ศยามลลอบยิ้มอย่างมีแผน นายนั่นต้องได้รับบทเรียนที่กล้าหักหน้านางแบบแถวหน้าอย่างเธอ
“อย่างนี้ค่อยน่าสนหน่อย แต่ขอเบิกไปเตรียมตัวก่อนสักล้านนะคะ”
“แกเคลียร์คิวได้วันไหน ฉันจะได้แจ้งทางนั้น”
“แม่แค่ให้ตังค์หนูไปช็อปปิ้ง เรื่องคิวงานก็แค่สั่งนังพลอยก็จบ แต่หนูขอเอาพลอยขวัญไปที่ใต้ด้วยนะ เผื่อมีอะไรหนูจะได้เรียกใช้พลอยได้สะดวก”
“ตกลงตามนั้น” หม่อมหลวงสราลีบอกเสียงเรียบ ไม่คิดว่าทุกอย่างจะง่ายดายอย่างนี้ แล้วนางยังเหลือเงินอีกก้อนโตคอยพยุงบ้านหลังนี้ต่อไปอีกหลายเดือน
หลังจากที่ตกลงกับศยามลเรียบร้อยนางก็ลุกเตรียมออกจากห้อง หากแต่เสียงของลูกสาวที่ร้องตามหลังทำให้นางต้องหันกลับมามองอีกครั้ง
“แล้วเงินของหนูล่ะแม่”
“เอาไว้แกเคลียร์คิวพร้อมเดินทางเมื่อไร ฉันจ่ายให้แกทันที” หม่อมหลวงสราลีตอบลูกสาว เพราะรู้ดีว่าคนอย่างศยามลพร้อมที่จะกลับคำได้เสมอ หากได้เงินไปก่อนก็เหมือนส่งอ้อยเข้าปากช้าง
หลังจากออกจากห้องของลูกสาวหม่อมหลวงสราลีเดินยิ้มลงมาข้างล่างอย่างอารมณ์ดี ในจังหวะที่เจ้าหน้าที่กองจัดงานการกุศลนำชุดบุษราคัมมาให้นาง
“สวัสดีค่ะ” สองสาวจากกองจัดงานยกมือทำความเคารพ แอบหวั่นใจอยู่ลึกๆ ว่าวันนี้จะต้องโดนอะไรบ้าง
“อ้อ มาจากกองจัดงานใช่ไหม” หม่อมหลวงสราลีถามด้วยน้ำเสียงที่คงความสุข ถ้าหากนางไม่ได้อารมณ์ดีอย่างนี้
ทั้งที่ผู้ดีเชื้อสกุลเก่าแก่อย่างนางไม่เคยมีสักครั้งที่จะยอมให้ใครข้ามหน้าข้ามตาอย่างนี้
“ดิฉันนำชุดบุษราคัมมาส่งค่ะ ท่านผู้หญิงฝากเรียนขอประทานโทษหม่อมด้วยนะคะ ท่านต้องบินไปต่างประเทศเย็นนี้ เลยไม่สะดวกค่ะ”
“ไม่ต้องมากเรื่องหรอก ฉันไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่างนั้นสักหน่อย” สองสาวเหลือบสายตามองกันอย่างงงๆ เหนือความคาดหมายจากที่เจอทุกครั้ง
“ส่งมาเถอะ ฉันก็ต้องรีบไปธุระของฉันเหมือนกัน” หม่อมหลวงสราลียื่นมือรับ ธุระต่อของนางคือไปร้านทำเครื่องประดับชุดนี้ให้เหมือน ก่อนที่จะมอบให้พลอยขวัญ
