไปเปิดประตูให้แขกเพราะมารดากับป้าเมตกำลังวุ่นกับการฝึกกวนแป้งโมจิอยู่
“มีคนแปลกหน้ามาที่นี่หรือเปล่า” เด็กชายที่อายุมากกว่ารินะราวๆ ห้าปีเอ่ยถามเธอด้วยท่าทางนิ่งๆเหมือนผู้ใหญ่ ข้างหลังเขามีผู้ใหญ่ยืนทำหน้าตาเครียดอยู่หลายคน
“มี”
สีหน้าของทุกคนดีขึ้นโดยเฉพาะพี่เด็กโตที่กดกริ่งแต่ยิ้มของพวกเขาก็หุบเมื่อมือเล็กๆ ของรินะชี้กราด
“พวกพี่ไง”
“คุณคินครับ เราไปตามหาแม่ของคุณคินที่อื่นเถอะครับ ที่นี่มันใกล้ไป”
มีคนมาสะกิดหลังพี่เด็กโต แต่เขาไม่สนใจ เพราะสายตากำลังมองรองเท้าแตะที่ถอดอยู่หน้าบ้านอยู่
“รินะลูก ใครมาหรือจ๊ะ” เสียงป้าเมตตาถาม
“ม้า” เสียงพี่เด็กโตเรียก ป้าเมตตาชะงัก นางเดินออกมาหาคนที่ยืนข้างรินะ ในขณะที่เขาจ้องหน้ารินะตาดุเขม็ง
“เด็กอ้วน เธอคิดจะซ่อนแม่ฉันไว้หรือไง”
“พี่คิน! อย่าเรียกผู้มีพระคุณของแม่แบบนั้นนะ ขอโทษน้องเดี๋ยวนี้”
“ขอโทษ” เขาทำตามมารดาบอกอย่างเชื่อฟัง
“ไม่เป็นไร” รินะไม่เคยโกรธใครนาน แม้จะเจ็บใจที่มีคนบอกว่าเธอเป็นเด็กอ้วน แต่เธอก็อ้วนตุ๊ต๊ะจนยิ้มทีตาแทบปิดเลยไม่รู้จะโกรธไปทำไมในเมื่อเขาพูดความจริง
“เมตตา คิน มาทำมาอะไรกันที่นี่” เสียงเอ่ยถามของคนที่มาทีหลังเอ่ยขึ้น เขาลงมาจากรถตู้ที่เปิดอ้าไว้เพราะคนของบ้านเขายืนออกันเต็มที่นี่ พอลงมาดูก็เห็นเมียยืนกอดลูกชายอยู่
ฝ่ายเมตตาเห็นอาคมนางก็เม้มปาก มองอีกฝ่ายอย่างตัดพ้อ
“ฉันจะย้ายมาอยู่บ้านนี้”
“พูดเป็นเล่น” อาคมปรามเมีย
“พี่คินเลือกว่าจะอยู่ที่บ้านนี้กับแม่หรือจะอยู่บ้านกับพ่อ”
“พี่ทำกับข้าวเป็นไหม” รินะสะกิดแขนพี่เด็กโตแล้วถาม เธอต้องรู้ให้แน่ก่อนว่าเขาทำกับข้าวอร่อยเหมือนคุณป้าไหม ไม่เช่นนั้นคงอนุญาตให้เขานอนที่นี่ไม่ได้
“ทำเป็นสิ” เขาพยักหน้า ก่อนจะหันไปหามารดา
“ทำไมม้าต้องอยู่บ้านนี้ แล้วทำไมคินต้องเลือก”
“ก็ป๊าพี่คินจะมีเมียใหม่ พี่คินก็เลือกเอาว่าจะอยู่กับแม่หรือป๊า”
“เมียใหม่? ใครจะมีเมียใหม่” อาคมงงเป็นไก่ตาแตก