ด้านนักข่าวสายบันเทิงพอรู้ว่าพราวดาวฟื้นก็มารอทำข่าวกันอย่างเนืองแน่น ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาข่าวดาราสาวประสบอุบัติเหตุถูกจับตามองเป็นอย่างมากเพราะมีคนในปล่อยข่าวว่าสาเหตุที่ทำให้ดาวร้ายเกือบเอาชีวิตไม่รอดเป็นเพราะเข้าไปเป็นมือที่สามระหว่างเจ้าของบริษัทโฆษณาชื่อดังกับเลขาคนสนิท
การพาดหัวข่าวเป็นไปในทางด้านลบมากกว่าจะเป็นการเห็นอกเห็นใจที่ดาราสาวประสบอุบัติเหตุคราวนี้เพราะผู้ชายที่ถูกดึงเข้ามาเป็นต้นเหตุมีคนรักอยู่แล้วแต่คนที่กลุ้มใจเห็นจะมีแค่ผู้จัดการส่วนตัวเท่านั้น เนตรนภาต้องคอยตอบคำถามนักข่าวตั้งแต่วันแรกที่พราวดาวเข้าโรงพยาบาลแถมยังต้องคอยรับสายแก้ต่างจากเจ้าของโฆษณาหลายตัวที่พราวดาวเป็นพรีเซนเตอร์อยู่
"โอ๊ยอะไรกันนักกันหนา"เนตรนภาทิ้งตัวลงเก้าอี้พลางถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ตั้งแต่เช้าแล้วกระมังที่เธอรับโทรศัพท์ไม่ได้หยุดหย่อน ใจหนึ่งก็อยากจะต่อว่าให้คนของตัวเองแต่นิสัยดื้อรั้นอย่างพราวดาวพูดไปก็เหมือนละลายน้ำพริกลงแม่น้ำ
นับตั้งแต่วันที่เนตรนภาเข้ามารับหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวพราวดาวเชื่อฟังเธอมาตลอดยกเว้นก็แต่เรื่องของเหนือเมฆเท่านั้นที่พอคุยกันทีไรแม่ดาราก็ทำเป็นเข้าหูซ้ายออกหูขวา ทุกครั้งเนตรนภายอมเพราะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวเลยไม่อยากจะตีกรอบมากเกินไปแต่ครั้งนี้เห็นทีเธอจะปล่อยผ่านไม่ได้เสียแล้ว
"กับคุณเหนือน่ะจะเอายังไง" เนตรนภารู้ว่าพราวดาวแค่แกล้งนอนเลยตั้งใจพูดให้ได้ยินโดยที่เธอไม่รู้ว่าความจริงนีรชาที่ได้มาอยู่ในร่างตัวละครในนิยายของตัวเองยังไม่รู้จะจับต้นชนปลายอย่างไรเลยแกล้งทำเป็นหลับใส่
"พราว" น้ำเสียงปนความไม่พอใจทำให้นีรชายอมเอาหน้าที่ซุกอยู่ในผ้าห่มออกมา
เอาวะ ฉันรู้จักพราวดาวดีกว่าใครแค่สวมรอยเป็นๆไปก่อนก็ไม่น่าจะยากเย็นอะไร อย่างน้อยก็ดีกว่าให้บอกความจริงออกไปเพราะพนันเลยว่าไม่มีใครยอมฟังเรื่องเหลือเชื่อแบบนี้แน่นอน
"เดี๋ยวเรื่องก็เงียบเองแหละเชื่อพราวสิ"นีรชาเห็นดาราในโลกของเธอมีข่าวฉาวไม่เว้นแต่ละวันเลยเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจแต่สถานการณ์ของพราวดาวในตอนนี้เนตรนภาไม่เห็นด้วยที่คนของเธอจะคิดอะไรง่ายๆ
"พี่ว่าพราวต้องแถลงข่าว"
"ถึงกับต้องแถลงข่าวเลยเหรอ" แค่พรีเซ้นงานหน้าห้องให้อาจารย์ฟังยังพูดตะกุกตะกักเลย
"ก็ใช่น่ะสิเห็นเป็นเรื่องเล็กหรือไงเดี๋ยวถ้าคุณหมอพายุมาตรวจพี่จะขอให้พราวออกจากโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด" เนตรนภาออกความเห็นค่อนไปทางคำสั่งคนเอาแต่ใจอย่างพราวดาวอธิบายอะไรไปก็ไม่มีทางฟังหรอก
ทีแรกนีรชาว่าจะไม่ยอมแต่พอนึกว่าถ้าเป็นพราวดาวเธอต้องรีบให้เปิดแถลงข่าวแน่เลยยอมเออออห่อหมก
“ดูนี่”
“อะไรเหรอคะ” นีรชาหลี่ตามองสมาร์ทโฟนที่เนตรนภาส่งให้ดู
“ยังจะถามว่าอะไรอีกก็ผลงานของเธอไง เป็นไงคราวนี้สมใจหรือยัง” ผู้จัดการสาวถามแกมประชด หหากพราวดาวไม่หึงหวงจนตามเหนือเมฆไปก็คงจะไม่ต้องมานอนเจ็บตัวแบบนี้และที่แย่ไปกว่า...คือการที่พราวดาวถูกคนในสังคมตราหน้าว่าเป็นมือที่สามของคนอื่น
พอได้ฟังนีรชาถึงนึกขึ้นมาได้ ใช่ เธอเป็นคนวางเนื้อเรื่องว่าให้นางร้ายตามไปขัดขวางความรักของพระเอกนางเอกแต่ใครจะไปคิดว่าบทน้ำเน่าที่วางเอาไว้จะเป็นหลุมขุดฝังตัวเอง
“พราวผิดเองค่ะ” นีรชายอมรับผิดในฐานะที่เธอเป็นคนแต่งนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา ป่านนี้ไม่รู้ว่าอรรถพลผู้เป็นพ่อและคนบนโลกความจริงจะเป็นยังไงที่อยู่ๆเธอก็หายตัวมาแบบนี้
“คิดได้ตอนนี้จะช่วยอะไรได้พี่เคยเตือนพราวแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้หยุดแล้วสุดท้ายเป็นยังไงไหนจะนักข่าวอีก รู้ไหมตอนนี้นักข่าวดักรอทำข่าวพราวตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ไปไหนเลย” เนตรนภาว่าอย่างหัวเสียตราบใดที่ยังไม่มีการแถลงข่าวเรื่องฉาวโฉ่คงไม่มีทางจบลงง่ายๆ
ในระหว่างที่ทั้งสองคนต่างคนต่างกำลังเครียดประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา
“คุณหมอมาพอดีเลยค่ะ” เนตรภาปรับสีหน้าเป็นรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาคือพายุ ผู้ชายที่เธอแอบรักมาตลอด
“มีอะไรเหรอครับ” เจ้าของร่างสูงเดินตรงมาที่เตียงผู้ป่วยด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างเคยถึงแม้คุณหมอจะดูออกว่าผู้จัดการของดาราสาวคงจะมีเรื่องทำให้หมออย่างเขาลำบากใจเป็นแน่
“คืออย่างนี้นะคะคุณหมอคือเนตรอยากถามว่าพราวจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหนคะ” ไม่ใช่ว่าเนตรนภาจะไม่เป็นห่วงคนของตัวเองแต่ตอนนี้อาการโดยรวมของพราวดาวก็ดีขึ้นมากแล้วถึงแม้จะยังเดินเหินไม่สะดวกแต่เธอก็อยากให้พราวดาวกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านมากกว่า
“ถึงภายนอกจะดูไม่ได้เป็นอะไรแล้วแต่ยังจำเป็นต้องพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ก่อนครับ” พายุเข้าใจที่เนตรนภาอยากให้พราวดาวออกจากโรงพยาบาลแต่ด้วยจรรยาบรรณของการเป็นศัลยแพทย์และความห่วงใยในฐานะเพื่อนสนิทเขาจึงอยากให้พราวดาวอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิด
“แต่ว่า”
“รออีกสักอาทิตย์เถอะครับถ้าเห็นสมควรว่าออกได้ไม่ผมจะทำเรื่องออกให้” พายุใช้ความเป็นหมอเจ้าของคนไข้ออกคำสั่งเพราะเขารู้ว่าเนตรนภากำลังจะพูดอะไร แม้ว่าพราวดาวจะรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์แต่อาการโดยรวมก็ยังวางใจไม่ได้อยู่ดี
“วันนี้เป็นยังไงเจ็บหรือรู้สึกผิดปกติรงไหนหรือเปล่า” พายุหันไปถามคนไข้ของเขา นีรชาส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“แล้วขาล่ะเป็นยังไงยังรู้สึกเจ็บเหมือนเมื่อเช้าอยู่ไหม” คุณหมอถามต่อ
“ยังช่วยตัวเองไม่ได้ค่ะเมื่อกี้ไปเข้าห้องน้ำก็ให้เนตรพาไป” เนตรนภาตอบแทนเพราะคนถูกถามเอาแต่ปิดปากเงียบ
“ดูจากอาการแล้วน่าเป็นห่วงนะครับ”
“ทำไมคะหรือว่าคุณหมอตรวจเจอความผิดปกติตรงไหนเหรอคะ” เนตรนภาตกใจที่อยู่ๆพายุก็พูดแบบนี้ การบอกว่าอาการของพราวดาวน่าเป็นห่วงถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนเป็นผู้จัดการส่วนตัว
“ก่อนอื่นเลยผมอาจจะต้องพาไปเช็กสมองอีกทีเพราะปกติเด็กของคุณเนตรต้องพูดมากกว่านี้นะครับ” คุณหมออธิบายพลางจ้องคนไข้
“นี่พายุนายหาว่าฉันเป็นบ้าเหรอ” นีรชาถลึงตาใส่คนเป็นหมอที่สรรหาคำพูดคำจามาว่าให้คนอื่นได้อย่างหน้าตาย
“แบบนี้สิค่อยสมเป็นเธอหน่อย” รอยยิ้มที่ปรากฎมุมปากทำให้คนฟังโมโหมากกว่าเดิม
“ฉันเป็นยังไงไม่ทราบยะ” หากตอนนี้เป็นพราวดาวตัวจริงเสียงจริงก็คงจะถามคำถามเดียวกัน
“ก็เป็นยัยดาราขี้วีนแล้วก็หลงตัวเองไง” พายุวางปลายปากกาจิ้มลงไปที่หน้าผากเล็กส่วนเจ้าตัวนั้นเผยรอยยิ้มที่มุมปากอีกครั้งก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไปจากห้องทันที
“ไอ้หมอบ้าอย่าให้ฉันหายนะ โอ๊ย” นีรชาลืมว่าตัวเองยังเจ็บอยู่จึงลุกขึ้นกะว่าจะสั่งสอนพระรองของเธอสักหน่อยแต่ร่างกายดันไม่เข้าข้างเอาซะเลย
“ระวังหน่อยสิเดี๋ยวขาก็ได้หักจริงๆหรอก” เนตรนภาว่าอย่างเหนื่อยใจ ทั้งที่เป็นเพื่อนกันแท้ๆแต่พายุกับพราวดาวก็ไม่เคยพูดจากันดีๆเกินสามคำ
หลายวันต่อมาอาการโดยรวมดีขึ้นพายุเลยอนุญาตให้พราวดาวกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านได้แต่ก็กำชับแล้วกำชับอีกว่าช่วงนี้อย่าพึ่งรับงานโดยเด็ดขาด ขนาดว่าเนตรนภาปิดข่าวดีแล้วแต่เรื่องที่ดาราสาวออกจากโรงพยาบาลก็รู้ไปถึงหูนักข่าวอยู่ดี เนตรนภาประสานกับทางโรงพยาบาลให้ช่วยพาออกไปเพราะยังไม่อยากให้พราวดาวพูดอะไรก่อนถึงวันแถลงข่าว
เนตรนภาออกอุบายหลอกล่อนักข่าวโดยที่เธอแต่งตัวคล้ายพราวดาวแล้วแยกกันไปอีกทางซึ่งก็ได้ผล...นักข่าวสายบันเทิงจากทั่วสำนักพากันแห่ตามเนตรนภาไปส่วนนีรชาที่อยู่ในร่างพราวดาวหลบออกไปอีกทางโดยการช่วยเหลือของบุคลากรของโรงพยาบาล ดูเหมือนจะราบรื่นแต่พอนีรชาหนีมาถึงตรงทางออกดันไปเจอกลุ่มแอนตี้พราวดาวดักรออยู่
