ท้องฟ้ายามเย็นค่อยๆ เปลี่ยนสีจากน้ำเงินอ่อนเป็นส้มอมแดง ขณะที่เฉินหย่งหมิงขี่ม้าเดินนำกองกำลังรักษาการขนาดเล็กผ่านหุบเขาเงียบสงบ เสียงเกือกม้ากระทบพื้นดินสร้างจังหวะที่สม่ำเสมอ บ่งบอกถึงความเหน็ดเหนื่อยของผู้คนที่ร่วมเดินทางมาไกล องค์ชายผู้เพิ่งผ่านสงครามอันโหดร้ายยังคงเก็บซ่อนความรู้สึกในสีหน้าที่นิ่งเฉย แม้ภายในใจจะเต็มไปด้วยคำถามถึงอนาคตของแผ่นดินที่เขาต้องปกป้อง
“องค์ชาย พักแรมที่หมู่บ้านข้างหน้าก่อนดีหรือไม่พะย่ะค่ะ?” ซ่งจื้อเทียน ทหารคนสนิทเอ่ยขึ้น ขณะชี้ไปยังหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขา
หย่งหมิงทอดสายตาไปยังหมู่บ้านนั้น ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “ก็ดี คืนนี้เราจะพักที่นั่น”
กองกำลังเล็กๆ เคลื่อนขบวนไปยังหมู่บ้าน หย่งหมิงทรงเลือกใช้เส้นทางนี้เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาผู้คนในเมืองหลวง เขาไม่ปรารถนาที่จะกลับไปในฐานะผู้ชนะสงคราม เพราะสำหรับเขาแล้ว ความสูญเสียจากการรบครั้งนี้มีมากกว่าชัยชนะ
---
เสียงนกร้องขับขานท่ามกลางป่าโปร่ง หลิงฮวาค่อยๆ ก้มลงเก็บสมุนไพรอย่างระมัดระวัง มือเรียวเล็กตรวจดูใบไม้และรากสมุนไพรด้วยความชำนาญ นางทำเช่นนี้เป็นกิจวัตรทุกวันเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ เสียงเพลงเบาๆ ที่นางฮัมขึ้นขณะทำงานนั้นแฝงด้วยความสุขสงบ แม้ชีวิตจะเรียบง่าย แต่นางก็พอใจในสิ่งที่ตนมี
หลิงฮวาวางตะกร้าสมุนไพรลงกับพื้นเมื่อพบดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์บานอยู่ใกล้กับลำธาร นางเดินไปยังจุดนั้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้สังเกตว่าอยู่ใกล้กับค่ายพักแรมของใครบางคน
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงดุดันดังขึ้นเบื้องหลัง ทำให้นางสะดุ้งเฮือก หลิงฮวาหันไปมองด้วยความตกใจ ก่อนจะเห็นชายสองคนในชุดทหารหลวงกำลังจ้องมองนางด้วยสายตาแข็งกร้าว
“ขะ...ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดเจ้าค่ะ!” หลิงฮวารีบยกมือขึ้นแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้ทหารสองคนตรงหน้าระแวดระวังมากขึ้น
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ทหารคนหนึ่งถามเสียงเข้ม
“ข้าเพียงแค่เก็บสมุนไพร ข้าไม่รู้ว่าที่นี่เป็นที่ของพวกท่าน...” นางตอบอย่างหวาดหวั่น ขณะที่สายตามองไปรอบๆ เพื่อหาทางหนี
แต่ก่อนที่นางจะได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม ทหารคนหนึ่งก็จับมือนางไว้แน่น “เจ้าอาจเป็นสายลับของศัตรู เราต้องพาเจ้าไปให้องค์ชายสอบสวน!”
“ไม่นะ ข้าไม่ใช่สายลับ! ปล่อยข้าเถิด!” นางพยายามดิ้นรน แต่กำลังของนางเทียบกับชายสองคนไม่ได้เลย
---
หลิงฮวาถูกพาตัวมายังค่ายพักแรมเล็กๆ ที่มีกระโจมตั้งเรียงราย ทหารคนอื่นๆ มองนางด้วยความสงสัยและระแวดระวัง ขณะที่นางถูกนำตัวไปยังกระโจมใหญ่กลางค่าย
ภายในกระโจม เฉินหย่งหมิงกำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะไม้เรียบง่าย สายตาจ้องมองแผนที่บนโต๊ะอย่างตั้งใจ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของทหารที่เข้ามาเขาจึงเงยหน้าขึ้น
“องค์ชาย เราจับตัวหญิงสาวคนหนึ่งได้ในป่า นางอาจเป็นสายลับของศัตรู” ทหารคนหนึ่งรายงาน
หย่งหมิงทอดสายตามองหญิงสาวที่ถูกพามา ใบหน้าของนางซีดเผือดด้วยความตกใจ แต่ดวงตากลับสะท้อนความบริสุทธิ์และความกล้าหาญ
“เจ้าชื่ออะไร?” เขาถามเสียงเรียบ
“ข้าชื่อหลิงฮวาเจ้าค่ะ ข้าเป็นเพียงคนเก็บสมุนไพรจากหมู่บ้านใกล้เคียง ข้าสาบานว่าข้าไม่ได้เป็นสายลับ” นางตอบด้วยเสียงสั่นเครือ
หย่งหมิงมองนางอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ปล่อยนางไป”
“แต่องค์ชาย...” ทหารทำท่าจะค้าน แต่หย่งหมิงยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้เงียบ
“นางไม่มีพิษภัย และเราก็ไม่มีเวลาเสียไปกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้” เขากล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะหันหลังกลับไปสนใจแผนที่ต่อ
หลิงฮวารู้สึกโล่งใจอย่างมาก นางโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณมาก ข้าจะกลับหมู่บ้านทันที”
ทว่าสายตาของหย่งหมิงยังคงจับจ้องไปที่นางขณะเดินออกจากกระโจม เขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งในตัวหญิงสาวคนนี้ แม้จะไม่รู้ว่าคืออะไร
---
หลิงฮวายังไม่สามารถกลับบ้านได้ในทันที เพราะความมืดเริ่มปกคลุมป่า นางถูกทหารนำไปพักอยู่ในมุมหนึ่งของค่ายเพื่อความปลอดภัย
ขณะที่นั่งเงียบๆ อยู่ข้างกองไฟ หลิงฮวาเริ่มฮัมเพลงเบาๆ อีกครั้ง เสียงเพลงนั้นแผ่วเบาแต่ทว่าอบอุ่นเหมือนสายลมอ่อน
หย่งหมิงที่กำลังเดินตรวจความเรียบร้อยในค่ายได้ยินเสียงเพลงนั้น เขาหยุดฟังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปใกล้
“เพลงนี้...เจ้าร้องบ่อยหรือไม่?” หย่งหมิงถาม
หลิงฮวาหันไปมองด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืน “ข้าร้องมันทุกครั้งที่เก็บสมุนไพรเจ้าค่ะ เป็นเพลงที่ข้าได้ยินจากมารดา”
หย่งหมิงพยักหน้าเล็กน้อย “มันเป็นเพลงที่ไพเราะ เจ้าช่างกล้าหาญที่ยังคงรักษาความสงบของจิตใจไว้ได้ แม้ในสถานการณ์เช่นนี้”
หลิงฮวายิ้มจางๆ “ข้าเพียงแค่ทำในสิ่งที่ข้าทำได้เจ้าค่ะ”
คำพูดของนางทำให้หย่งหมิงรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แทรกซึมในพระทัย แม้จะเป็นเพียงการพบกันโดยบังเอิญ แต่บางสิ่งในตัวหลิงฮวากลับทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปได้