ตึกสูงขนาดใหญ่นี้เป็นสำนักงานกฎหมายเอกชนในเครือบริษัทเดอะเกรทฟีเจอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนด้วยชื่อ The Law by Gf ซึ่งมีประธานทนายความเป็นผู้บริหารสูงสุด
...อาคารรูปตัวยูนี้ไม่ได้สูงเท่าไรนัก แต่เน้นพื้นที่ใช้สอย ด้วยห้องทำงานประจำของทนายความมากกว่าร้อยชีวิต ภายในอาคารตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นยุคสมัยใหม่ สีขาวนั้นแสดงถึงความบริสุทธิ์ สวนดอกไม้กลางอาคารรูปตัวยูนี้ถือเป็นไฮไลต์สำคัญของที่นี่ ที่ทำให้ทนายความหลายคนชอบมาทำงาน รวมถึงประชาชนคนทั่วไปที่สามารถเข้ามาถ่ายรูปได้
เดอะเกรทฟีเจอร์กรุ๊ป...บริษัทที่ประกอบธุรกิจหลายสิ่งอย่าง เป็นกลุ่มนายทุนใหญ่ผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เครือวงศาคณาญาติที่แตกแขนงไปนั้นเหมือนกับรากฝอยที่ค่อย ๆ ชอนไชพื้นดินไปทั่ว ค่อย ๆ กัดกินธุรกิจเล็ก ๆ จนเจ๊งไม่เป็นท่า ธุรกิจเล็กใหญ่นั้นตกอยู่ในเงื้อมมือของนายหัวเรืออย่างพาคินณ์ ประธานกรรมการสูงสุดของเดอะเกรทฟีเจอร์กรุ๊ป ยกเว้นธุรกิจบริษัทกฎหมายแห่งนี้ที่ไม่ใช่ของเขา แต่เป็นของอลัน เกียรติภูมิ
...ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ กองเอกสารกระจัดกระจายอยู่ตรงหน้าเขา รวมถึงเพื่อนทนายความหลายคน และนักสืบที่ทำงานในสังกัดของบริษัทแห่งนี้
“หึ คดีนี้ทำให้คุณดังขึ้นมากกว่าเดิมเลยนะครับ” เสียงของผู้ช่วยทนายคนหนึ่งเอ่ยพูด แต่ชายที่นั่งประจำหัวโต๊ะนั้นกลับส่ายหน้าเบา ๆ
“ผมให้เครดิตคุณดนัยนะครับ เมื่อไหร่จะมาทำงานกับผมจริง ๆ จัง ๆ สักที” ชายหนุ่มเอ่ยพูดน้ำเสียงเนิบนาบ ไม่ได้เร่งรัดหรือออกคำสั่งมากเกินไป เขาหันไปมองนักสืบดนัยที่เอาแต่ยิ้มด้วยท่าทีนอบน้อม
“หึ ผมได้รับคำแนะนำจากคุณเยอะเลย ถ้าอยากให้งานก็เรียกได้ครับ แต่ถ้าให้ผมสังกัดกับบริษัทนี้ผมว่าผมรับความกดดันไม่ไหวหรอกนะครับ” นักสืบรุ่นใหญ่กล่าว ทนายนามว่าอลันคนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมาก คดีความล่าสุดของมาเฟียเจ้าของบ่อนกาสิโนที่ถูกกล่าวหาฆาตกรรมแฟนสาว เจ้าตัวก็ว่าความให้จนชนะคดีไป ชื่อเสียงของเขานั้นทำให้การทำงานยากลำบาก ทั้งต้องแบกรับความกดดันจากคดีความ และเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนทั่วไปอีก
“ทำไงได้ ทำงานรับจ้างก็ต้องมีชื่อเสียง ถ้าไม่ดังใครจะจ้างงาน” ควงปากกาพร้อมกับเอ่ยพูดเสียงเรียบ ใบหน้านิ่งเรียบของอ-ลันนั้นเป็นภาพลักษณ์ที่ใคร ๆ ก็คุ้นชิน ต้องยอมรับว่าสมัยนี้ทนายมีชื่อเสียง มีแสงนั้นมีงานเยอะมาก เขามีหน้าที่สร้างชื่อเสียงเป็นหน้าเป็นตาให้บริษัท ไหนจะพนักงานที่เป็นทนายความในสังกัดบริษัทเขาด้วยที่เขาต้องรับผิดชอบ หากว่าใครต้องการทนายจากที่นี่ต้องจ่ายมากถึงสองเท่าจากที่อื่น ความโด่งดัง มีชื่อเสียงนั้นเป็นดาบสองคมเสมอ มีทั้งคนชื่นชม และคนรอจังหวะซ้ำเติม...
“ปิดคดีนี้ลงแล้วนะครับ ยินดีด้วย” ทุกคนลุกขึ้นยืนพร้อมกับค้อมศีรษะให้กับเขา ก่อนที่ประธานทนายความวัยสามสิบสองปีจะลุกขึ้นพร้อมกับค้อมศีรษะรับเช่นกัน
...อลันในวัยสามสิบสองปีนั้นทุกคนเห็นการเติบโตของเขา หลายคนที่นี่ทำงานมาตั้งแต่รุ่นพ่อของเขา หลายคนที่เข้ามาใหม่ และมีอีกหลายคนที่จับตามองดูการเจริญเติบโตของคนที่จะมาผดุงความยุติธรรมในวงการกฎหมายภายในประเทศนี้ ด้วยความที่พ่อของเขาเป็นทนายที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว งานของเขาจึงหนักมากขึ้นเป็นสองเท่า เพราะต้องแบกรับหน้าตาของพ่อ หน้าตาของบริษัท รวมถึงหน้าตาของตัวเอง
ทนายหนุ่มในชุดสูทเรียบหรูสีดำสนิท ส่วนสูงที่มากถึงหนึ่งร้อยแปดสิบแปดนี้ทำให้เขาดูดีมาก อลันเดินออกจากห้องประชุมโดยมีผู้ช่วยทนายเดินตาม นอกจากส่วนสูงแล้วคงเป็นโครงหน้าสมบูรณ์แบบนี้ด้วยกระมังที่ทำให้พนักงานหลายคนต้องหยุดทำงานเพื่อเงยหน้าขึ้นมองเขา อลันเป็นคนผิวขาวแต่ด้วยวความที่ชอบเล่นกีฬาเอกซ์ตรีมทำให้ตัวเขานั้นดำแดด ทว่ามันกลับไม่ได้ลดทอนความดูดีในตัวของเขาลงแม้นแต่น้อย เรียกได้ว่ายิ่งเพิ่มความเซ็กซี่มากกว่าเดิมถึงจะถูก
นัยน์ตาสีน้ำตาลชวนฝันนั้นก็มีเสน่ห์เหลือคณา อลันตัดผมรองทรงต่ำ ทางด้านหน้าจัดเซตเป็นตัวคอมมา เขาไม่ได้ติดหล่อที่จะต้องเซตผมมาทำงานทุกวัน แต่ด้วยหน้าที่การงานที่ต้องการความน่าเชื่อถืออย่างทนายก็บีบบังคับให้เขาต้องแต่งกายดูดีตลอด ชายหนุ่มยังดูดีมากแม้นจะอายุเข้าเลขสามแล้ว แถมยังเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง
“เดี๋ยวพักก่อนก็ได้ ค่อยมาลุยงานกันต่อ” ฝ่าเท้าหนาชะงักที่บานประตูหน้าห้องทำงานตน ก่อนจะหันไปบอกผู้ช่วยทนายสาว
“ฉันยังไม่เหนื่อยเลยค่ะ พร้อมทำงานนะคะ” ฟ้าใสยิ้มบาง ๆ เธออยากทำให้เจ้านายหนุ่มประทับใจ
“หึ พักบ้างก็ได้ ผมไม่ได้ชอบคนขยันคุณก็รู้” เขาว่าอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก อลันมีสไตล์การทำงานที่ชัดเจน เขาชอบคนฉลาดมากกว่าคนขยัน เพราะบางครั้งคนขยันผิดที่ผิดทางมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นฉันกลับห้องของตัวเองก่อนนะคะ ถ้ามีอะไรก็โทรหาได้เสมอนะคะ”
“ก็แน่สิ...คุณเป็นลูกน้องผมนะ ยังไงก็ต้องโทรไป” อลันหัวเราะ ใบหน้าของเขาผ่อนคลายจากที่ประชุมเมื่อครู่มาก ซึ่งรอยยิ้มของเขาก็ทำให้สาวน้อยคนนี้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ต่างกัน ยิ้มจนไม่รู้ตัวว่าเขากลับเข้าไปในห้องทำงานแล้ว
...ห้องทำงานขนาดใหญ่นี้ใหญ่กว่าห้องของทนายคนอื่นมากกว่าสามเท่าเลยก็ว่าได้ มีป้ายสลักชื่อ ‘ทนายอลัน เกียรติภูมิ’ บรรทัดล่างเป็นตำแหน่ง ‘Chairman of the board of directors’
ชายหนุ่มไม่ใช่แค่รับหน้าที่เป็นทนาย แต่เขาเป็นผู้บริหารด้วยในเวลาเดียวกัน ทำให้เวลาของเขามีค่ามาก เพราะฉะนั้นคดีที่เขารับหน้าที่เป็นทนายให้ต้องเป็นคดีใหญ่ หากไม่ใหญ่มากและพนักงานในบริษัทสามารถจัดการได้เขาก็จะมอบหมายให้
...สายตาคม ทว่านัยน์ตาเศร้าหมองนั้นจ้องมองไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง มองไปยังบางสิ่งบางอย่างที่ดึงดูดสายตาของเขาทุกครั้งที่เดินเข้ามาในห้องทำงาน ชายหนุ่มเดินไปนั่งที่เก้าอี้นวมขนาดใหญ่ เอนแผ่นหลังพิงพนักพิงเก้าอี้โดยที่สายตาคมยังไม่ละสายตาจากบางสิ่งบางอย่างที่ว่านั้น
บางสิ่งบางอย่างที่กระชากหัวใจของเขาให้ร่วงลงพื้น กระนั้นก็ไม่คิดที่จะเอาทิ้งเสียที เก็บมันไว้ดูต่างหน้า ซึ่งบนนั้นจ่าหน้าซองไว้ว่า
‘เรียนเชิญ คุณอลัน เกียรติภูมิ’
เป็นการ์ดสีชมพูที่วางไว้บนโต๊ะทำงานมานานกว่าสองอาทิตย์แล้ว เจ้าของห้องตั้งใจวางไว้เตือนสติตัวเอง ลังเลสองจิตสองใจว่าจะไปงานแต่งงานของเธอดีหรือไม่
ไปในฐานะเพื่อน...หรือฐานะสามีเก่า
หากทำอย่างนั้นสามีใหม่ของเธออาจจะไม่พอใจ แต่ก็อยากจะไปยินดีให้กับรักครั้งใหม่ของเธอ หากสาวเจ้าตั้งใจส่งมาเชิญ แล้วเขาจะปฏิเสธอย่างไรได้
“หึ...” เขาหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นกุมขมับ เมื่อเส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบ ๆ ด้วยความเครียดที่เกิดขึ้นกะทันหันอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว น้ำตาที่ส่อเค้าจะไหลออกมานี้เขารู้ว่ามันเกิดจากอะไร หัวใจชาวาบ...เจ็บแปล๊บยามนึกว่าเธอกำลังแต่งงานใหม่
อยากรู้นัก...อยากรู้เหลือเกินว่าการตัดสินใจของเธอนั้นมีเขาไหม เพราะหมดรักกันแค่นั้นหรือ เธอถึงทิ้งเขาไป ชายหนุ่มยังจำวันหย่าได้ดี...และไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ เธอทำอย่างกับว่าแอบคบชู้ระหว่างอยู่กินกับเขา เธอทำอย่างกับว่าไม่เคยรักกัน ปากบอกว่ารู้สึกอิ่มตัว แต่ทำไม...เขาไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกับเธอเลยสักนิด
...นั่งซึมไปสักพัก เวลาบนผนังก็บอกเวลาเลิกงาน อลันกำลังจะลุกขึ้นยืน ทว่าเสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
ครืด... ครืด...
“หึ ถ้าไม่ถึงเวลาเลิกงานก็คงไม่ดังสินะ” เขาแค่นหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างว่า...เหมือนกับร้านอาหาร หากคิดจะล้างครัวก็มีลูกค้า หากจะเลิกงานก็มีสายเรียกเข้า ชายหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะคว้าเสื้อสูทมาพาดไว้ที่แขนแทนการสวมใส่ เขายื่นมือไปรับโทรศัพท์สำนักงานที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน
ติ๊ด!
[เรียนสายทนายอลันครับ] เสียงต้นสายนั้นไม่คุ้นหูเท่าไรนัก เดาว่าผู้ช่วยของเขาเป็นคนโอนสายนี้มาให้
“ครับ ผมถือสายอยู่” เขาตอบรับเสียงนิ่งเรียบ พร้อมกับเหลือบสายตาไปมองนาฬิกาเป็นระยะ ๆ ทว่า
[พอดีว่าคุณโยษิตาร้องขอให้คุณมาเป็นทนายให้ครับ]
“หือ...” เขานิ่งไปชั่วขณะ เปลือกตาหนากะพริบปริบ ๆ สิ่งที่ได้ยินอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวนั้นทำเอาร่างหนาเซถลา
“วะ ว่าไงนะครับ” ถามย้ำอีกครั้ง แข้งขาอ่อนแรง ชายหนุ่มทรุดกายลงนั่งที่เก้าอี้ทำงานอีกครั้ง ใจของเขานั้นร่วงลงพื้น หัวก็คิดเตลิดเปิดเปิงเพราะคนที่ต้องการทนายนั้นไม่ใช่เรื่องดีแน่
[เธอตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมครับ ตอนนี้ถูกควบคุมตัวที่สน. หากว่าคุณทนาย...] เสียงต้นสายนั้นดังเบาลงเรื่อย ๆ ในโสตประสาทการได้ยิน อลันไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน หูของเขาดับไปชั่วขณะ ได้ยินเพียงเสียงวิ้ง ๆ พร้อมกับก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายที่กำลังทำงานอย่างหนัก...
ฆาตกรรมอย่างนั้นหรือ
โยษิตาเนี่ยนะ...
อลันจะไม่ตกใจขนาดนี้ถ้าเจ้าของชื่อนี้ไม่ใช่เมียเก่าของเขา ชายหนุ่มไม่เชื่อว่าภรรยาเก่าของเขาจะฆ่าใครได้