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดศยามลก็ต้องออกจากบ้านตามคำสั่งมารดา หากเธอก็ขอพาพลอยขวัญตามไปรับใช้ด้วยอีกคน เห็นอย่างนี้คนเป็นมารดาก็พลอยโล่งใจ ไม่มีทางที่นายหัวเมืองใต้จะชนะมารยาของศยามลได้ ขอเพียงให้เธอยอมทำตามความต้องการของนางเป็นพอ ถึงแม้จะแปลกใจกับอาการของลูกสาว แต่นางก็คิดในทางที่ดี
“แกเดินให้มันเร็วกว่านั้นได้ไหมนังพลอย” ศยามลตวาดเสียงแหลมร้องเรียกหาพลอยขวัญ
“เดินทางปลอดภัยนะลูก” หม่อมหลวงสราลีโอบลูกสาว จังหวะเดียวกับพลอยขวัญกับสาวใช้อีกสองคนเดินลากกระเป๋าใบเขื่องของศยามลตามลงมา
“แม่ดีใจที่ลูกคิดได้ งัดมารยาที่มีทั้งหมดมาใช้นะลูก เราจะได้สบายด้วยกัน”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำอย่างว่าง่าย ไม่ทำให้คนเป็นแม่ระแคะระคายแม้แต่นิดเดียว หม่อมหลวงสราลีผละออกจากลูกสาว หยิบชุดบุษราคัมมาให้พลอยขวัญพร้อมกับซองเงินสด
“นังพลอย...เอาของของแกไป เห็นแก่ที่แกต้องตามไปดูแลลูกสาวฉันถึงภาคใต้ ฉันจะให้โบนัสแกแสนนึงก็แล้วกัน แล้วก็อย่าคิดว่าจะเอาเครื่องเพชรชุดนี้ไปขายให้ต้องอับอายขายหน้าฉันนะ”
“แต่พลอยก็ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องเพชรชุดนี้นะคะ”
“ไม่เอาก็ได้แต่ฉันก็ยังจะหักเงินเดือนแกอยู่ดี” หม่อมหลวงสราลีตอบกลับ
พลอยขวัญคลานเข้าไปกราบขอโทษหม่อมหลวงสราลีที่ตัก “พลอยขอโทษค่ะ ขอโทษที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ แต่พลอยรับบุษราคัมชุดนี้ไว้ไม่ได้จริงๆ คุณท่านก็รู้ว่ายายก็ป่วยออดๆแอดๆ พลอยต้องใช้เงินในการรักษาท่าน เห็นใจพลอยด้วยนะคะ”
“นี่คือบทลงโทษที่แกสเออะเสนอหน้าขึ้นเทียบเทียมลูกสาวของฉัน” หม่อมหลวงสราลีบอกเสียงเฉียบขาด ให้ทายลูกสาวอีกครั้ง ศยามลยืนยิ้มอยู่อีกฝั่งอย่างพอใจ
“เห็นใจพลอยด้วยนะคะ ถ้าคุณท่านไม่เก็บมันเอาไว้พลอยก็ต้องขายมันมาเป็นค่ารักษาพยาบาลยายอยู่ดีค่ะ”
“นึกถึงข้าวแดงแกงร้อนและเงินทองที่ฉันส่งเสียให้แกได้ร่ำเรียนบ้างนะ ถ้าไม่มีฉันสักคนแกจะมีโอกาสได้เรียนจนจบปริญญาหรือเปล่า ไม่ว่าแกจะอ้างเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ อย่างเดียวที่แกห้ามทำคือขายเครื่องเพชรชุดนี้ นี่คือคำสั่ง!”
“ค่ะ” พลอยขวัญพยักหน้ารับอย่างจำยอม เงินก็โดนหัก แถมยังต้องแบกรับในสิ่งที่ไม่จำเป็นกับตัวเอาไว้ ทุกครั้งที่เธอจะขัดคำสั่ง ทั้งหม่อมหลวงสราลีกับศยามลก็ยกเหตุผลนี้มาอ้างทุกครั้ง
ตราบใดที่มีคำว่าบุญคุณ...ชาตินี้เธอคงใช้ไม่มีวันหมด ถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่ต้นเธอจะไม่มีวันรับเงินจากพวกเขาเด็ดขาด ถ้าต้องให้ต้องกระเสือกกระสนอย่างไรให้เรียนให้จบ ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนเธอก็ยอม
สวนปาล์มเทวารักษ์
เด็กหญิงปะการังหอบตุ๊กตาจะเข้าไปหาบิดาในห้องทำงาน หลังจากที่นายหัวกรินผู้เป็นพ่อกลับมาจากกรุงเทพมหานครหลายวันแล้ว เขาก็ยุ่งอยู่แต่กับงานที่คั่งค้างไม่ได้สะสางหลายวันจนไม่มีเวลาไปเจอหน้าลูก
“อะไรนะ! นายปล่อยให้เรื่องใหญ่แบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมเพิ่งมาบอกฉัน...หา!” เสียงของนายหัวหนุ่มสบถร้องถามผู้จัดการเสียงดังลั่นห้องทำงาน
สองขาเล็กหยุดชะงัก ลดตุ๊กตาลงจากอกที่อุ้มมาลากเดินคอตกกลับเข้าห้องไป ขืนเดินเข้าไปตอนนี้ ป๊าของเธอก็เรียกให้คนมาพาออกไปอยู่ดี หรือถ้าแย่กว่านั้นก็อาจจะโดนดุไปด้วย
“ป๊ากำลังโกรธ เราไปเล่นกันสองคนในห้องดีกว่าเนาะ” สาวน้อยบอกกับตุ๊กตาตัวเล็กเบาๆ
“ฉันจะไปภูเก็ตวันนี้...เตรียมรถเลย” เสียงของผู้เป็นพ่อที่ดังขึ้นตามหลังยิ่งทำให้ความหวังของหนูน้อยลิบหรี่ลง งานวันแม่ประจำปีของโรงเรียน เธอได้รับมอบหมายให้แสดงบนเวที ปีนี้ก็คงแห้งแล้งเหี่ยวเฉาเฉกเช่นทุกปี สาวน้อยเดินออกจากหน้าห้องของบิดาไป ไม่ทันได้ยินบทสนทนาต่อมาจากคนในห้อง
“แต่นายแม่แจ้งว่าจะมีแขกมาที่สวนปาล์มนะครับ” เลขาหนุ่มแจ้งอีกครั้ง เพราะเกรงว่าเจ้านายจะทำงานเพลินจนลืมเรื่องที่เขาเพิ่งบอกไป
“แล้วฉันจำเป็นต้องอยู่รอรับคนกรุงพวกนั้นน่ะหรือ” คนเป็นนายถามกลับด้วยน้ำเสียงห้วนติดไม่พอใจ
“มาไฟท์เช้าอีกไม่นานก็คงมาถึง นายหัวน่าจะรอสักหน่อย”
“คนพวกนั้นไม่ใช่สาระที่ฉันจะต้องสนใจ นายจัดการแทนฉันไปเลยก็แล้วกัน ถ้าฉันกลับมาแล้วไม่เจอพวกนั้นก็จะดีมาก” นายหัวกรินบอกพร้อมกับอ้อมไปหยิบกระเป๋าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค สิ่งที่เขาต้องพกติดตัวตลอดเสมอมาสะพายพาดบ่า เก็บเอกสารบนโต๊ะที่เขาต้องจัดการติดมือเดินออกไป ไม่สนใจลูกน้องที่ยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ข้างๆ แม้แต่น้อย
“แต่ฝนกำลังตั้งเค้าเหมือนจะตกหนัก เส้นทางลัดที่นายหัวจะไปก็ลำบาก ยิ่งฝนตกถนนก็ลื่น” ผู้จัดการสวนปาล์มร้องเตือนตามแผ่นหลังหนาของผู้เป็นนายอีกครั้ง
“เส้นทางที่ฉันใช้จะสามารถหลับตาขับไปได้น่ะหรือ” นายหัวหนุ่มกลั้วหัวเราะตอบกลับ
“พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังทันนะครับ เอาปลอดภัยดีกว่า” ผู้จัดการหนุ่มแนะนำ