ตอนที่ 6 เริ่มเบื่อเหยื่อแล้ว

1960 Words
หลังจากผ่านการถกเถียงกับอดีตสามีพริ้งเพรากับพราวตะวันก็มาเที่ยวบาร์โฮสตามที่ไปแอบส่องติ๊กต๊อก พวกเธอไม่ได้คิดจะให้น้องในร้านบริการอะไรนัก เพียงแค่อยากมาดูบรรยากาศ พราวตะวันยังคงรู้ว่าตัวเองยังไม่ได้หย่ากับเมฆาให้เรียบร้อย เธอไม่ต้องการดึงใครเข้าในช่วงอ่อนไหวนี้ หากเธอจบกับเขาแล้วอันนี้ค่อยว่ากันทีหลัง “หู้ย เบอร์สี่งานดีมาก” พริ้งเพรากระซิบกับพราวตะวัน ทั้งสองกำลังนั่งดูน้องในบาร์แนะนำตัวกันทีละคน พราวตะวันดูบ้างไม่ดูบ้างแต่ก็ยิ้มตามเมื่อเห็นผู้หญิงหลายคนรอบตัวกำลังยิ้มและหัวเราะกันอย่างมีความสุข ทุกคนดูมีฐานะเมื่อมองจากการแต่งกาย พอเดาได้ว่าร้านนี้ลูกค้ากระเป๋าหนักพอสมควร บางคนที่ดูเศร้า ๆ พอมีน้องในร้านไปนั่งคุยก็ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น บางทีสถานะนี้ก็ไม่ได้แย่อะไร พวกเธอก็แค่หาความสุขให้ตัวเองเวลาหันหน้ามาไม่พบใครเท่านั้น แค่มีคนนั่งรับฟังมันก็คุ้มที่จะจ่าย ทีพวกผู้ชายยังพากันไปดื่มโดยใช้ข้ออ้างเรื่องงานได้ ทว่าพอผู้หญิงทำแบบเดียวกันกลับมองว่าเป็นเรื่องผิดแปลก… ทั้งที่เงินก็เงินที่หามาเอง ตราบใดที่โสดจะซื้อผู้ชายสักโหลก็คงไม่ใช่เรื่องผิด พราวตะวันยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง ผู้หญิงที่เติบโตมาในกรอบแบบเธอกล้าคิดอะไรแบบนี้ด้วย “แม่ไม่เห็นชอบเลย หน้าอ่อนเกือบทุกคน แอบกินกันเองหรือเปล่าก็ไม่รู้ คุณเมฆาหล่อกว่าอีก” เธอมองคนบนเวทีอย่างไม่ใส่ใจ อาจเป็นเพราะสเปกพราวตะวันไม่ใช่ผู้ชายหน้าเกาหลี เธอมันชอบหล่อคมเข้ม บวกกับอายุทุกคนเลยให้อารมณ์เหมือนน้องชายมากกว่า เรียกมานั่งด้วยก็พอได้แหละแต่ถามว่าถูกใจไหม คำตอบคือไม่! “ถ้าใช้มาตรฐานคุณพ่อตั้งก็ไม่มีคนหล่อหรอกค่ะในร้านนี้” พริ้งเพราแอบบ่น นางร้ายหลงรักพระเอกมานานและเมฆาก็หล่อลากดิน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เด็กในร้านจะดูดีน้อยลง พราวตะวันดันอยู่ในดงคนหล่อมาตลอดนี่ “ชอบคนไหนเป็นพิเศษไหมครับ” พนักงานถามเมื่อเห็นลูกค้าเลือกอยู่นาน พราวตะวันกวาดสายตามองส่ง ๆ ก่อนจะชี้ไปที่ผู้คนหนึ่งที่หันมาสบตากับเธอ “เอาคนนั้นค่ะ” ส่งยิ้มให้อีกฝ่ายที่ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน “เออ คนนั้นไม่ได้ครับ” พนักงานมองตามก็หยุดชะงัก คนที่ชี้ไปนั้นไม่ใช่เด็กที่ตนเอามาให้เลือก “มีอะไร” ชายหนุ่มรูปร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเดินเข้ามาถามพนักงาน “คุณผู้หญิง…” เขาเตรียมจะอธิบาย “แม่พริ้งสนใจพี่ค่ะ กี่ดริ๊งก์ก็ไหวค่ะ” พริ้งเพราแทรกขึ้นอย่างใจป้ำ ถ้ารู้ว่าที่นี่งานดี ชาติก่อนจะเอาเงินไปเที่ยวให้แหลก “ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวรีบโบกเมื่อเห็นพนักงานแสดงสีหน้าลำบากใจ “งั้นลองดูคนอื่นดีไหมครับ คุณสิงห์” “ผมว่างครับ พี่ไปดูโต๊ะโน้นเถอะ” สิงห์ระบายยิ้มและพยักหน้าว่าเขายินดีมานั่งโต๊ะนี้ “พริ้งสนใจคนนั้นค่ะ น้องคนนั้นไม่มีคนเลือกเลย” พริ้งเพราเห็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง เธอเห็นผู้ชายคนนี้ไม่มีคนให้ความสนใจเท่าไหร่ “คนไหนครับ” สิงห์มองตามสายตาพริ้งเพราไปแต่ไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้น “โน่นค่ะ คนโน้น น้องคะมาทางนี้หน่อยค่ะ” เธอกวักมือเรียก ชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง พริ้งเพราพยักหน้ารับอีกฝ่ายก็เดินมาตามคำเรียก “คนรู้จักลุงเหรอ” ชายหนุ่มผู้มาใหม่ถามสิงห์ “เปล่า น้องเขาเลือกมึง” คนตอบเสียงห้วน ไอ้เจไดสอนไม่เคยจำ มันจะมาเรียกลุงเพื่อ! “ผมไม่ได้รับงานครับ แค่แวะมาหาลุงสิงห์” เจไดยิ้มแหย เขาเป็นหลานชายของสิงห์ ร้านนี้เป็นของแม่แต่ท่านหนีไปฮันนีมูนยังไม่ยอมกลับมาทำงาน “แฮร่ ขอโทษค่ะ” พริ้งเพราขอโทษที่ตัวเองเข้าใจผิด ถึงว่าไม่มีป้ายชื่อติดหน้าอก “ไม่เป็นไรครับ ผมนั่งเป็นเพื่อนได้” เจไดสบตากับหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักพร้อมกับเสนอตัวนั่ง “ผมสิงห์ครับ ส่วนนี่เจได” สิงห์คิ้วกระตุกก่อนแนะนำตัว สภาพแบบหลานชายเขานี่เหรอว่าง มันอยากมากวนเขามากกว่า “ฉันพราวค่ะ” พราวตะวันแนะนำสั้น ๆ ไม่ได้อธิบายอะไรเกี่ยวกับตัวเองเพิ่มเติม เธอแค่มาเที่ยวดื่มนิดหน่อยไม่คิดสานสัมพันธ์ “พริ้งค่ะ” เสียงใสพยายามตะโกนแนะนำตัวเมื่อเสียงเริ่มดัง “ไปอีกโซนดีกว่าครับ ตรงนี้เสียงดังเกินไปน่าจะคุยไม่รู้เรื่อง คุณพราวสะดวกย้ายไหมครับ” สิงห์มองสีหน้าสองคนแล้วก็พอรู้ว่ามาครั้งแรก พราวตะวันดูไม่ได้สนใจเด็กคนไหนเลย อารมณ์แบบมาลองดูเฉย ๆ ส่วนพริ้งเพราก็แค่อยากรู้ตามประสาเด็กสาว หญิงสาวตอบรับคำชักชวนเพราะไม่อยากตะโกนคุยจนเจ็บคอ ที่นั่งใหม่อยู่ในห้องไม่ไกลจากจุดเดิมนัก ภายในห้องพิเศษตรงที่เป็นกระจกมองเห็นบรรยากาศด้านนอก ทว่าไม่มีใครสามารถมองเห็นด้านในได้ พริ้งเพราคุยกับเจไดอย่างถูกคอ คุยกันไปมาจนรู้ว่าเจไดคือรุ่นพี่ในคณะปีสาม