15.00
อมิตามองนาฬิกาปาเต๊ะในมือ ก่อนจะลุกขึ้นยืนไปหยิบเสื้อคลุมชาแนลมาสวม สะพายกระเป๋าแบรนด์เดียวกัน ที่เข้าคู่กับเสื้อผ้าและรองเท้าที่สวม เพราะคำพูดของคามิลกับทำให้เธอต้องเลิกงานก่อนเวลา
“อ๊ะ! คุณมิวจะไปไหนคะ”
ฉัตรฉายที่เป็นเลขามานานถึงสามปี ถามเจ้านายที่ออกจากห้องก่อนเวลาเลิกงาน แม้เจ้านายจะชอบอู้งานบ่อยๆ แต่ช่วงสามสี่เดือนที่ผ่านมา เจ้านายเธอมาทำงานแทบทุกวัน และไม่เคยเลิกก่อนเวลาเลย ยกเว้นถ้ามีนัดหรือมีธุระอื่นๆ แต่วันนี้ตารางงานของเจ้านายว่างเปล่า ไม่มีนัดหรือมีธุระที่ไหนเลยนี่นา
“ไปเที่ยวกับไอ้หัวเหลือง” เธอกับคามิลอายุห่างกันสามปีก็จริง แต่สนิทกันเกินจะเรียกคามิลว่าพี่ เธอรู้สึกจักจี้ทุกครั้งที่คิดจะเรียกคามิลแบบนั้น
“?”
“คามิลไง! ฉัตรฉายคนซื้อ! ฉันไปได้ยัง” อมิตาพูดอย่างหงุดหงิด เลขาเธอทำงานดี๊ดี แต่ก็ซื๊อซื่อ ไม่เข้าใจคำเปรียบเทียบของเธอเลยสักนิด คามิลผมสีทองโดดเด่นขนาดนั้น อีกอย่างตอนนี้ก็มีเขาคนเดียวป่ะที่เธอไปไหนมาไหนด้วย เพราะไม่มีใครให้เธอหนีงานไปหาอีกแล้ว ไม่มีคนให้โทรไปแกล้ง ไม่มีคนให้ไลน์ไปหาด้วยข้อความยาวเหยียด ไม่มีคนๆนั้นเดือนนี้เข้าเดือนที่ห้าแล้ว
“คุณมิว!”
“ห่ะ!”
“เปล่าค่ะ เห็นคุณยืนนิ่ง นึกว่าลืมของค่ะ”
“ไปแล้วนะ”
อมิตาโบกมือลา เดินเข้าไปในลิฟท์ที่พนักงานกดเพื่อรอเธออย่างรวดเร็ว ยัยเลขาคงถามเพราะคามิลสั่งมาให้จับตาดูเธอแน่ๆ ไม่รู้ไอ้นั่นจะห่วงอะไรนักหนา คนเขาก็บอกว่าทำใจได้แล้ว ยังเป็นห่วงอยู่ได้ วุ่นวายชะมัด!
ห้างดังกลางกรุง 14.00 น.
อมิตาเป็นผู้หญิงที่สูงถึง 168 ร่างกายสมส่วน เพราะมีหน้าอกขนาดใหญ่ตามธรรมชาติ แต่เพราะเธอสูงเพรียวมันจึงดูไม่น่าเกียจมากนัก แม้เจ้าตัวจะรู้สึกเทอะทะในบางที แต่ก็รู้สึกภูมิใจนิดๆ ที่มีหน้าอกขนาดเต็มไม้เต็มมือแบบนี้ ไหนจะเอวที่คอดกิ่วรับกับสะโพกผาย ที่มีท่อนขาเรียวยาวรองรับสรีระทั้งหมด เป็นหุ่นที่ผู้ชายหลายคนเก็บเอาไปฝันเปียกด้วยซ้ำ แล้วทำไมตอนนี้รูปร่างที่เธอเคยมั่นใจ ถึงทำให้เธอไม่ชอบใจได้ขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะรูปร่างนี้ เคยถูกเขาคนนั้นดูถูกตลอดเวลาก็ได้ เธอถึงรู้สึกไม่ชอบใจมันเลย
“โอ้ย! ทำไมถอดไม่ได้”
คนที่กำลังลองชุดอยู่บ่นกับตัวเองเบาๆ หลังจากถอดชุดรัดรูปออกไปทางศรีษะไม่ได้ เพราะมันเกี่ยวคงกับตะขอชุดชั้นในด้านหลังของเธอ ไม่ก็คงเกี่ยวกับอะไรสักอย่างถึงได้ถอดออกไปไม่ได้สักที ไอ้ชุดเดรสสั้นเนื้อไหมพรมสีดำแบบคอเต่าที่เธอเลือกหยิบมาลอง ไม่น่าหาเรื่องให้เธอตอนนี้เลย
“มีใครอยู่ข้างนอกไหมคะ ช่วยด้วยค่ะ!” เมื่อพยายามแล้วไหมพรมยิ่งพันกับตะขอเสื้อไปมา จนดึงลงก็ไม่ได้ดึกออกก็ไม่ได้ เพราะกลัวทำชุดเสียหายไปมากกว่านี้ จึงร้องขอความช่วยเหลือจากพนักงานที่อยู่ด้านนอก
ด้านนอกห้องลองเสื้อที่อมิตาอยู่ พนักงานกำลังไปช่วยลูกค้าคนสำคัญเลือกชุดกันจ้าละหวั่น ภิภพที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำของร้าน มองไปทางพนักงานอย่างชั่งใจ ว่าจะเข้าไปช่วยผู้หญิงที่ร้องขอความช่วยเหลือเอง หรือเดินไปเรียกพนักงานมาช่วยดี
“โอ้ย! ใครก็ได้เข้ามาที จะตายอยู่แล้วเนี้ย”
ภิภพไม่รอช้ารีบดันประตูเบาๆ เมื่อพบว่ามันไม่ได้ล็อกก็เปิดเข้าไปทันที ดวงตาสีดำภายใต้กรอบแว่นสายตาหลุบลงต่ำ เมื่อปะทะเข้ากับบราเซียลูกไม้สีดำกับอันเดอร์แวร์เข้าชุด ร่างกายขาวเนียนสมส่วน อกและเอวนั่นเป็นหุ่นที่หนุ่มๆหลายคนถ้าได้เห็น ต้องเก็บไปฝันแน่ๆ ตัวเขาเองถ้าไม่มีคนรักอยู่แล้ว ก็คงเก็บภาพนั้นไปฝันเหมือนกัน
“ช่วยดึงออกไปหน่อย หายใจไม่ออกแล้ว”
เสียงอู้อี้ดังมาจากคนที่ยังไม่ละความพยายามจะถอดชุดออก ภิภพจึงเดินเข้าไปยืนอยู่ด้านหลังเธอผู้ประสบเหตุ แล้วช่วยถอดเสื้อรัดรูปนี่ออกไป แต่เหมือนมันจะติดอะไรอยู่หลายจุด ทำให้ไม่สามารถถอดออกได้ เขาจึงสวมมันกลับ แล้วมองว่ามันติดกับอะไรกันแน่
“ขอโทษนะ มันติดกับสร้อยที่คุณใส่อยู่”
อมิตาตัวแข็งทื่อ เมื่อเสียงที่เธอคิดว่าเป็นพนักงานฟังคุ้นหู แม้จะไม่ได้ยินทุกวันเหมือนเมื่อก่อน แต่ต้องใช่เขาแน่ๆ ทำไมเธอจะจำเสียงคนที่เธอรักไม่ได้ ต่อให้เขาใช้เสียงแบบไหนเธอก็จำได้หมด ขนาดเสียงเขาตอนไม่สบายเธอยังจำได้เลย แต่มันใช่เวลามาดีใจไหม สภาพเธอตอนนี้มันน่าอายสุดๆ ไปเลย เขาคงเห็นร่างกายที่ไม่ชอบของเธอแล้วสินะ
“…” ภิภพมองลายสร้อยคุ้นตา กับสีผมที่คุ้นเคย หัวใจที่เคยเต้นปกติ อยู่ดีๆก็เต้นผิดจังหวะ มือที่กำลังถอดสร้อยเส้นนั้นสั่นระริก เมื่อถอดมันได้ก็ยกขึ้นมาดูให้แน่ใจ ว่าใช่สร้อยที่เขาสั่งทำมันขึ้นมาพิเศษรึเปล่า
“เร็วๆสิ!”
น้ำเสียงเอ่ยเร่งที่เหมือนพยายามแสดงออกว่ากำลังโกรธไม่ได้ทำให้คนข้างหลังเร่งมือเลยสักนิด มือหนาดึงรั้งเดรสรัดรูปที่แน่นกว่าไซส์ร่างกายเธอขึ้นอีกครั้ง ลงมือปลดด้ายที่หลุดมาพันกับตะขอบลาของเธอช้าๆ แอบสำรวจแผ่นหลังขาวเนียน เรื่อยลงไปจนถึงสะโพกกลมกลึงที่รับกับขาเรียวสวย