ฉันทรุดนั่งอยู่เก้าอี้ตรงนั้นพักหนึ่ง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเดินเข้ามาหาอีกครั้ง
“ พี่เป็นไงบ้างครับ ดีขึ้นหรือยัง ” ฉันพยักหน้า
“ งั้นลองลงน้ำสักหน่อยไหม น้ำใส ๆ เย็น ๆ จะได้สดชื่น ถ้าไม่ไหวไม่ต้องดำก็ได้ครับ น้ำใสมาก พี่มองด้วยตาเปล่าก็จะเห็นปลาสวย ๆ กับปะการังที่อยู่ในน้ำตื้น ” เขาเชิญชวนจนฉันยิ้มออก
“ ไปก็ได้ค่ะ ” เขาไม่ได้พาฉันลงตรงที่มีนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ และเพื่อน ๆ ของฉัน แต่พาไปลงอีกฝั่งหนึ่ง
“ ตรงนี้น้ำจะตื้นกว่า เดี๋ยวผมพาพี่ลงตรงนี้นะครับ ไม่ต้องกลัว จะมีคนที่คอยดูแลพี่อย่างใกล้ชิด ” เขาประคองก่อนจะค่อย ๆ จับมือฉันหย่อนลงไป ฉันจับกราบเรือไว้แน่น ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่อีกคนมาประคองฉันข้างหลัง
“ ปล่อยมือเลยครับ ไม่ต้องกลัว ”
“ ฉันว่ายน้ำไม่เป็นน่ะค่ะ ”
“ เค้ารู้ว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น เค้าถึงต้องมาคอยดูแลนี่ไง ” เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังขึ้น ฉันลืมตัวปล่อยมือจากกราบเรือแล้วหันขวับไปอย่างแรง ทำให้แก้มชนจมูกเจ้าหน้าที่คนนั้น แล้วเขาก็ขโมยหอมฉันดังฟอด
“ โอ้ว ชื่นใจ ”
“ สิงห์ ! ”
“ จ๋า ” มันลากเสียงตอบอย่างน่าตบ ฉันดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดนั้น ทั้งศอกทั้งหยิก สิงห์หัวเราะ
“ เอ้า ๆ อย่าทำเค้าแบบนั้นดิ นี่เราอยู่ในน้ำนะ เค้าประคองตัวเองไม่ให้จมอยู่ ถ้าตัวเองทำร้ายเค้า เดี๋ยวก็จมลงไปทั้งคู่ ตายเป็นผีผัวเมียเฝ้าทะเลน้า ”
“ ไอ้บ้า ใครเป็นเมียแก ”
“ ส้มไง เดี๋ยวก็เป็นแล้ว อีกไม่นานหรอก เอ๊ หรือจะเอาซะเดี๋ยวนี้เลยน้า ” มันพูดพร้อมกดจมูกซุกไซ้ลงที่ต้นคอด้านหลัง ฉันทำอะไรไม่ได้เพราะอยู่ในน้ำ กลัวจมก็กลัว กลัวโดนไอ้บ้านี่ทำมิดีมิร้ายก็กลัว มองซ้ายมองขวาแถบนี้ก็ไม่เห็นมีใครสักคน นึกโกรธเจ้าหน้าที่คนนั้นที่นำฉันมาหย่อนไว้ตรงนี้เพียงลำพัง
พลันนั้นใจก็ฉุกคิด ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงกล้ามาปล่อยฉันตรงนี้ล่ะ แถมไอ้สิงห์บ้านี่ก็โผล่มาประกบฉันด้วย หรือว่าพวกเขารู้เห็นเป็นใจกัน
ฉันยังไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น เพราะมือใหญ่เริ่มเลื้อยไล้พร้อมกับที่จมูกโด่งซอกซอน ปากร้อนชื้นซุกไซ้ไปทั่ว ความร้อนแล่นพล่านไปทั่วกายทั้งที่ยังอยู่ในน้ำ
“ สิงห์ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ”
“ ไม่ปล่อย ” เขาพูดพร้อมกับยิ่งเร่งเร้าขบเม้ม
“ ถ้าไม่ปล่อยฉันจะร้องดัง ๆ ให้คนอื่นได้ยิน ”
“ จะร้องงั้นเหรอ ”
“ ใช่ ”
“ งั้นก็ต้องปิดปากสินะ ” ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว สิงห์ก็หมุนให้ฉันหันมาประจันหน้ากับเขา โดยที่ศีรษะกับตัวของฉันพิงติดกับเรือ ไม่สามารถหนีไปไหนได้ ก่อนที่เขาจะลากไล้ริมฝีปากมายังพวงแก้มและกลีบปาก
ฉันพยายามสะบัดหน้าหนี แต่มันก็ไปไหนได้ไม่ไกลเพราะความกลัวน้ำ เขากอดฉันไว้ในอ้อมแขน เบียดกายแกร่งที่เปลือยเปล่าท่อนบนเข้าหาฉัน และเล็มขบเม้มหยอกเย้าไปทั่ว ริมฝีปากของฉัน
“ ปล่อย ” ฉันกระซิบห้ามเสียงพร่าเพราะหัวใจมันสั่นไหว
“ ปล่อยแน่ แต่อย่าดิ้น แล้วก็พูดกับเค้าดี ๆ ” ฉันเหนื่อยที่จะต่อสู้เพราะยังไงก็แพ้ เขาตัวใหญ่กว่าฉันมาก ก็เลยตัดสินใจที่จะนิ่ง
“ แบบนั้นล่ะ เด็กดี ”
“ ทำแบบนี้กับฉันต้องการอะไร ” ฉันเอ่ยถาม ตาเราประสานตา ดวงตาคมกริบมีแววฉ่ำหวานจ้องลึกมาในดวงตาของฉัน ดวงตาคู่นั้นยังคงมีอิทธิพลร้ายกาจกับหัวใจฉันเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด ยังคงสามารถทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง เลือดในกายฉีดพล่าน
“ ต้องการให้ตัวเองฟังเค้าบ้าง เค้าอยากอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น เพราะตัวเองเข้าใจเค้าผิด ”
“ เข้าใจผิดเรื่องอะไร เธอชกพ่อฉันจนคว่ำ พ่อกินได้แต่ข้าวต้มอยู่ตั้งหลายวัน ”
“ มันมีบทสนทนาก่อนหน้านั้น ”
“ บทสนทนาที่เธอกล่าวหาว่าฉันยั่วเธอให้เข้าไปในบ้านสินะ ฉันไม่อยากฟัง ไม่อยากฟัง ! ”
ฉันตอกกลับอย่างกราดเกรี้ยว ปากหยักฉกวูบลงมาประกบปากของฉันอย่างรวดเร็วอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะทั้งเม้มทั้งไล้ไปทั่ว ฉันพยายามต่อต้านในคราแรกแต่ก็พ่ายแพ้ ลิ้นร้อนซอกซอนซุกซนเข้ามาในโพรงปากของฉัน ดูดดึงเว้าวอนกระทั่งฉันหมดเรี่ยวแรง
นานสองนานกว่าที่สิงห์จะผละปากจากจูบแล้วเลื่อนไล้ไปซุกไซ้ซอกคอทั้งสองข้าง ริมฝีปากอุ่นชื้นที่ขบเม้มเบา ๆ ผสานกับลมหายใจเร่าร้อน เมื่อต้องแตะลงบนผิวนวลไวสัมผัสมันทำให้ฉันกระเส่าสั่น
เขาปลดเสื้อชูชีพของฉันออกตอนไหนก็ไม่รู้ ก่อนดันร่างของฉันเข้าหากายกำยำสูงใหญ่ของตนจนแทบจะผสานเป็นหนึ่งเดียว ทุกตารางนิ้วเบื้องหน้าอันนุ่มนิ่มของฉันเสียดสีอยู่กับกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่ง มือใหญ่ลูบไล้ซุกซนไปทั่วแผ่นหลังเอวคอด และเน้นย้ำอยู่เนิ่นนานที่เนินสะโพกผาย ก่อนจะดันมันเข้ามาเบียดบดกับความแกร่งร้อนใหญ่โตของท่อนลำใหญ่เบื้องหน้าจนทำให้ฉันตกใจ สติเริ่มกลับมา จึงกระซิบห้ามปราม
“ สิงห์ ปล่อยฉัน ”
“ ไม่ปล่อย อยากดื้อก็ต้องลงโทษแบบนี้แหละ ”
ฉันคงต้องทำตามที่สิงห์ปรารถนาก่อนสินะ จึงจะรอดพ้นจากสถานการณ์เบื้องหน้าไปได้ จึงตัดสินใจยอมยกธง พูดจาดี ๆ อย่างที่เขาต้องการ
“ เอ่อ.. ตัวเอง ปล่อยเค้านะ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น ” สิงห์ยิ้มพราวอย่างพออกพอใจ ก่อนจะโผเข้าประกบปากฉันอีกครั้ง ฉันรีบสะบัดหน้าหนีไปซุกที่ซอกคอของเขา
“ ตัวเอง.. ไม่เอา ”
“ ยังไม่ได้เอา แค่จูบเฉย ๆ ” ฉันฟาดมือไปยังไหล่แกร่งดังเพี้ยะ แต่มืออีกข้างก็ยังเกาะไหล่แกร่งไว้แน่นเพราะกลัวจมน้ำ
“ ทะลึ่ง ชอบพูดอะไรบ้า ๆ ”
“ บ้าแล้วรักไหม ยังรักเค้าบ้างหรือเปล่า ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ฉันนิ่งอยู่ที่ซอกคอเขาอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน
... รักหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ ไม่เคยลืม ...