“นั่นไงพราวดาวออกมาโน่นแล้ว ไปเร็ว” หนึ่งในแอนตี้แฟนที่ไม่ชอบพราวดาวตะโกนขึ้นกลุ่มคนเกือบยี่สิบชีวิตจึงกรูเข้าไปแล้วพากันปาไข่ไก่ดิบๆใส่ดาราสาวด้วยความเกลียดชังพร้อมกับคำด่าทอแรงๆเหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาทีจนนีรชาและบุคลากรของโรงพยาบาลอีกสองคนต้านไม่ไหวเนื้อตัวของพราวดาวเลอะเปรอะเปรื้อนไปด้วยกลิ่นคาวของไข่ที่ปาใส่ไม่หยุด นีรชาไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าคนที่เธอยัดเยียดชีวิตให้เป็นไปตามความต้องการของตัวเองต้องมาเผชิญกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้ ไม่เคยเข้าใจว่าการเป็นคนถูกเกลียด ถูกด่าทอด้วยคำรุนแรงรู้สึกแย่เพียงใด
กระทั่งที่แม่นักเขียนเจอเข้ากับตัวเองถึงรู้ว่ากว่าที่พราวดาวจะผ่านอะไรๆมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ในสายตาของแอนตี้แฟนกลุ่มนี้พราวดาวคือดาราที่ขยันสร้างแต่ข่าวฉาวทำตัวไม่สมกับเป็นคนของประชาชนแต่ที่คนเหล่านี้ทนไม่ได้จนต้องออกมารวมตัวกันเป็นเพราะพราวดาวทำตัวเป็นมือที่สามของคนอื่นซึ่งเป็นเรื่องอ่อนไหวและเปราะบางที่คนในสังคมทุกวันนี้ยอมรับไม่ได้
“อย่าครับขอร้องหยุดเถอะครับ” บุคลากรของโรงพยาบาลตะโกนห้ามทุกคนแต่คนกลุ่มนี้ก็ไม่ยอมหยุดหนำซ้ำยังพากันรุมดาราสาวมากกว่าเดิมเนื้อตัวของพราวดาวเต็มไปด้วยไข่ดิบเหม็นคาวโดยที่นีรชาไม่สามารถจะตอบโต้หรือมีช่องว่างให้พูดอะไรแก้ต่าง
“ถ้าพวกคุณยังไม่หยุดใช้ความรุนแรงผมจะแจ้งความจับพวกคุณทุกคนข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้แล้ว” ในความชุลมุนวุ่นวายมีเสียงจากใครคนหนึ่งดังขึ้นและประโยคเมื่อครู่ทำให้กลุ่มแอนตี้แฟนของพราวดาวพากันหันไปมองแล้วพบว่าเจ้าของหัวกฎหมายไม่ใช่ใครหากแต่เป็นคุณหมอของโรงพยาบาลแห่งนี้หนำซ้ำคนที่ได้ชื่อว่าเป็นศัลยแพทย์ยังเอาตัวเข้ามาบังดาราวสาวจนใบหน้าและเสื้อกาวน์สีขาวเปรอะเปื้อนและเหม็นคาวไปหมด
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกคุณจะมาทำอะไรได้ตามอำเภอใจและพวกคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินคนอื่นจากข่าวมั่วๆพวกนั้นเพราะสิ่งที่พวกคุณทำมันคือการพยายามยัดเยียดความผิดให้ผู้หญิงคนนึงโดยที่พวกคุณยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรด้วยซ้ำเพราะฉะนั้นพราวดาวสามารถเอาผิดพวกคุณได้นะครับแล้วถ้ายังไม่หยุดผมจะแจ้งตำรวจตอนนี้เลย ว่าไงครับ” พายุจ้องไปยังทุกคนสีหน้าและคำพูดที่เต็มไปด้วยหลักกฎหมายของเขาทำให้กลุ่มแอนตี้ยอมหยุด
"ไปกันเถอะ" น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับพาดาราสาวฝ่าฝูงชนออกมาเนื้อตัวพราวดาวสั่นเทาเพราะตั้งแต่เกิดมานีรชาไม่เคยเจออะไรแบบนี้