เวลาเดียวกันที่บ้านกนกนาราย พลอยขวัญต้องเริ่มต้นทำหน้าที่ของเธอในแต่ละวันเฉกเช่นทุกวัน ไม่เพียงแค่เป็นคนดูแลส่วนตัว เธอทำเป็นผู้จัดการที่คอยรับงานให้ศยามลด้วย จากสถิติหนึ่งปีที่ศยามลเปลี่ยนผู้จัดการมากกว่าสิบ ทำให้ไม่มีใครกล้าร่วมงานกับศยามล และสุดท้าย...ก็กลายเป็นความจำยอมของพลอยขวัญ ตั้งแต่เธอเรียนจบมาแต่ไม่มีโอกาสได้ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนทำงานสักนิด ต้องมาทนให้ศยามลกดขี่ต่อไป
“คุณศยา...อีกสองชั่วโมงเรามีคิวซ้อมเดินแบบการกุศลของท่านผู้หญิงสกุลตาที่โรงแรมปรินซ์ ตื่นไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ พลอยเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้ให้แล้ว” หญิงสาวเรียกศยามลที่ยังนอนอยู่บนเตียง
โรงแรมปรินซ์คือโรงแรมที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านกนกนารายมากเท่าใดนัก ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงสิบห้านาที หากแต่เวลาที่พลอยขวัญเผื่อไว้ให้ เป็นเวลาของการอาบน้ำแต่งตัวของศยามล
“แกนัดคิวอะไรเช้านักหนา เลื่อนนัดไปก่อน ฉันยังเหนื่อยอยู่ แกจำไม่ได้หรือไงว่าฉันเพิ่งกลับจากถ่ายแบบที่ภูเก็ตบ่ายเมื่อวาน” คนเป็นนายตอบออกมาอย่างไม่ต้องคิด พลิกตัวพร้อมกับใช้หมอนปิดหูตัวเอง
จะลืมได้อย่างไร...ตัวเธอเองก็เพิ่งกลับมาพร้อมกับเจ้านายสาว แต่เวลาที่เธอได้พักผ่อนจริงๆ ก็ปาไปตีสอง เพราะกว่าที่เธอจะเก็บของให้เจ้านายเสร็จและทำตามทุกสิ่งให้จบ
“แต่งานนี้เลื่อนไม่ได้นะคะ พลอยเลทเวลาให้คุณศยามากแล้ว ตอนนี้ทุกคนไปรอที่งาน เหลือแค่คุณศยาคนเดียว”
“ถ้าเลื่อนไม่ได้ก็ยกเลิก” คำตอบง่ายๆ ที่ออกจากปากของนายจ้างสาวทำให้เข่าของพลอยขวัญแทบทรุดลงอีกครั้ง ถ้าศยามลทำอย่างที่บอกจริง งานหนักบทต่อไปก็ต้องตกมาอยู่ที่เธอ
หญิงสาวพยายามครุ่นคิดหาทางออกที่ดีให้ตัวเอง และต้องเป็นข้ออ้างที่เข้าหูหญิงสาวบนเตียง ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะพังพินาศอย่างไม่ต้องรอเวลา
“แต่งานนี้คุณศยาได้ชุดฟินาเล่ ขืนไปช้าท่านผู้หญิงสกุลตายกให้คุณนาราแน่” พลอยขวัญยกชื่อนารามาอ้าง เพราะทั้งคู่เป็นคู่แข่งกันทั้งในวงการนางแบบ อีกทั้งนาราก็เป็นเซเลปดัง ดีกรีสูสีทัดเทียมกับศยามล
ศยามลถลกผ้าห่มออกจากตัวพร้อมกับลุกพรวดลงจากเตียง ชื่อของนาราใช้ได้ผลกับเธอเสมอ ความต้องการเอาชนะ งานนี้หม่อมหลวงสราลีต้องทุ่มเงินบริจากหลายแสนกว่าที่ลูกสาวจะได้เดินฟินาเล่ของงานเพื่อเอาใจศยามล
“แกทำไมเพิ่งมาบอกฉันหา! นังโง่” ศยามลใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากพลอยขวัญก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป
พลอยขวัญเพียงส่ายหน้าตามหลัง ในที่สุดเธอก็แก้ปัญหาไปได้อีกเปราะหนึ่ง ทั้งที่รู้ว่าวันนี้ตัวเองต้องเจอศึกหนักในงานตอนที่ทั้งคู่เจอกัน และไม่รู้ว่าวันนี้ดวงชะตาของเธอจะยังดีอยู่หรือเปล่า
ห้องจัดเลี้ยงหรูโรงแรมปรินซ์ถูกเนรมิตห้องโถงให้เป็นสวนดอกไม้ แฟชั่นโชว์เครื่องเพชรการกุศลยิ่งใหญ่แห่งปีของท่านผู้หญิงสกุลตา งานที่รวบรวมเซเลปคนดังคับคั่ง
ในช่วงเวลาของการซ้อมเดินก่อนโชว์จริง “นังพลอย! ชุดแต่งหน้าเซตที่ฉันซื้อมาจากฝรั่งเศสไปไหน” ศยามลร้องถามด้วยน้ำเสียงจิกๆ ทันทีที่เห็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ทีมงานช่างแต่งหน้าขนเข้ามา ไม่ไว้หน้าคนจัดงานสักนิด ทั้งที่มันเป็นแบรนด์มีชื่อระดับแนวหน้า
หลายคนอาจจะคุ้นชิน ศยามลมักแสดงออกอย่างนี้เพื่ออวดให้ตัวเองดูดีเสมอ หารู้ไม่ว่ายิ่งนานวัน คนในวงการที่ต้องร่วมงานด้วยยิ่งเอือมระอา
“พลอยถามทีมงานแล้วว่าใช้เครื่องสำอางแบรนด์อะไร แบรนด์นี้...เซตนี้ คุณศยาก็ใช้เป็นประจำนี่คะ”
“แกอย่ามาเถียงฉันนะพลอย เซตนี้มันเอาท์ไปสองอาทิตย์แล้ว สำหรับฉันต้องเทรนด์ใหม่สุดเท่านั้น” ศยามลทิ้งจังหวะกวาดสายตามองช่างแต่งหน้าจากบนเวที พอไม่เห็นช่างแต่งหน้าที่เธอใช้งานประจำเท่านั้น
“แล้วฉันก็ไม่ใช้ช่างแต่งหน้าโนเนมนะ ทีมนี้ถ้าไม่ใช่พี่แนนนี่ก็อย่าคิดว่าจะได้แต่งหน้าฉัน”
พลอยขวัญเหลือบไปมองหน้าทีมช่างแต่งหน้าอย่างขอโทษ แนนนี่คือช่างแต่งหน้าชื่อดัง เจ้านายของสามสาวที่กำลังพ่นลมออกจากปาก ความเรื่องมากของคุณหนูขาวีนที่พวกเธอต่างเตรียมตัวตั้งรับมาแล้ว แต่ก็ไม่วายโดน...
หน้าที่ของพลอยขวัญที่ต้องออกมาจัดการไม่ให้เรื่องราวบานปลายไปมากกว่าที่เป็น ตำแหน่งหนังหน้าไฟที่เธอต้องได้รับ ทุกที่ที่มีศยามล
“เอ่อ...พลอยออกไปเอาที่รถให้นะคะ”
“มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว บนเวทีนี้ ฉันต้องเจิดจรัสที่สุด” ศยามลบอกอย่างมั่นใจ เบ้ปากปรายหางตาไปที่นางแบบที่ซ้อมร่วมกันบนเวที ตั้งใจเหน็บนาราเป็นพิเศษ
“รอสักครู่นะคะ” พลอยขวัญบอกแล้วรีบเดินออกไป ใกล้ถึงเวลาแต่งหน้าทำผม ขืนเธอกลับเข้ามาช้าเพียงนาที คนอย่างศยามลก็พร้อมเล่นงานเธอให้จมดินทุกเมื่อ
พลอยขวัญจำต้องรีบวิ่งออกไปหยิบของให้นายสาวถึงรถที่จอดอยู่อีกชั้นอย่างเหนื่อยหอบ แต่เธอต้องรีบเร่งและกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวให้ทันเวลาในอีกไม่เกินสิบนาที จังหวะที่เธอเปิดท้ายรถหยิบของอย่างรีบเร่ง ไม่ทันระวังรถที่วิ่งด้วยความเร็วเข้ามาจอดข้างๆ เฉียดสีข้างเธอไปไม่ถึงคืบ
“ว้าย!” อารามตกใจกระเป๋าเครื่องสำอางใบใหญ่ในมือของเธอหล่นลงพื้นแตกกระจาย เซจะล้มต้องรีบคว้ารถยึดเอาไว้ แต่โชคของเธอคงไม่ดี ส้นรองเท้าแหลมคู่สวยของศยามลที่เพิ่งให้เธอมาพาเจ้านายใหม่ร่วงกองกับพื้น หญิงสาวเงยหน้ามองหาคนขับรถต้นเหตุที่เกือบชนเธอ ในเวลาเดียวกับคนขับรถคันนรกเปิดประตูออกมาหญิงสาวก็ต่อว่าทันที
“ใบขับขี่ซื้อมาหรือไงเนี่ย” หญิงสาวสบถเบาๆ
ชายหนุ่มก้าวลงมาจากรถ ผู้ชายคนเมื่อวานที่เพิ่งโกนหนวดโกนเคราและตัดผมใหม่ ทั้งการแต่งตัวที่ไม่เหมือนวันวานที่เธอเจอ พลอยขวัญจำชายหนุ่มไม่ได้ แต่อีกคนจำเธอได้ติดตา
“เธอ! ยัยมิจฉาชีพเมื่อวานนี่เอง” ชายหนุ่มจับไหล่มนรั้งแขนทั้งสองข้างของหญิงสาวยกขึ้น
“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า! ฉันเจ็บ” หญิงสาวร้องบอกตอบโต้ด้วยใบหน้าเหยเก บ่งบอกถึงความเจ็บปวดได้ดี รองเท้าส้นสูงคู่สวยคงทำเรื่องเข้าให้จริงๆ แต่ทว่าชายหนุ่มก็ไม่แยแส
“ไม่ปล่อย! อย่ามามารยาว่าเจ็บหรือข้อเท้าแพลง...นี่มันไม่ใช่ละครหลังข่าว อย่ามาสำออย ฉันไม่เชื่อมารยาผู้หญิงเมืองกรุงอย่างเธอหรอก”
พลอยขวัญฝืนอาการปวดระบม หญิงสาวพยายามขืนทรงตัวยืน ขยับขาก้าวถอยห่างจากชายหนุ่มไปด้วยท่าทางที่ไม่ถนัด
“แล้วมันเรื่องอะไรที่คุณมาว่าฉันปาวๆ อย่างนี้เล่า แล้วจะแหกปากร้องทำไมไม่ทราบ ฉันไม่ได้หูตึง” หญิงสาวถามขึ้นมา ทั้งที่เขาเป็นคนขับรถเกือบเฉี่ยวเธอ แล้วก็ทำให้เธอเจ็บอย่างนี้