“ สวยจังเลยเนอะ ” ฉันเอ่ยขึ้น ขนุนโผล่หัวมาตรงกลางระหว่างภีมและฉัน
“ ใช่สิ สวยมาก ๆ เลยล่ะ รับรองว่าแกต้องประทับใจไอ้ส้ม นั่นไง ๆ เลี้ยวเข้าไปตรงนั้นเลย ป้ายนั่นน่ะ ไลอ้อนบีชรีสอร์ท ที่พักของพวกเรา ” ขนุนชี้มือบอกทางภีม
ฉันนั่งมองสถานที่ที่ขนุนมันเลือกเป็นที่พักอย่างตะลึง มันถูกสร้างอยู่ในน้ำทะเลตื้น ๆ โดยมีทางเดินเป็นไม้ทอดยาวลงไปสู่เรือนพักแต่ละหลัง มีทั้งหลังเล็กและหลังใหญ่ ใช้สายตากวาดดูคร่าว ๆ ก็น่าจะร่วมยี่สิบหลัง เรือนนั้นสร้างด้วยไม้คล้ายกระโจมทรงกลม ผสมผสานกับการเล่นลวดลายจากไม้ไผ่ มองไกล ๆ ดูงดงามและลงตัวมาก
ขนุนมันบอกฉันว่าที่พักคืนละห้าร้อยบาท ถึงฉันจะไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนก็เหอะ แต่มันสวยงามแถมยังอยู่บนเกาะส่วนตัวขนาดนี้ ฉันก็พอรู้ว่ามันน่าจะแพงเอาการอยู่ เลยแอบกระซิบถามขนุนขณะที่กำลังเดินไปเช็คอินอย่างสงสัย
“ ขนุนแน่ใจนะว่าที่พักมันคืนละแค่ห้าร้อยบาท ทำไมมันถูกจังวะ ”
“ เออน่า ขนุนซะอย่าง แกอย่าลืมสิส้มว่าเราทำงานเป็นไกด์ เส้นสายเราเยอะว้อย ” ฉันเลยได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก โชคดีจริง ๆ ที่ได้ขนุนหาที่พัก ไม่อย่างนั้นชาตินี้ฉันคงไม่มีปัญญาจะมาพักที่สวย ๆ แบบนี้
“ เฮ้ มากันแล้วเหรอพวกแก ” เสียงทักทายดังมาจากมุมหนึ่งของล็อบบี้ พวกเราหันขวับไปทันที
ผู้หญิงสวย หุ่นดี สวมชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวเหนือเข่าสีเหลืองสด ผมย้อมสีบลอนด์ทองดัดหยิกเป็นลอนสวย ขับให้ใบหน้างามที่ฉาบเครื่องสำอางค์มาอย่างดียิ่งงดงาม ผิวเธอขาวจั๊วะส่องสว่างราวกับกินหลอดไฟเข้าไป เธอเดินเข้ามาหาพวกเราบนรองเท้าส้นสูงน่าจะห้าหกนิ้ว ก่อนจะถอดแว่นดำขึ้นไปคาดไว้บนศีรษะ กระนั้นฉันก็ยังไม่สามารถจำเธอได้
“ เราเอง เดียร์ไง แหม สวยจนจำไม่ได้กันเลยล่ะสิ ” ปากเคลือบสีแดงแจ๊ดเอ่ยบอก พวกเราก็เลยถึงบางอ้อ
“ แหม เดียร์นี่เอง เราจำไม่ได้เพราะเมื่อเดือนที่แล้วเห็นอัพรูปในเฟชบุ้คยังไม่ใช่หน้านี้เลย หน้าเปลี่ยนไปทุกเดือนนะ เธอเนี่ย ”
“ ก็ตามประสาคนเงินเหลือใช้น่ะแหละขนุน เป็นผู้หญิงก็ต้องหัดดูแลตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยตัวโทรมเซอะจนกลายเป็นขนุนเน่า ๆ ขนาดนี้ ” ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเชือดเฉือนชั่วครู่ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่แล้วสวมกอดกันและกันอย่างแนบแน่น
“ อีดอก ให้เราตบทีดิ๊ ”
“ ปากหมาเหมือนเดิมนะแกเนี่ย ” ทั้งกลุ่มหัวเราะขำ ความขี้เล่นของทั้งคู่ยังมีเหมือนเดิม ก่อนที่เดียร์จะหันมาทักทายฉันกับภีม
“ หวัดดี ภีม หวัดดี ส้ม ว้าย ส้มสวยขึ้นเยอะเลยอะ จำไม่ได้เลยนะเนี่ย ภีมก็หล่อเชียวนะ ”
“ หวัดดีเดียร์ เดียร์ก็สวยขึ้นมาก สวยจนเราจำไม่ได้ ” ฉันทักทายบ้าง
“ ไม่ใช่แต่เธอหรอกส้มที่จะจำมันไม่ได้ ต่อให้คนข้างบ้านก็เหอะ ถ้าไม่เห็นนางสักอาทิตย์ก็คงจำไม่ได้เหมือนกันหน้าเปลี่ยนตลอด ” ต้นเอ่ยขำ ๆ เดียร์ฟาดเพี้ยะไปที่แขนมัน
“ เราไม่ได้ทำอะไรกับหน้านะ ”
“ จริงอะ ”
“ เออดิ เราไม่ได้ทำ หมอทำ ” คำตอบของเธอทำให้ทุกคนหัวเราะร่วนขึ้นมาได้อีก
“ ครบกันแล้วก็เช็คอินกันเหอะ จะได้เข้าไปพักผ่อน เดี๋ยวไปเล่นน้ำ ดำน้ำอะไรกันอีก ทะเลซ้วย สวย เราอยากจะลงไปแหวกว่ายดังนางเงือกในมหาสมุทร ” ขนุนว่า
“ นางเงือกในมหาสมุทร หรือผีเสื้อสมุทร เอาดี ๆ ” ต้นมันว่า ก่อนจะโดนขนุนตุ้บตั้บไปหลายหน พลันก็มีเสียงร้องทักทายขนุนดังขึ้น ทำให้พวกเราทุกคนต้องหันไปมอง
“ ใช่ขนุนหรือเปล่า ” เจ้าของเสียงสูงใหญ่ราวเมตรแปดสิบ น่าจะกว่าด้วยซ้ำไป สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนขาสามส่วน รองเท้าหูคีบช้างดาว ก่อนที่เขาจะถอดหมวกและแว่นดำออก เผยให้เห็นใบหน้ายาว คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่ง รับกับปากหยักที่ยกยิ้มนิด ๆ
ใจฉันตกวูบไปที่ตาตุ่ม !
ใบหน้านี้ที่ฉันไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจออีกครั้ง ไม่คิด และไม่อยากอีกแม้สักครั้งในชีวิต
“ สิงห์ ” เสียงลอดริมฝีปากฉันออกมาเบา ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ
“ เฮ้ยสิงห์ สิงห์จริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย ” นังขนุนร้องขึ้นก่อนโผเข้าไปทักทายร่างสูงใหญ่ราวกับสนิทสนมรักใคร่กันมาแต่ชาติปางก่อน ต้นเดินตามไปตบไหล่สิงห์เช่นกัน
“ สิงห์หล่อเหมือนเดิมเลยอะ ไม่สิ หล่อกว่าเดิมเยอะเลย ”
“ เราต้น สิงห์จำเราได้ไหม ”
“ จำได้สิ ที่ชอบเดินไปไหนมาไหนกับขนุน เขาเรียกกันคู่หูเลขสิบ ”
“ เราจำสิงห์ได้สนิทเลย ที่สิงห์ช่วยเราตอนจะโดนเด็กเทคนิคกระทืบ สิงห์ไม่ห่วงเจ็บเข้าไปช่วยเรา เพื่อนเราแท้ ๆ มันยังวิ่งหนี ” ต้นปรายตามาทางภีม ที่วันนั้นเดินไปที่ป้ายรถเมล์ด้วยกันแล้วโดนเด็กต่างสถาบันหาเรื่อง ภีมเริ่มต้นด่าก่อน พวกนั้นจึงวิ่งมาตะลุมบอน ภีมเผ่นแน่บไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ต้นยืนงงในดงตีน ดีที่สิงห์เข้ามาเจอและช่วยเหลือไว้
ร่างสวยสมส่วนของเดียร์ก็รีบเดินเข้าไปเกาะแขนสิงห์เหมือนกลัวจะน้อยหน้า
“ ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะสิงห์ เราเดียร์ไง เดียร์ที่ถือป้ายโรงเรียนตลอดเวลามีงาน ที่สวย ๆ อะ ”
“ อ๋อ จำได้ ๆ เดียร์ที่มีเรื่องตบแย่งผู้ชายกับห้องอื่นบ่อย ๆ ใช่มะ ” คำทักทายนี้เล่นเอาเธอหน้าหุบ เสียงหัวเราะเกรียวกราวดังขึ้น มีเพียงฉันและภีมที่ยืนนิ่ง ภีมเหมือนจะเข้าใจอารมณ์ของฉันที่สุด เขาเดินเข้ามาใกล้ฉันแล้วเอ่ยขึ้นเสียงดัง
“ เช็คอินกันเถอะ ”
“ แล้วนี่มาทำอะไรกันเหรอ ” สิงห์เอ่ยถาม เป็นขนุนที่ตอบ
“ อ๋อ พอดีพวกเรานัดสังสรรค์เพื่อนเก่าสมัยมัธยมน่ะ ”
“ อ้าวเหรอ มากันเยอะหรือเปล่า ”
“ ไม่มีใครมาก ก็มีกันอยู่แค่นี้แหละ แล้วสิงห์มาทำอะไร บังเอิญจริง ๆ ที่มาเจอกันที่นี่ ”
“ บ้านเราอยู่แถวนี้ เราเปิดร้านซ่อมรถ แม่เราทำขนมขาย อยู่ในตลาดโน่น ”
“ ดีเลยอะ สิงห์มาสังสรรค์ด้วยกันสิ หลาย ๆ คน จะได้สนุก ” เดียร์เอ่ยขึ้น ขนุนกับต้นพยักพเยิดเห็นด้วย แต่เป็นฉันที่เอ่ยคัดค้าน
“ ไม่ได้ ”
“ ใช่ ไม่ได้เด็ดขาด นี่มันงานสังสรรค์ของเด็กห้องหนึ่ง ไอ้พวกห้องท้าย ๆ ไม่น่าจะต้องมาเกี่ยว มันจะหมดสนุก ”