“อ๊ะ! ทำอะไร!” อมิตาที่ถูกเสื้อคลุมหัวอยู่ดิ้นไปมา เมื่อมือนั่นสัมผัสแผ่วเบาที่แผ่นหลังของเธอ ทั้งยังลากไล้ลงต่ำจนไปหยุดอยู่ที่เอวคอดกิ่ว ไอ้บ้านี่อยากตายใช่ไหม! รู้ไหมเนี้ยว่าเธอบ้าจี้
“ผอมลงรึเปล่า?”
“โอ้ย! จะผอมจะอ้วนก็ช่วยฉันก่อนไหม หายใจไม่ออกแล้วเนี้ย” ทำไมเขามาอยู่ตรงนี้ แล้วพนักงานไปไหนกันหมด แล้วเข้ามาห้องลองเสื้อของผู้หญิงได้ยังไง!
“หลุดแล้วไง แค่นั้นดึงออกเองไม่ได้เหรอ” ภิภพถอยหลัง ไปยืนอยู่ห่างๆ เขามั่นใจว่าต้องใช่เธอ เพราะจำเสียงเธอได้ ไหนจะสร้อยที่เขาสั่งทำเป็นของขวัญวันเกิดให้เธอนั่นอีก ครั้งสุดท้ายที่เขาเจอเธอ คือเดือนที่แล้วในงานแต่งของศิวะ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเธอที่นี่
“ก็ไม่บอก”
อมิตาดึงชุดที่คอมันรัดแน่นออกจากหัว ทันทีที่หลุดไปได้ เธอก็หันกลับไปยืนเผชิญหน้าผู้ชายที่เธอหลบเลี่ยงมาทั้งเดือน แบมือออกไปตรงหน้าผู้ชายที่มีท่าทีนิ่งเฉยอยู่ตลอด เพื่อขอของสำคัญของตัวเองคืน
“เอาของฉันคืนมา” อมิตาเลือกมองลงต่ำ เพราะไม่อยากจะมองหน้าเขาอีก ไม่รู้จะชอบอะไรเขานักหนา หน้าตาก็งั้นๆ ลีลาก็งั้นๆแหละ
“….” ภิภพไม่ยอมคืนของในมือให้เธอ ดวงตาใต้กรอบแว่นไล่มองสำรวจร่างกายที่มีเพียงชุดชั้นในสีเดียวกันทั่วทุกส่วน เธอผอมลงนิดๆ เพราะช่วงไหปลาร้าดูลึกขึ้น เอวก็เล็กลง หน้าตาก็… ดูเศร้า
“เอามาสักที” มือเล็กจับหมับเข้าที่มือใหญ่ แต่ก็ต้องรีบชักกลับ เมื่อมืออีกข้างของเขายกขึ้นมาแตะ เธอจึงสะบัดมือเบาๆเพื่อไล่ความหวั่นไหวที่วิ่งเข้ามาเล่นงานหัวใจจนปวดหนึบ เธอจะไม่หวั่นไหวเพราะเขาอีกแล้ว
“มันขาด ซ่อมเสร็จแล้วจะคืนให้”
“ไม่ต้อง!”
“จะเอาไม่เอา”
“เออ ไม่เอาก็ได้” เมื่อเขาไม่มีทีท่าว่าจะคืน ใบหน้าสวยจึงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ กำลังจะหันหลังกลับไปหยิบของที่วางไว้ มือใหญ่ก็ดึงรั้งข้อมือซ้ายไว้แน่น
“เอาเสื้อผมไปใส่คลุมไว้สิ”
“เสือก!” อมิตาปัดเสื้อที่ยื่นมาให้อย่างแรง ด้วยมือที่เธอพยายามปิดซ่อนอะไรบางอย่างไว้ มองหน้าเขาอีกครั้งด้วยความเฉยชา ก่อนจะก้มลงหยิบเสื้อคลุมชาแนลขึ้นมาสวม แล้วเดินถือกระเป๋ากับชุดที่เหลือออกไป ทั้งๆที่เสื้อคลุมตัวนั้นปิดได้แต่บั้นท้ายกลมกลึงของเธอเท่านั้น
“เอาแต่ใจ”ภิภพพึมพำเบาๆ รู้ว่าเธอเอาแต่ใจตัวเองมาก และเขาไม่เคยชอบนิสัยนี้ของเธอเลย แต่ก็ไม่เคยเห็นเธอแสดงท่าทีแบบเมื่อกี้ใส่เขาเลยสักครั้ง คำพูดที่ออกไปทางหยาบคายเมื่อกี้ก็ด้วย ฟังแล้วรู้สึกจี๊ดๆในใจยังไงก็ไม่รู้
อมิตาเดินฟึดฟัดออกมามองหาพนักงาน ร้านก็ใหญ่โต แต่พนักงานหายหัวไปไหนกันหมด ก่อนที่เธอจะถึงบางอ้อ เมื่อเห็นพนักงานทั้งหมดไปรวมตัวกันอยู่ข้างผู้หญิงผมสีดำสนิท รูปร่างเล็กกว่าเธอมาก นมก็เล็ก หน้าตาก็งั้นๆ ถึงจะสวยแต่ดูตอแหลในสายตาเธอ ไม่รู้ว่าไอ้แว่นนั่นใช้สายตาไหนมอง ถึงได้รักได้หลงมันขนาดนี้
“โทษนะ! ที่นี่มีพนักงานแค่นี้เหรอ!” อมิตายืนกอดอก สายตามองจิกเหมือนที่ชอบทำเวลามีคนทำผิด สายตาที่พนักงานในร้านกลัวจนลนลานเดินเข้าใกล้ แต่เป็นสายตาที่ผู้หญิงตัวเล็กกว่ายิ้มเยาะ แม่ง! มันน่าตบชิบหาย
“ขอโทษค่ะคุณมิว แล้วทำไมออกมาสภาพนี้ค่ะ”
“ชุดนี้มันขาดแล้ว ฉันจะเลือกชุดใหม่” อมิตาไม่ตอบคำถามที่สร้างแววตาสมเพชจากผู้หญิงคนนั้น เธอเดินจากไปเงียบๆ เพื่อเลือกชุดของตัวเองต่อ ชุดเธอมันน่าอายตรงไหน ถ่ายแบบชุดชั้นในอวดร่างกายให้คนทั้งประเทศเห็นก็ทำมาแล้ว กับอีกแค่ชุดชั้นในที่โผล่พ้นเสื้อคลุมมานิดเดียว ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยสำหรับเธอ
Tru Tru
“อะไรอีก!”
[นั่นคือคำทักทายเหรอ]
“ฉันกำลังหงุดหงิดนะ มีอะไรอีกละ” มือเล็กจับโทรศัพท์ออกห่าง เมื่อต้องหยิบชุดมาลองทาบเข้ากับตัว แล้วก็ยกขึ้นใหม่เมื่อชุดที่เลือกไม่ใช่ไซส์ของตัวเอง
[คิดถึง]
“ขอสาระคามิล ฉันเลือกชุดอยู่” อมิตาตัดปัญหาการยกๆวางๆโทรศัพท์ขึ้นแนบหูขณะเลือกชุด ด้วยการเปิดโหมดสปีคเกอร์โฟน แล้วหย่อนโทรศัพท์เครื่องหรูลงไปในกระเป๋าเสื้อคลุมแล้วเลือกชุดต่อ
[อยู่ไหนจะไปรับแล้ว]
“พูดเบาๆ เปิดสปีคเกอร์คุยอยู่ ฉันอยู่ห้าง ไม่ต้องมารับหรอก บอกชื่อร้านมาเลยดีกว่า เสร็จแล้วเดี๋ยวไปเอง”
ชุดเสื้อครอปสีหวานกับกระโปรงสั้นเข้าชุด ถูกหยิบขึ้นมาดูเพราะชุดมันน่ารักมาก เธอก็อยากจะใส่เสื้อผ้าแบบนี้นะ แต่ผู้หญิงแบบเธอคงไม่เหมาะกับมัน เธอจึงเลือกชุดรัดรูปสีแดงที่ขนาดใหญ่กว่าตัวนิดหน่อย เพื่อตัดปัญหาเผื่อเกิดเรื่องไม่คาดฝันแบบเมื่อกี้ขึ้น
[ร้านXX เจอกันกี่โมงดี]
“เร็วหน่อยก็ได้ ไม่อยากอยู่ดึกมาก พรุ่งนี้ทำงาน” อมิตายังคงเลือกชุดต่อ เพราะชอบดีไซน์ของแบรนด์นี้ แม้จะไม่ดังเท่าแบรนด์หรูจากต่างประเทศ แต่ก็เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เลือกเผื่อไว้ใส่ไปเที่ยวกับคนที่โทรมาตอนนี้นั้นแหละ ช่วงคามิลขยันชวนเธอเที่ยวจะตาย เพราะเขาไม่อยากให้เธออยู่คนเดียว
[ขยัน? หรืออะไร]
“ก็ทำตัวแย่มาตั้งสองปีแล้ว เดี๋ยวแด็ดกับมาม๊าไม่ยกสมบัติให้” อมิตาหยิบชุดที่เลือกแล้ว ที่แขวนไว้ในราวอีกสามตัวมาถือ ยังไม่ได้ก้าวไปไหน ก็ถูกผู้ชายหน้าตาดีแต่งตัวแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดยืนขวางทางไว้
“มาคนเดียวเหรอครับ มีแฟนหรือยัง ผมสนใจคุณก็เลยเดินเข้ามาทัก” ใบหน้าขาวเนียนส่งรอยยิ้มที่คิดว่าดูดีที่สุดไปให้ผู้หญิงตรงหน้า พยายามโชว์ความเป็นตัวของตัวเองให้เธอได้เห็น ผ่านเสื้อผ้าเครื่องประดับที่ใส่มาให้ได้มากที่สุด
[มิว!]
“วางสายให้หน่อยสิ!”
ตูดๆ สายถูกตัดไปทันที เพราะปลายสายเดาน้ำเสียงของเธอได้ ถ้าอ้อยอิ่งหรือไม่ทำตาม คามิลรู้ดีว่าเธอจะจัดการเขาด้วยวิธีไหน การชิงวางสายให้เธอได้จัดการผู้ชายที่เข้ามาวุ่นวาย เป็นสิ่งที่คามิลไม่อยากทำแต่ก็ต้องทำ