BELOVED 06
“สโนว์ ตื่นได้แล้ว!!”
“ฉันหลับไปตอนไหนวะเนี่ย”
“ไปแต่งตัวได้แล้วไปจะเที่ยงอยู่แล้ว เดี๋ยวรถติด”
“เธอไปอาบน้ำก่อนดิ ฉันแต่งตัวแป๊บเดียวขอนอนต่ออีกงีบ”
“ตามใจแล้วกัน”
สโนว์คุยกับฉันโดยที่ยังไม่ลืมตาขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ ฉันละสายตาจากเป้ากางเกงแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอาบท่าแต่พออาบน้ำออกมาไม่เจอ
สโนว์นอนอยู่ตรงที่เดิมแล้ว กลับได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากห้องนอนฉันแทน เดี๋ยวก่อนนะ อย่าบอกนะว่าสโนว์อยู่ในนั้นน่ะ
“สโนว์ ทำอะไร!!”
“เลือกชุดให้เธอไง ใส่ชุดที่ฉันซื้อให้นะชุดนี้สวยดี”
“ฉันอนุญาตให้นายเข้ามาในห้องนอนฉันตั้งแต่เมื่อไร?!”
“มันเสียมารยาทเหรอ โทษทีนะแต่ฉันหน้าด้าน”
คนตัวสูงแขวนชุดที่เลือกไว้ให้แล้วเดินชนไหล่ฉันออกไป ฉันเลยรีบปิดประตูด้วยความตื่นตระหนก ผู้ชายเข้าห้องนอนอะ!! ชุดที่สโนว์เลือกให้
ก็เป็นชุดเดรสสีพาสเทลน่ารักๆฉันไม่ได้ยืนพินิจพิจารณาอะไรนาน รีบแต่งตัวแต่งหน้าแล้วออกไป เพราะกลัวรถจะติดอีกอย่างถ้าถึงที่โน่นช้าผู้ใหญ่จะดู
ไม่ดี
“สวยจัง!!”
“อะไรของนาย ไปแต่งตัวได้แล้วไปฉันเสร็จหมดแล้วเนี่ย”
“เธอไปรอที่ห้องฉันเถอะ กินซีเรียลที่ห้องฉันรองท้องก่อนตั้งแต่ตื่นมายังไม่ได้กินอะไรเลยนี่ อีกอย่างห้องเธอไม่มีซีเรียล”
“รู้ดีไปหมด ตอนฉันหลับนี่สำรวจหมดแล้วสิท่า ไปๆรีบๆเลย”
ยุ่งจริงๆเลยหมอนี่หนิ ฉันเดินตามสโนว์ไปที่ห้องของเขาแล้วเจ้าของห้องก็ไปหยิบซีเรียลกับนมมาเทใส่ถ้วยให้ฉัน โอเค จุดจุดนี้คือฉันก็หิวเลย
ตั้งหน้าตั้งตากินไปให้เร็วที่สุด
“ดูดียังเธอ?”
“อื้ม”
เท่อีกแล้วกับแค่เสื้อกล้ามกางเกงยีนส์พร้อมเสื้อคลุมหนังสีดำกับรองเท้าผ้าใบ แค่นี้ก็ดูดีแล้วอะทุกอย่างมันลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วฉันยังกินซีเรียลไม่อิ่มเลยก็พ่อคุณแต่งตัวไวอย่างกับอะไรดี
จุ๊บ
“กินให้อิ่มก่อนก็ได้ครับ”
“นายหอมฉันอีกแล้ว ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ชอบให้ทำแต่ฉันทำนายได้ฝ่ายเดียว นี่นายเล่นหอมฉันทีเผลอตลอดเลยนะ”
“ก็แก้มเธอนิ่ม รีบกินอย่าพูดมาก”
ระหว่างนั่งรถมาสโนว์ชวนคุยอะไรไม่รู้ตลอดทาง คุยเรื่องมหา’ลัยคร่าวๆเรื่องการเรียนการสอนและการใช้ชีวิตเป็นนักศึกษา ฉันก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้างเพราะไม่รู้จะฟังอันไหนดีเพลงก็จะเปิดคนก็จะพูด แล้วทุกอย่างก็เป็นอย่างที่ฉันคาดไว้ไม่มีผิด รถติดมากถึงมากที่สุดกว่าจะมาถึงบ้านคุณอาปกรณ์
เล่นเอารากแทบงอกติดเบาะ
ตื่นเต้นเหมือนกันนะไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว...
“พ่อแม่นายดุไหม? ฉันตื่นเต้น”
“ดุมาก ระวังพ่อฉันเอาแส้เฆี่ยนหลังเธอนะมาผิดนัดแบบนี้”
“จริงดิ? แล้วทำไงกันดีล่ะ!!”
“นี่เธอเชื่อเหรอ? ซื่อบื้อเอ้ย! ไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอกไม่ต้องกลัวบ้านฉันใจดีกันทั้งบ้านนั่นแหละ”
ฉันเดินลงจากรถอย่างเก้ๆกังๆกับการไม่ตรงเวลาของตัวเองเพราะฝรั่งเขาซีเรียสเรื่องเวลาเอามากๆแล้วฉันก็อยู่ฝรั่งเศสนานแล้วก็เคร่งเรื่องเวลามาโดยตลอด เวลามาเลทมันดูเสียมารยาทมากแต่เมืองไทยใจดีไม่เอาเรื่องพวกนี้มาเคร่งเท่าไรแต่ฉันก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดีไง
“มาเถอะน่า”
สโนว์ดึงมือฉันเดินเข้าบ้านแต่ฉันก็ขัดขืนอย่างสุดกำลังเพราะมันไม่เหมาะถ้าผู้ใหญ่มาเห็นอะไรแบบนี้มันจะดูไม่ดี แต่ฉันขัดขืนยังไงก็สู้แรงเขาไม่ได้สุดท้ายสภาพเลยออกมาเป็นว่าฉันโดนกระชากลากถูเข้าบ้าน จริงๆฉันแรดนะ แรดเงียบน่ะแต่ฉันก็รักนวลสงวนตัวและปกป้องตัวเอง
“หนูกี้ลูกกก เอ๊ะ..สโนว์ลากหนูกี้ทำไม”
“คุณป้าสวัสดีค่ะ ไม่มีอะไรค่ะกี้กับสโนว์เล่นกันเฉยๆ คุณป้าสวยจังเลยนะคะเมื่อก่อนกับตอนนี้ไม่ต่างกันเลย”
“หนูโตเป็นสาวแล้วสวยเหมือนซาร่าเลยนะ ดูสิ เค้าหน้าเหมือนแม่เป๊ะเลย”
คุณป้าอลิษายังสวยและใจดีเหมือนเดิม น้ำเสียงและท่าทางดู
อ่อนช้อยสมกับเป็นกุลสตรีไทยมากจริงๆ ฉันโผเข้ากอดแม่ของสโนว์อย่าง
เป็นมิตรก่อนที่ฉันจะมองเห็นคุณลุงปกรณ์เดินมาหาเราทางนี้พอดี คุณลุงปกรณ์ก็ยังดูมาดสุขุมเหมือนเมื่อก่อนนั่นแหละ ฉันพอจะจำเรื่องราวของครอบครัวนี้ได้รางๆเพราะตอนที่ฉันอยู่ไทยตอนนั้นก็เด็กมาก พอจบประถมที่ไทยฉันก็ย้ายไปอยู่ที่ฝรั่งเศสเลย ความทรงจำอะไรที่ไทยค่อนข้างน้อย ขนาดรู้จักครอบครัวนี้ฉันยังไม่คุ้นเคยกับสโนว์ตอนเด็กเลย
“คุณลุงสวัสดีค่ะ สบายดีไหมคะ นี่ยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลยนะคะเนี่ย เหมือนเพิ่งสามสิบต้นๆเอง”
ฉันโผเข้ากอดคุณลุงอีกครั้ง..
“เอ้อ ลูกสาวอิทธิพลนี่ไม่ได้เค้าพ่อมาเลยเว้ย นี่มันซาร่าชัดๆฮ่าๆๆ มาๆเข้ามาทานข้าวกันเถอะหนูกี้ ลุงเตรียมอาหารไทยไว้เยอะเลย”
“ทุกคนลืมไปแล้วเหรอครับว่าผมยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้!!”
“แกจะเรียกร้องเอาอะไร บ้านก็บ้านตัวเองฉันต้องเชิญแกไหมล่ะ
ไอ้ลูกชาย มาๆเชิญเข้าบ้านแล้วกันตามสบายนะคิดว่าเป็นบ้านตัวเอง อย่างนี้ใช่ไหม?”
“คุณคะ อย่าแกล้งลูก ไปๆสโนว์พาหนูกี้ไปห้องอาหารสิลูก”
สโนว์ยู่ปากใส่คนเป็นพ่อเหมือนลูกคนเล็กโดนขัดใจ ฉันได้แต่อมยิ้มให้กับครอบครัวนี้ ดูอบอุ่นและน่ารักดี แขนหนักๆรั้งคอฉันให้เดินตามแล้วไม่ต้องถามเลยว่าเป็นแขนใคร ทำไมชอบมาดึงมาเกาะฉันอยู่เรื่อยเลยเนี่ย ฉันไม่ชอบให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัวเท่าไรนะแต่ก็สู้แรงสโนว์ไม่ได้สักที ถึงฉันจะยูโดสายดำแต่ก็แพ้หน้าสวยๆของสโนว์อยู่ดี
อาหารไทยรสเลิศเรียงรายบนโต๊ะอาหารพร้อมกับบทสนทนาของประมุขของบ้านที่ซักถามสารทุกข์สุขดิบของฉันเรื่อยเปื่อยส่วนคุณป้าไม่ได้ถามอะไรมากเหมือนคุณลุงจะแย่งถามไปซะหมด เลยได้แต่แนะนำอาหารบนโต๊ะให้ฉัน ลูกชายบ้านนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตากินไปด้วยฟังเรื่องของฉันไปด้วยแล้วก็เล่นโทรศัพท์ไปด้วย
“นี่ลุงตกใจอยู่เหมือนกันที่สองคนนี้อยู่คอนโดห้องติดกัน แต่ดีแล้วล่ะจะได้ดูแลกันได้ หนูกี้อยู่ไทยคนเดียวให้สโนว์ดูแลน่ะดีแล้วเห็นว่าคบกันอยู่นี่ใช่ไหม? มีหลานให้ลุงอุ้มสักสี่ห้าคนสิ”
พรวดดด!
ฉันและสโนว์สำลักอาหารพุ่งพรวดออกมาพร้อมกันเลยเมื่อสิ้นเสียงของคุณลุง ประโยคที่ว่ามีลูกให้อุ้มนี่ไม่ได้เตรียมใจมาฟังเลยจริงๆ
“แค่กๆ คุณลุงรู้ได้ไงคะเนี่ยว่าคบกัน คือมันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ
เราแค่ลองๆคุยลองเปิดใจไม่ได้เป็นแฟนที่เขารักใคร่กันอะไรแบบนั้น”
“อะไรของเธอ ก็เป็นแฟนนั่นแหละจะพูดให้งงทำไม”
“แต่ฉันยังไม่ได้รักนาย”
“ฉันก็ยังไม่ได้รักเธอ แต่ก็คบเป็นแฟนเปล่าวะ”
อะไรของเขาเนี่ย ยังอยู่ในสถานะที่เรียกแฟนไม่เต็มปากกับผู้ใหญ่หรือเปล่า? ไปประกาศโทงๆว่าเป็นแฟนกันมันไม่ใช่ในเมื่อรักกันยังไม่ได้รักเลยด้วยซ้ำ แค่ลองๆดูใจในฐานะแฟนมั่งเหอะ
“เอาน่า คบๆกันเดี๋ยวก็รักกันเองแหละถ้าคนมันจะรักจะชอบกันห้ามได้ที่ไหนแต่ถ้าลูกชายลุงมันเลวจนทนไม่ไหวหนูกี้ทิ้งมันได้เลยนะ ลุงเห็นมันก็มีแฟนไปทั่วนั่นแหละถ้ามันไม่หยุดที่หนู หนูก็ไม่ต้องหยุดที่มัน”
“พ่อครับ!!”
เอาเถอะค่ะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ยังไงฉันก็ลุ่มหลงในหน้าสวยๆกับสรีระน่ากินน่าขยี้ของเขาอยู่ดี นั่งกินข้าวกันไปได้สักพักสโนว์ก็ตะโกน
ลั่นขึ้นมาว่าเผ็ด กินพริกเข้าไป แล้วกินน้ำใหญ่เลย หน้าแดงเหงื่อแตกมาก ปากเจ่อบึนจนหุบไม่ได้ ดูท่าจะไม่ถูกกับอาหารเผ็ดเอามากๆ
“ซู้ดดดดด ร้อนๆๆ”
อยู่ๆก็ถอดเสื้อแจ็กเกตออก...
พระเจ้าช่วยกี้ด้วยยยย แขนล่ำดีจัง ดูคอเสื้อที่เว้าสิแทบจะคว้านถึงพุง แหม่ คอเสื้อกว้างๆที่คว้านเห็นหน้าอกหมิ่นเหม่แบบนี้มันน่าค้นหาเป็นบ้าเลย โอ้วววว ผิวขาวน่าลูบไล้ ที่จริงแก้มก้นของสโนว์ฉันก็แอบเห็นมาแล้วแต่ฉันเป็นผู้หญิงกามๆนิดหนึ่งอะเลยอดจะเห่อกับรูปร่างผู้ชายไม่ได้ ก็ผู้ชายมันดูกำยำกว่าผู้หญิงไงถึงสโนว์จะผอมแต่ก็มีกล้ามสายตายังคอยแลมองร่างกายที่โผล่พื้นร่มผ้าแบบเอาเป็นเอาตาย มือก็ตักข้าวเข้าปากไปพลาง
อ๊าาาาา ใบหน้าของสโนว์มีเหงื่อผุดขึ้นบริเวณหน้าผากช่างดูเซ็กซี่
ดีจัง ยิ่งตอนหยาดเหงื่อไหลลงสันกรามทำให้เขาต้องยกหลังมือขึ้นมาเช็ด ประกอบกับริมฝีปากที่เผยอครางเสียงกระเส่นั่นทำให้เขาดูแบดบอยมาก
มองเขาจากมุมนี้ทำให้เห็นขนรักแร้ที่แสนกระชากใจฉันเหลือเกิน
เห็นแล้วเขินเลยหลุบตามองอาหารบนโต๊ะแทน โอ๊ะ สาหร่าย..
แกงจืดสาหร่ายทำให้ฉันต้องลอบมองขนรักแร้สโนว์อีกครั้งด้วยความขวยเขินอยู่คนเดียวจนในที่สุดก็ตักสาหร่ายมากินจนหมดถ้วย มันให้ความรู้สึกเหมือนฉันเอาหน้าซุกวงแขนสโนว์อยู่ยังไงไม่รู้นะ
“เห้ยๆ เธอกินสาหร่ายหมดเลยรึไง ฉันยังไม่ได้กินเลยนะ!!!”
“( )-3-( )”
“ตะกละ!!”
“( )-3-( ) / ( )-3-( )”
ตะกละแล้วไงใครแคร์ ฉันสนใจขนรักแร้นายมากกว่าคำพูดนายอีกเพราะฉะนั้นนายจะว่าอะไรก็เชิญเถอะ หลังจากกินข้าวเสร็จเราก็มานั่งคุยเล่นกันที่ห้องรับแขกจนถึงค่ำ ฉันเกรงใจการพักผ่อนของคุณลุงคุณป้าเลย
ขอตัวกลับก่อนดีกว่า
“สโนว์ขับรถดีๆนะลูก ดูแลหนูกี้ด้วย”
“ครับแม่ พ่อผมไปก่อนนะ”
“เชิญ”
“หนูกลับก่อนนะคะคุณลุงคุณป้า ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ”
“บุญรักษานะหนูกี้ ไว้วันหลังแวะมาหาลุงอีกนะ”
“พ่อ!! ทำไมคุยกับผมกับคุยกับกี้ต่างกันจังล่ะ”
“แกจะเรียกร้องเอาอะไรอีก ไปได้แล้วไป”
ฉันว่าพ่อลูกคู่นี้น่ารักดี...
รถสปอร์ตคันหรูทะยานสู่ท้องถนนปลายทางคือคอนโดของเรา เวลานี้รถไม่ติดแล้วถนนโล่งขับได้สบายๆ แต่ที่ฉันรู้สึกรำคาญตอนนี้คือเสียงโทรศัพท์ของสโนว์ที่มันดังไม่หยุดเลย
“รับสักทีเถอะฉันรำคาญแล้วนะ”
“พวกกิ๊กเก่าอะฉันไม่อยากคุย”
อ๋อ ฉันลืมไปว่ามีแฟนเป็นเพลย์บอย แหวะ!
“งั้นก็ทำอะไรสักอย่างสิปล่อยให้ดังอยู่ได้ฉันหนวกหู!!”
“เธอรับสิ บอกว่าเป็นเมียฉันแล้วไม่ต้องโทรมาอีก”
“เอ้า กิ๊กนายก็เคลียร์เองดิ”
สุดท้ายสโนว์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายอย่างคนหัวเสีย
“ฮัลโหล! ฉันไม่ว่างอะแค่นี้ก่อนนะ ตอนนี้อยู่กับแฟนแล้วไม่ต้องโทรมาอีก คนที่ฉันไม่สนใจก็คือคนที่ฉันไม่ต้องการแล้ว”
พอพูดจบก็วางโทรศัพท์ไว้บนตักแต่ไม่วายจะมีสายเรียกเข้าอีก สโนว์พูดประโยคเดิมซ้ำอีกครั้งและดูเหมือนว่าสายเมื่อกี้กับสายตอนนี้เป็นคนละคนกัน สาวเยอะจนฉันรู้สึกหมั่นไส้บอกไม่ถูก
“นายพูดกับเธอแรงไปหรือเปล่า ไม่นึกถึงวันที่รักกันบ้างล่ะ”
“รัก? รักคืออะไรฉันไม่รู้จัก ก็คบแค่อาทิตย์เดียวจะมาจริงจังอะไรล่ะบางคนคบกันสามสี่วันด้วยซ้ำ”
“เธออาจจะรักนายจริงๆก็ได้นะ”
“ฉันยังไม่รู้สึกว่าใช่”
“กับฉันนายก็คิดแบบนี้ใช่ไหมจะได้หาวิธีเลิกกับนายซะเลย คบไปทำไมแบบขอไปทีแบบนี้ เสียเวลาชีวิตฉันเปล่าๆ เลิกๆๆไม่เอาแล้ว”
“ใจเย็นก่อนดิเธอ กับเธอมันต่างเว้ยแต่ฉันก็พูดว่าจริงจังเต็มปากไม่ได้เพราะฉันก็ไม่เคยจริงจัง แต่เธอทำให้ฉันอยากอยู่ด้วยอะ แบบอยู่ด้วยแล้วสบายใจอะไรทำนองนั้น มันรู้สึกดีแต่ไม่รู้ว่ารักหรือยัง ยังหรอกถ้าคิดจะรักต้องพิสูจน์กันไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งรีบเลิกกับฉันนะ”
แล้วโทรศัพท์สโนว์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง..
“รับสายซะ ถ้าไม่อยากรับอีกก็ปิดเครื่องไปเลย”
“ใครอีกวะ ฮัลโหล!! อะ ไอซ์... ครับ อาทิตย์หน้าเหรอ ครับๆ”
อ้าว แล้วทีทำไมคนนี้ไม่ปฏิเสธ? อยากรู้นะแต่ไม่อยากถาม