ตอนที่ 4 ฉันจะตัดใจจากคุณ

1710 Words
เมื่อตกลงใจกันว่าจะเทสามี สองแม่ลูกก็พากันมาถึงบริษัทเพื่อประกาศว่านับจากนี้จะทำการตัดใจอย่างเป็นทางการ เพื่อให้พวกเขาทั้งสองได้รับรู้ พวกเธอเดินเข้ามาในบริษัทยังไม่ทันได้ขึ้นชั้นผู้บริหารพริ้งเพราก็สังเกตเห็นสีหน้าพราวตะวันดูเป็นกังวลเล็กน้อย หากเป็นคนไม่ใส่ใจจะมองว่ามันดูหยิ่งผยอง ทว่าเธอรู้ว่าส่วนลึกพราวตะวันนั้นตรงกันข้าม “คุณแม่ยิ้มหน่อยสิคะ วันนี้คุณแม่สวยมากเลย เวลายิ้มยิ่งสวย” พริ้งเพราจับมือแม่สามีอย่างให้กำลังใจ วันนี้นัดกันแต่งตัวมาอย่างดิบดี เธอใส่สีขาว พราวตะวันใส่สีดำ เวลาเดินด้วยกันเหมือนพี่น้องมากกว่าแม่กับลูกสะใภ้ “แม่ขอเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า ตอนนี้คนเยอะเกินไป” เป็นช่วงเวลาพักกลางวันคนเลยพลุกพล่าน พราวตะวันไม่ชอบสายตาของพนักงานบางคนที่มองมานัก “ก็ได้ค่ะ พริ้งจะไปเช็กหน้าตัวเองด้วย” เธอพยักหน้ารับรู้แล้วเดินตามแม่สามีอย่างว่าง่าย พราวตะวันเลือกเข้าห้องน้ำหญิงชั้นล่างเพราะเห็นว่าจุดนั้นไม่มีคนอยู่ พริ้งเพราจึงเข้ามาด้วย ทั้งสองแยกกันเข้าคนละห้อง ไม่นานก็ได้ยินเสียงพนักงานกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับเสียงซุบซิบ “วันนี้คุณพราวมาบริษัทด้วย สวยอย่างกับนางฟ้า” เสียงพนักงานกล่าวอย่างตื่นเต้น พริ้งเพราอมยิ้มกับคำชมของพนักงาน แม่สามีเธอสวยจริง ๆ นั่นแหละ สาบานว่าแก่ไปเธอจะสวยให้ได้แบบแม่พราวตะวัน “สวยแต่ตัวนะสิ พวกเธอไม่รู้อะไร ชีร้ายมากค่ะ” อีกเสียงแทรกขึ้น “ยังไงเหรอพี่” น้ำเสียงอยากรู้อยากเห็นส่งผลให้พริ้งเพรากำหมัดแน่น อีพวกปากหมา! นินทากระทั่งภรรยาเจ้าของบริษัท “ท่านประธานไม่ได้รักภรรยานะสิ ยอมแต่งด้วยเพราะพลาด ให้ทายว่าคนที่ท่านรักคือใคร” “ใครเหรอคะ” พนักงานช่างสงสัยถาม “คุณน้ำหอมไง เสียดายไม่ได้ลงเอยกัน ดันมีมารมาขวางเสียก่อน” คำตอบนั้นไม่ผิดไปจากที่ลูกสะใภ้นางร้ายคาดเดา “หูย แรงมากถึงกับยอมปล่อยให้ตัวเองท้องเพื่อจับผู้ชาย น่าสงสารคุณน้ำหอมเนอะ ถึงว่าท่านประธานดูไม่ค่อยดุคุณน้ำหอมเลย ทั้งที่จริงเวลาประชุมท่านดุมากเพราะมีเยื่อใยต่อกันนี่เอง” ถ้อยคำเหยียดหยามนั้นคุยกันประหนึ่งเรื่องราวส่วนหนึ่งในชีวิตของตนเอง “ได้แต่ตัวก็ต้องรับสภาพ คนรุ่นเก่า ๆ ในบริษัทต่างก็พอรู้ว่าจำใจอยู่ด้วยกัน ท่านรองเองรู้ดีกว่าใครเพราะเป็นลูกชายคนเดียว ที่มีคนเดียวเพราะไม่อยากแตะเมียละมั้ง” สองพนักงานคุยกันแม้กระทั่งเข้าห้องน้ำโดยไม่สนว่าห้องอื่นจะมีใครได้ยินเรื่องราวเหล่านี้บ้าง เสียงนินทาดังอีกประมาณห้านาทีก็เงียบลง… “ไม่รีบไปทานข้าว หมดเวลาพักจะทานไม่ทันนะคะ” เสียงของพราวตะวันกำลังตักเตือนพนักงานที่รีบยกมือไหว้แล้ววิ่งออกจากห้องน้ำ พริ้งเพราถึงกับเอามือปิดปากกับสิ่งที่ได้ยิน เธอไม่อยากคิดเลยว่าสภาพจิตใจของพราวตะวันในตอนนี้จะเป็นอย่างไร เธอรีบเปิดประตูออกมาก็เจอพราวตะวันกำลังยืนเติมลิปสติกอยู่หน้ากระจก “คุณแม่คะ” สถานการณ์แบบนี้อึดอัดจนพริ้งเพราทำตัวไม่ถูก หญิงสาวสงสารนางร้ายคนนี้มาก หากเป็นเธอคงไม่พูดดีกับสองคนนั้น “ไปกันเถอะ ช้ามากแล้ว” เห็นว่าอีกคนจัดการธุระเรียบร้อยก็พยักหน้าเรียก “คุณแม่โอเคมั้ยคะ เรากลับกันก็ได้นะคะ” ร่างเตี้ยกว่าไม่กี่เซ็นอดห่วงไม่ไหว “แม่ไม่สนใจเรื่องพวกนั้นหรอก หนูแวะไปหาคินเถอะ แม่เข้าไปหาคุณเมฆาคนเดียวได้” พราวตะวันลูบหัวพริ้งเพราที่ทำหน้าเหมือนเธอถูกยิง ทั้งสองขึ้นลิฟต์พร้อมกันแต่แยกไปคนละห้อง พราวตะวันทักทายมานพที่หน้าห้องเล็กน้อย มานพแจ้งว่าเมฆากำลังคุยงานอยู่หากเข้าไปรบกวนรอสักครู่ เธอพยักหน้ารับรู้และเปิดประตูเข้าไปในห้อง ภาพแรกที่เห็นคือสามีกำลังประคองน้ำหอมที่ทำท่าจะเอนตัวไปหาเมฆา “ฉันรู้สึกปวดหัวนิดหน่อย ขอโทษด้วยค่ะ” เสียงหวานบอกอย่างนั้น แต่มือยังคงจับแขนเมฆาไม่ปล่อย “ห้องพยาบาลอยู่ชั้นสิบสอง” เสียงเตือนจากพราวตะวันส่งผลให้น้ำหอมยอมปล่อยแขนเมฆา “คุณพราว” ผู้จัดการวัยกลางคนหน้าซีดเผือด ก้มหน้าตัวสั่นเหมือนโดนของ จากนั้นหันไปมองเจ้านายด้วยดวงตาสั่นไหว “ไม่ไหวก็ลาพัก ไปเถอะ นั่งก่อนพราว” เมฆาบอกพนักงานในบริษัทที่ทำงานด้วยกันมานาน เขากลับมานั่งที่เดิมและบอกภรรยาที่มองน้ำหอมด้วยสายตาไม่เป็นมิตร น้ำหอมกล่าวขอบคุณขณะที่แอบส่งสายตาไม่พอใจใส่พราวตะวันที่ดันเข้ามาขัดขวางจังหวะดี ๆ ของเธอกับเมฆา “ยัยนั่นชอบมาอ่อยคุณ พราวไม่ชอบเลยค่ะ” นั่งลงได้ก็บ่นขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว เมฆาก้มหน้าลงเซ็นเอกสารต่อ พราวตะวันนึกน้อยใจที่สามีไม่แม้แต่จะอธิบายอะไร เขาเป็นแบบนี้เสมอจนเธอรู้สึกแย่ ทั้งกับตัวเองและผู้หญิงคนนั้น เธอรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่า แต่ก็อดไม่ได้ทุกที “ไหนเมื่อคืนว่าจะไม่งี่เง่า” หลังจากคุยกึ่งทะเลาะกันไป พราวตะวันบอกเขาว่าจะไม่งี่เง่าก็ได้ ซึ่งเธอพูดแบบนี้มาตั้งแต่แต่งงานจนตอนนี้ และเป็นอยู่เรื่องเดียว ส่วนอื่น ๆ พราวตะวันไม่มีอะไรบกพร่อง เธอแค่ขี้หวง โดยเฉพาะกับน้ำหอม “ก็พยายามอยู่นี่ไงคะ พราวก็แค่บอกว่าห้องพยาบาลอยู่ชั้นไหน” พราวตะวันแอบทำหน้ายู่แต่เมื่อนึกได้ว่าตัวเองเป็นคนสวยเริ่ดตามที่พริ้งเพราบอกก็ฮึดสู้ “นึกยังไงมาหาผม” เมฆาสำรวจการแต่งกายของภรรยา วันนี้เธอปล่อยผมยาวดำขลับถึงกลางหลัง แต่งหน้าอ่อน ๆ อวดผิวขาวอมชมพู บนตัวสวมเสื้อแขนกุดสีดำคอยูกว้าง คาดด้วยเข็มขัด Celineดำ กางเกงยีนเอวสูงขากระบอกกับรองเท้าส้นสูง Ysl สีดำ ในมือถือกระเป๋าชาแนลคลาสสิก เขาได้ยินว่าภรรยากับลูกสะใภ้พากันไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ เพราะจะไปเที่ยวกันสองแม่ลูกสไตล์วัยรุ่นธรรมดา ธรรมดาสุดของพราวตะวันกับพริ้งเพราก็ได้เท่านี้ “แค่จะมาบอกว่าพราวจะไม่สนใจคุณอีกแล้ว พราวจะตัดใจจากคุณ” “กี่วัน” เขาอยากขอบคุณที่แจ้งให้ทราบ แม้จะทราบมาหลายรอบแล้ว อยากรู้เพียงแค่ว่ารอบนี้จะเงียบหายไปกี่วัน เกินสามวันไหม หลังจากนั้นจะขอให้เขากับลูกชายพาไปเที่ยวที่ไหน และก็วนมาตัดใจแบบนี้ปีละหลายรอบ “ตลอดไป!” เธอกระแทกเสียงใส่สามี เขากล้าถามได้อย่างไรว่ากี่วัน เมฆาวางปากกาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สบตากับภรรยาที่บอกว่าจะไม่สนใจไม่รักเขามาหลายร้อยพันครั้ง “ไม่ต้องมามองเหมือนเยาะเย้ย ครั้งนี้พราวทำได้แน่” พราวตะวันมั่นใจมากว่าครั้งนี้จะไม่มีทางล้มเหลวแบบที่ผ่านมา “จะตัดใจแต่เพิ่งหึงหวงผมไปเมื่อกี้ ช่วยคนหน้ามืดก็หึง ผมไม่ทำอะไรลับหลังคุณหรอกพราว” “พราวรู้ว่าคุณไม่ทำเรื่องนั้นแน่ แต่มันรำคาญสายตาไง ถ้าไล่ออกได้พราวจะพิจารณาภารกิจตัดใจจากคุณ ไงเลือกเอา” เพราะเขาแสนดีไง เขาไม่มีทางนอกกายภรรยาอย่างเธอ ส่วนหัวใจใครก็บังคับไม่ได้ “ไล่ออกเพราะเมียประธานบริษัทขี้หึงเหรอ ผมคงต้องไล่ออกทั้งบริษัทเลยมั้ง เพราะขนาดผู้ชายคุณยังหึง” อย่าว่าแต่กับน้ำหอมเลย กับใครพราวตะวันก็หวงทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับวาระและโอกาสจะอำนวย “คนอื่นไม่เท่าไหร่หรอก แต่คนนี้…” คุณชอบเขาไง!! พราวตะวันยั้งปากไว้เพราะไม่อยากเถียงต่อ เมฆาตอบแบบนี้มาหลายรอบแล้ว สรุปคือเขาจะเก็บยัยน้ำเน่าเอาไว้ “ผมขอทำงานครับ ถ้าอยากมาเฝ้าก็ช่วยนั่งเงียบ ๆ อย่าพยายามก่อกวน อีกครึ่งชั่วโมงงานถึงจะเสร็จ คิดจะชวนไปไหนก็ต้องรอนะครับ” ท่านประธานรีบแจ้งภรรยา “พราวไม่ได้จะมาเฝ้าค่ะ พราวแค่มาแจ้งให้ทราบ คุณคอยดูเอาเองเถอะ ลูกชายคนโปรดคุณก็โดนเทด้วย น้องพริ้งไม่เอาเหมือนกัน” คนถูกขัดใจลุกขึ้นคว้ากระเป๋าแล้วทิ้งให้เมฆามองตามหลัง เมฆินทร์ตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากเขานัก พริ้งเพราเองนิสัยช่างคล้ายกับพราวตะวัน เขาเองเข้าใจความรู้สึกลูกชายดี ไม่ได้เกลียดชังอะไรภรรยา สามารถอยู่ด้วยกันได้นั่นแหละ แต่ถ้าถามว่ารักไหมนั้น เขาเองตอบไม่ได้ พราวตะวันไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่เขาเคยตั้งสเปกเอาไว้สมัยก่อนแต่งงาน ชอบคนทำงานเก่ง เรียบร้อย ทำอาหารเก่ง ส่วนพราวตะวันทำอาหารได้แต่ไม่ค่อยทำ ความเรียบร้อยเป็นศูนย์ เธอบอกทุกอย่างที่ตัวเองรู้สึกหมดแบบไม่กั๊กแต่ไม่หยาบคายใส่เขา หึงงอนแค่ไหนมากสุดแค่บ่นและแอบด่าคู่กรณีไม่ให้เขาได้ยินชัด เมฆาเลยตอบไม่ได้ว่ารักไหม รู้แค่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปเรื่อย ๆ เขาไม่เดือดร้อน แค่หงุดหงิดบางเวลาที่พราวตะวันแอบไปหาเรื่องจิกกัดคนอื่น ถามว่ารู้จากไหนเหรอ ก็หลายทาง พนักงานบ้าง มานพบ้าง มีจังหวะให้เขาได้เห็นด้านร้าย ๆ ของภรรยาอยู่เรื่อย ๆ จนชินชา พฤติกรรมเหล่านี้อาจเป็นส่วนที่ทำให้เขาไม่เคยคิดจะบอกหรือรักภรรยาสักที…. ​ ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD