ตอนที่ 2
ปลาช่อน(ของ) ผมอร่อยมาก
หลังจากอบรมวันแรกเสร็จเรียบร้อย อรรคณิตไม่ได้กลับโรงแรมแต่ขับรถตรงไปยังตลาดแห่งหนึ่ง ซึ่งจำได้ว่าตลาดแห่งนี้มีร้านขายขนมไทยโบราณร้านหนึ่ง มาถึงเชียงใหม่ทีไรต้องแวะกินเป็นประจำ และมาคราวนี้ก็ไม่พลาด!
และก็ถือโอกาสสำรวจตลาดเย็นแห่งนี้ไปด้วย
ทว่ามีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เพราะหลังจากที่เขาได้ขนมหวานตามต้องการแล้ว ระหว่างทางที่เดินออกมานั้น ทำให้เจอ ‘ยัยป้าแว่นหนาเตอะ’ อยู่หน้าร้านขายปลา
พอเห็นหน้าและแน่ชัดว่าเป็นเธอเท่านั้นล่ะ คันปากยิกๆ อยากจะทักทาย แต่ก็กลัวเสียแต้ม เขาจึงแกล้งเดินเข้าไปดักทางไว้
ความไม่พอใจจึงบังเกิด...
“เอ๊ะ! คุณ” แก้วกัญญาโคตรสงสัยและแปลกใจที่ได้มาเจอเขาอีกครั้ง และเจออยู่ที่นี่ ที่ๆ เป็นถิ่นของเธอ...เจียงใหม่บ้านเฮา
ส่วนนายตำรวจหนุ่มกวาดสายตาคมกริบมองคนตรงหน้า ไล่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วพ่นเสียงทุ้มลอดผ่านกลีบปากหยักสีกุหลาบสดออกมา
“นี่คือคำทักทายแรกที่พบกันหรือครับ คุณครูหมูป่า” ให้ตายเถอะ นี่มันปากหรือกรรไกรผ่าตัด ทำไมถึงคมนัก!
หมูป่า! พูดมาได้! เธอไม่ได้อ้วนขนาดนั้น... ส่วนสูง 165 น้ำหนักก็ 50 ปลายๆ
แก้วกัญญาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ควบคุมอารมณ์ไม่ให้พุ่งปรี๊ด แล้วหันไปเอ่ยกับป้าเจ้าของร้านขายปลา
“นี่จ้ะป้า ค่าปลา”
“จ้ะ ครูแก้ว” ยื่นถุงปลาช่อนให้ และไม่ทันที่หญิงสาวจะยื่นมือไปหยิบเอา คนตัวใหญ่รีบชิงมาไว้ในมือได้สำเร็จ ทำให้แก้วกัญญาไม่พอใจสุดๆ อยากจะต่อว่าดังๆ แต่ต้องอดกลั้นเอาไว้ เพราะที่นี่ คือ ตลาดสด ถ้าเสียงดังโวยวายเดี๋ยวบรรดาพ่อค้าแม่ขายได้แห่กันมาดู
ครูสาวจึงพูดเพียงว่า
“เอาถุงปลาฉันมานะ”
เห็นท่าทางเกรี้ยวกราดของคนตรงหน้าแล้ว นายตำรวจหนุ่มอดขำไม่ได้ และไม่วายกวนประสาทด้วยประโยคห่ามๆ
“ชอบกินปลาช่อนก็ไม่บอก ‘ปลาช่อน’ ผมอร่อยมาก ไม่รู้เหรอ” คำพูดสองแง่สองง่าม ทำให้หญิงสาวหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก ส่วนแม่ค้าที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลต่างพากันหัวเราะคิกคัก
ด้วยความอับอายทำให้แก้วกัญญาอยากจะมุดพื้นซีเมนต์หนีสุดๆ
“ทุเรศ!” อรรคณิตเห็นค้อนวงงามที่เธอส่งมาแล้วพึงพอใจ จึงได้เอ่ยตอบกลับเสียงกลั้วหัวเราะ
“ทุเรศตรงไหน ก็ปลาช่อนที่อยู่สระ บ้านสวนของผมน่ะอร่อย เดี๋ยววันหลังเอามาฝาก”
ได้ยินคำแก้ต่างข้างๆ คูๆ ของเขาแล้ว แก้วกัญญาย่นจมูกใส่ ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานแกมห้วนโต้ตอบ
“เก็บความปรารถนาดีของคุณไว้เถอะ ฉันไม่ต้องการ เอาถุงปลาฉันมา”
“ถ้าอยากได้ก็พูดเพราะๆ ครับคุณครูแก้วหมูป่า” ล้อหญิงสาวด้วยความมันเขี้ยว ผู้หญิงบ้าอะไรเจอเมื่อไรต้องออกกำลังกายปากเมื่อนั้น
ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่วิสัยของเขาสักนิด!
“หยุดเรียกฉันแบบนั้นเลยนะ” ได้ยินเสียงหวานตวาดสั่ง คนชอบก่อกวนยิ่งสนุกปาก
“อ้าว! ก็หุ่นของคุณครูเหมือนหมูป่าจริงๆ นี่ครับ แยกไม่ออกเลยว่าอันไหนอก เอว และสะโพก คนบ้าอะไร สัดส่วนเท่ากันทั้งตัว เผลอๆ พุงนำนมแล้วนะครับ”
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อีกครั้ง ก่อนจะสั่งด้วยน้ำเสียงจริงจังและท่าทางเอาจริง
“เอาถุงปลาฉันมา แล้วจะเสด็จไปทางไหนก็เรียนเชิญ” ยื่นมือออกไปรับถุงปลาแต่ต้องหน้ามุ่ย เมื่อคนตัวใหญ่ไม่ยอมคืนให้ แต่เขากลับยื่นมือหนามาแตะฝ่ามือเรียวบาง ซึ่งครั้งแรกที่สัมผัสคุณครูสาวสะดุ้งตื่นตกใจร้อนวาบถึงใบหน้า ก่อนจะรีบสะบัดออกอย่างรวดเร็ว
อรรคณิตเห็นอาการครูสาวแล้วยิ้มชอบใจ
“เดี๋ยวผมถือไปส่งที่รถ”
แก้วกัญญาตวัดสายตามองแล้วเอ่ยตอกกลับด้วยความโมโห
“ไม่ได้ขอความอนุเคราะห์ อย่าสอใส่เกือกค่ะ” นอกจากจะไม่สะทกสะท้านกับคำต่อว่าแล้ว ชายหนุ่มยังเอ่ยเสียงทุ้มออกมาพร้อมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ยังถือว่ารักษามาตรฐานได้ดีเยี่ยม”
ผู้ชายคนนี้หน้าด้านและหนาเกินกว่าที่เธอคิด จะไม่ขยับปากถามให้เปลืองน้ำลายสักนิดถ้าเขาไม่ต่อรากปากคำกับเธออีกครั้ง รวมทั้งคนรอบข้างต่างก็หันมาให้ความสนใจกันสุดๆ
“มาตรฐานอะไรหรือคะ”
“ก็ยังปากจัดเหมือนเดิมไงครับ คุณครูแก้ว” โน้มหน้าเข้ามากระซิบใกล้ๆ
“ถะ ถอยออกไปเลยนะ” เสียงและหัวใจสั่นไม่แพ้กัน
อรรคณิตเห็นอาการแล้วกดมุมปากยิ้ม ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “ถ้าอยากให้ถอยออกห่างๆ ก็บอกมาว่ารถจอดอยู่ไหน เดี๋ยวถือไปส่ง”
“อะ เออ” หญิงสาวเหลือบตามองรอบๆ เห็นบรรดาแม่ค้าต่างจ้องมองมาที่ตนเป็นจุดเดียว
และไอ้คนตัวใหญ่นี่ก็ไม่ยอมถอยห่างไปไหน ขยับเข้ามาใกล้จนจะหลอมรวมร่างกับเธอแล้ว!
“ว่าไง หือ... รถจอดอยู่ไหน” ท้ายประโยคแก้วกัญญาได้ยินเสียงแค่เพียงผาดแผ่ว เพราะเธอมัวแต่ตระหนกตกใจกับปลายจมูกโด่งที่กำลังซุกไซ้พวงแก้มใส
“ยะ อยู่หลังตลาด”
“ก็แค่นี้”
นายตำรวจสุดหล่อยอมผละห่าง แล้วเดินนำหน้าหญิงสาวไปอย่างสบายใจ ทำให้คนเดินตามหลังบ่นอุบ
“ตำรวจบ้าเอ๊ย!”
อรรคณิตได้ยินแต่เขาไม่หันมาสนใจ
ครั้นใกล้ถึงรถ หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วเอ่ยเสียงดัง
“เอาถุงปลามา เดี๋ยวฉันถือไปรถเอง”
อรรคณิตเบื่อคนพูดไม่รู้เรื่อง แต่ก็แปลกที่เขาไม่ยักโกรธ กอรปกับอยากจะกวนประสาทเธอ จึงเอ่ยเชิงเหน็บเบาๆ
“ก็บอกว่าจะไปส่งที่รถไง เป็นครูภาษาไทยได้ยังไง คุยภาษาไทยไม่รู้เรื่อง”
แก้วกัญญาไม่นึกเอะใจเลยว่า ชายหนุ่มไปรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเธอมาจากไหน เพราะแม่คุณมัวแต่สนใจถุงปลาในมือใหญ่นั่น!
“อย่าว่าฉันนะ เอาถุงปลามาเดี๋ยวนี้”
ขณะเดียวกันสมาร์ทโฟนของนายตำรวจหนุ่มส่งเสียงดังขึ้น สร้างความรำคาญพอควรเมื่อคนที่โทรมาโทรกระหน่ำไม่หยุด จึงล้วงมือใหญ่เข้าไปข้างในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบขึ้นมาดู ช่วงที่เขาเผลอหญิงสาววิสาสะแย่งถุงปลาของตนมาไว้ ก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินตรงไปยังรถที่จอดอยู่
“ยัยครูหมูป่าเอ๊ย!”
จากนั้นอรรคณิตหันมาจัดการเครื่องมือสื่อสารตัวปัญหา ครั้นเห็นเบอร์โชว์หราแล้วนายตำรวจหนุ่มถึงกับหายใจไม่คล่อง เพราะคนโทรมาเป็นกิ๊กเบอร์เท่าไรก็จำไม่ได้ จำได้เพียงว่าเคยเจอกันเมื่อคราวไปงานเกษตรแฟร์ ดีกรีเป็นถึงลูกสาวผู้ว่าราชการจังหวัด ชื่อ ‘ลูกชุบ’ แม่คุณไม่ได้หวานอร่อยเหมือนชื่อแต่ตรงกันข้ามเปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟัน! แต่งตัวนี่แบบผลไม้เปรี้ยวทั้งสวนมากองรวมกันยังอาย เพราะเธอแต่งตัวเปรี้ยวมากๆ
และนายตำรวจหนุ่มก็เลือกปฏิเสธการนัดออกไปทานข้าวกับเธอ เนื่องจากตอนนี้เขามีภารกิจตามติดรถเก๋งสีขาวที่กำลังขับเคลื่อนออกไป อยากรู้ข้อมูลว่าเธอเป็นใคร บ้านอยู่ไหน อยากรู้จักให้มากกว่านี้ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาสนใจยัยคุณครูปากจัด หุ่นหมูป่า แต่งะตัวเฉิมและเชยนี่! หรือว่าเขาอยาก ‘ลอง’ ของแปลก!
กริ๊ง... กริ๊ง...
เสียงโทรศัพท์แบบตั้งโต๊ะดังกังวานกลบเสียงละครทีวี ซึ่งแก้วกัญญาได้ยินแล้วค่อนข้างโมโห เพราะมันรบกวนเวลา ‘ฟิน’ หน้าจอ พระนางกำลังพูดประโยคสำคัญ พลันทำให้เธอนึกโทษคนโทรมาไม่รู้จักเวล่ำเวลา ก็ร้านเบเกอรี่น่ะปิดแล้ว แต่ไม่ลูกค้าท่านใดนึกขยันโทรมาเวลาเกือบสี่ทุ่ม...
วางหมอนลงพื้นโซฟานุ่ม แล้วเดินกระแทกเท้าตรงไปรับสาย
“สวัสดีค่ะ ‘หอมกรุ่น ละมุนรัก’ เบเกอรี่ค่ะ” ถึงจะโมโหจนเลือดขึ้นหน้า แต่ด้วยจรรยาบรรณของแม่ค้าต้องกรอกเสียงหวานทักทายลูกค้าอย่างสุภาพ
ทว่าถ้อยประโยคที่ปลายสายตอบกลับมา ทำให้คนโดนขัดจังหวะดูละครต้องทำหน้าไม่พอใจ
“แก้มลูกสาวเจ้าของร้าน ‘หอม’ เหมือนชื่อร้านหรือเปล่าครับ” น้ำเสียงคุ้นหูและกวนประสาทแบบนี้ เธอจำได้แม่น! เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ไอ้คุณตำรวจปากจัด!
นึกแล้วเชียวว่าคนที่ไร้มารยาทโทรมาไม่ดูเวลาต้องเป็นเขา เอ๊ะ! ว่าแต่เขาไปเอาเบอร์นี้มาจากไหนล่ะ? ถึงจะสงสัยแต่ก็ไม่เอ่ยถาม
“ถ้าจะโทรมากวนประสาทก็วางซะ”
“ไม่ได้โทรมากวนประสาท แค่จะโทรมาบอกฝันดีครับคุณครูหมูป่า”
เขานี่ยังไง ตามตอแยไม่เลิก และจะไม่ถือโทษโกรธจนควันออกหูแบบนี้ ถ้าไม่เรียกเธอว่า ‘คุณครูหมูป่า’
แก้วกัญญาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเอ่ยตอบกลับ
“โรคจิต” พูดจบรีบวางสาย ถ้าเขาโทรมาอีกละก็ เธอจะถอดสายโทรศัพท์ออก ผู้ชายบ้าอะไร นอกจากจะทำให้เธออายแม่ค้าและคนทั้งตลาดแล้ว ยังป่วนประสาทไม่เลิก! นี่ยังไม่นับรวมกับครั้งที่มีปากเสียงกันตอนอยู่โรงพักเมื่อคราวจ่ายเงินค่าปรับนั่นอีก!
ส่วนอรรคณิตหลังจากโดนวางสายใส่ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข บอกเลยว่าไม่เคยกวนประสาทผู้หญิงคนไหนแล้วมีความสุขเท่ากับกวนประสาทยัยครูหมูป่าปากจัดคนนี้มาก่อน ตลกเป็นบ้า!