หญิงสาวเหมือนได้เพื่อนใหม่ พอนั่งนานเข้าความสนใจของพริ้งเพรากับเจไดก็เปลี่ยนเป็นนั่งเล่นเกมกันสองคนอีกมุม ส่วนพราวตะวันนั่งคุยกับสิงห์ด้วยเรื่องทั่วไป จนรู้ว่าสิงห์เป็นหุ้นส่วนใหญ่ไม่ใช่เด็กในร้าน เขาอายุเท่ากับเธอซึ่งถือว่าโชคดี เวลาคุยกันเลยรู้เรื่อง “เก่งมากอายุแค่นี้เอง ตอนพราวอายุเท่าคุณเอาแต่ทำเรื่องไร้สาระ เอ แต่เจ้าของร้านเป็นผู้หญิงนี่คะ” การผูกมัดผู้ชายคนหนึ่งไว้กับตัวนั้น สร้างความเจ็บปวดมาจนถึงตอนนี้ “โชคช่วยมั้งครับ น้องสาวแม่ไอ้เจไดดันขาดเงินลงทุน มันมาขอกู้ตอนท้องไอ้เจได คุยไปคุยมาก็เลยเป็นหุ้นส่วน ปีหนึ่งจะมาดูสักครั้งสองครั้ง” “น้องสาวคุณเก่งมาก บริหารทุกอย่างเอง ที่นี่ดังมาก” ผู้หญิงคนหนึ่งต้องเก่งขนาดไหนถึงผ่านช่วงเวลาเจ็บปวดนั้นมาได้ เธอท้องก็ยังมีเมฆาอยู่ข้างกาย แม้จะไม่ได้รักใคร่กลมเกลียวแต่ก็ยังดีกว่าโดดเดี่ยว “สร้างเพราะผิดหวังจากความรัก ยัยเจนเสียใจมากตอนโดนพ่อเจไดทิ้ง ยืนกรานจะสร้างร้านนี้ไว้เลี้ยงผู้ชายเล่น พ่อกับแม่ถึงกับตัดขาดเลยเป็นเหตุให้มันไม่มีเงิน ถ้าหาประวัติร้านจริง ๆ ก็มีคนเอาไปเขียนรีวิวนะ เพราะบางทียัยเจนมันก็ขึ้นไปเล่าประสบการณ์ชีวิตบนเวทีปลอบใจแขกบางคน” เขาเล่าด้วยท่าทางสบายและขบขันไปด้วย สิงห์ยามเอ่ยถึงน้องสาวมีแต่แววตาภาคภูมิใจ เจนคือผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เขาไม่เคยอายกับสิ่งที่น้องสาวทำ เธอแค่ผิดพลาดจากความรัก ท้องแล้วแปลกอะไร ครอบครัวเราเลี้ยงได้สบายมาก เจไดโตมาก็ไม่ได้ความอาการซึมเศร้าใด ๆ ตรงกันข้ามยังร่าเริงเกินไปด้วย “เธอเข้มแข็งมากนะคะ ผู้หญิงที่โดนทิ้งตอนท้องไม่สนุกแน่ ตอนนี้เธอลืมผู้ชายคนนั้นได้แล้วสินะคะ” เธอก้มหน้ายิ้มกับตัวเอง “ไม่มีใครลืมคนที่ทำให้เราเจ็บหรอกครับ” สิงห์สังเกตเห็นว่าแวบหนึ่งในดวงตาคู่สวยฉายแววเจ็บปวด “นั่นสินะคะ ถ้ามันลืมได้ง่ายคงไม่เจ็บ” พราวตะวันคล้ายจะพูดกับตัวเองมากกว่า สิงห์เข้าใจในทันทีว่าการมาของพราวตะวันในครั้งนี้เพราะมีปัญหาหัวใจ ชายหนุ่มทำลายบรรยากาศที่กำลังจะเศร้าด้วยการเล่าเรื่องน้องสาวตัวเอง “ตอนนี้มันมีผัวใหม่แล้วคุณพราวไม่ต้องห่วง ทุกวันนี้ร้านก็ไม่อยากจะเข้าเพราะผัวมาเฝ้าตามจิก มีคนมาขอแต่งงานมันประกาศยกร้านให้ไอ้เจไดดูแลต่อ ส่วนมันหนีไปเที่ยวฮันนีมูนกับผัว” คนต้องมาทำงานแทนเล่าปนบ่น หลานชายเรียนอยู่จะให้มาทำงานเต็มตัวก็ไม่ได้ “ฮ่าฮ่า ร้านคุณมีเรื่องเล่าเยอะมาก ถ้าคุณเจนรู้ว่าคุณเอามาเล่าต้องงอนแน่” เสียงหัวเราะนั้นพลอยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดี บอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกัน ว่าทำไมถึงรู้สึกแย่ตอนเห็นพราวตะวันทำหน้าเศร้า “ยัยเจนมันเดินบอกทุกโต๊ะว่าจะแต่งงาน ฉลองด้วยการแถมเหล้าให้ลูกค้าจนเดือนก่อนขาดทุน ถ้ารู้สึกว่าที่ผมเล่าคือการนินทาน้องละก็ คุณคิดผิดครับ ยัยเจนมันดีใจมากกว่าที่มีคนกระจายข่าวว่ามันมีผัว ถามคนในร้านได้ทุกคน” น้องสาวเขามันเคยอายที่ไหน ในยุคที่เปิดร้านนี้คนแอนตี้ด่ามากมาย แต่มีน้องสาวเขาคนเดียวที่กล้าเปิดแบบไม่สนสี่สนแปด นับประสาอะไรกับเรื่องแต่งงานใหม่ “เปิดเอาสังคมมั้งคะ ฮ่าฮ่า พราวอยากเจอคุณเจนมาก เธอคงจะมีพลังบวกอยู่รอบตัว” แค่ฟังก็อยากรู้จักผู้หญิงคนนี้แล้ว นอกจากดีใจตอนเห็นพัฒนาการของลูกชาย วันนี้เธอหัวเราะได้สุดเสียงที่สุดนับตั้งแต่แต่งงาน “คูณครับ อย่าเรียกบวก สำหรับยัยเจนมันเกินคนไปแล้ว” สิงห์แอบกังวลว่าหญิงสาวจะไม่ชอบเจนเหมือนกัน แต่พอเธอแสดงออกแบบนี้เขาก็ยิ่งใจเต้น ครองตัวเป็นโสดมาจนอายุสี่สิบ สิงห์พูดได้เลยว่าไม่มีใครทำให้เขาคุยได้เยอะเท่านี้ “ดีแล้วค่ะ อยู่ด้วยแล้วมีความสุข คุณโชคดีมากที่มีน้องสาวแบบคุณเจน” “ขอบคุณครับ แล้วคุณล่ะ ทำไมถึงมาที่นี่ละครับ” ตนไม่ได้อยากละลาบละล้วงแต่ถามดู “แค่ลองมาเที่ยวดูเท่านั้นค่ะ พราวว่ามันก็สนุกดี แต่คงไม่คิดจะมาบ่อย พราวไม่ชอบนอนดึก” พราวตะวันยอมมาเพราะพริ้งเพราเปรย ๆ ด้านพริ้งเพราเองก็คงคิดแบบเดียวกัน สถานะตอนนี้ยังไม่แน่นอน หากหย่าเรียบร้อยแล้ว อาจลองมาใช้บริการที่นี่ เธอเองก็เบื่อการวิ่งตามความรัก รวยแบบเธอซื้อผู้ชายดูบ้างจะเป็นไร “ทำไมครับ ผมบริการไม่ดีเหรอหรือพูดจนน่ารำคาญ” คนตัวโตเริ่มแสดงสีหน้าเป็นกังวล “อยากโดนเปย์มากกว่าเปย์คนอื่นมั้งคะ” พราวตะวันยิ้มให้เพื่อนใหม่ที่กำลังนั่งลุ้นรอคำตอบอย่างขบขัน หญิงสาวระบายยิ้มเมื่อเห็นว่าเขาถอนหายใจโล่งอก ทว่าคำพูดต่อมาของเขาทำเอาเธอชะงัก “ผมสะดวกเปย์นะครับ” สิงห์เผลอหลุดปากพูดความรู้สึก “ไว้กระเป๋าคอลเล็กชันใหม่ออกจะลองพิจารณาดูค่ะ” หญิงสาวพูดทีเล่นทีจริง สายตาแพรวพราวที่ส่งมาไม่สามารถทำอะไรพราวตะวันได้เลย ไม่ใช่เพราะเธอเจอคนหล่อมาเยอะ แต่เพราะเธอก็เสือ ไม่งั้นจะตะครุบเหยื่อแบบเมฆาไว้ได้จนลูกโตเหรอ แต่เธอเริ่มจะเบื่อเหยื่อไม่รักดีแล้ว!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD