เกิดใหม่...ใกล้เธอ
4
ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่หนักแต่ก็ไม่ขาดสาย ให้ความรู้สึกชุ่มชื้นแต่ก็เย็นเชียบเข้าไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ
ภายในห้องนอนของบ้านหลังใหญ่ มีหญิงสาวดวงตากลมโตภายใต้กรอบขนตาดำดกงามงอน ปากนิดจมูกหน่อย ผมดำยาวสลวยหยักศกเป็นลอนๆ ผิวขาวผ่องเป็นยองใยมองผ่านๆเจ้าหล่อนหน้าตาสะสวยราวกับตุ๊กตาบาร์บี้ มองตรงๆก็เป็นผู้หญิงสวยที่หน้าตาน่ารักน่าทนุถนอม
หญิงสาวนั่งซึมในท่ากอดเข่าจ้องมองสายฝนที่โปรยปรายผ่านม่านหน้าต่าง ปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างเชื่องช้าเพราะไม่ได้รีบเร่งที่จะออกไปไหน
เนื่องจากช่วงนี้เข้าสู่การปิดภาคเรียนพอดี และบรรยากาศก็เริ่มเข้าสู่ฤดูฝน อากาศหนาวเหน็บแบบนี้มันยิ่งทำให้เธออยากซุกตัวอยู่แต่ในห้องนอนไม่อยากขยับเขยื้อนใดๆ
เมื่อความทรงจำในชาติที่แล้วเริ่มเด่นชัดขึ้น ๆ ในทุกๆวัน ข้อเสียของมันก็คือความเจ็บปวดจากการพลัดพรากในอดีตชาติ เธอยังไม่ได้เริ่มออกตามหาผู้เป็นเจ้าของของหัวใจ เพราะยังไม่พร้อมที่จะรับรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วหรือไม่
ยังไม่กล้าแม้แต่เสิร์ชหาชื่อของเขาในอินเตอร์เน็ต ในสมัยที่นวัตกรรรมล้ำหน้าแบบนี้การจะหาตัวใครสักคนมันไม่ได้ยากเย็นขนาดนั้น เพียงแต่หัวใจดวงน้อยยังไม่พร้อมเพราะเกิดการขลาดกลัวที่จะพบกับความจริง ความจริงที่มันอาจจะไม่ได้ตรงกับใจที่เธอต้องการ
ก๊อก ๆ ๆ
"หยง! อยู่มั้ยลูก?"
"คะแม่"
ตันหยงกระโดดลงจากเตียงไปเปิดประตูให้ผู้เป็นมารดา
"แม่ไปทำงานก่อนนะ วันเกิดลูกปีนี้จะจัดเลี้ยงกับเพื่อนๆมั้ยจ้ะ?"
"ลืมไปเลยค่ะแม่ นัดกับยัยตาเอาไว้ อีกสักพักก็คงจะมาแล้วล่ะค่ะ"
"ตาไหนจ้ะ?"
"เพื่อนใหม่ในกลุ่มค่ะคุณแม่ เพิ่งจะรู้จักกันได้สองสามเดือน แต่คุยกันคลิ๊กสุดๆน่ารักมากๆเลยค่ะ เดี๋ยวคุณแม่ก็รู้จัก"
"แม่ต้องรีบไปโรงพยาบาลน่ะจ่ะ คุณพ่อออกไปแต่เช้าแล้วเอาไว้คราวหน้านะลูก"
"คุณพ่อออกไปแล้วเหรอคะ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเจอกับคุณพ่อเลย ลูกไม่สบายอยู่แท้ๆ"
"อย่างอนคุณพ่อเลยช่วงนี้คุณพ่อมีผ่าตัดหลายเคส เอาไว้ว่างๆเราค่อยไปเที่ยวพักผ่อนกันนะลูกรัก เดี๋ยวแม่ต้องไปทำงานแล้ว ม่ะ ชื่นใจหน่อย"
ทั้งคู่สวมกอดกัน ตันหยงหอมผู้เป็นมารดาไปหนึ่งฟอดใหญ่ก่อนที่คุณแพรวาจะรีบปลีกตัวออกไปทำงาน บิดาและมารดาของตันหยงเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง และทั้งคู่ก็เป็นถึงอาจารย์หมอแล้ว
แต่เนื่องจากตันหยงนั้นแค่เห็นเลือดก็กลัวจนตัวสั่นแล้ว เลยไม่ได้สานต่อเจตนารมณ์ของตระกูลคุณานนท์ แต่เธอเลือกที่จะเรียนบริหารธุรกิจแทนเพื่อสานต่อธุรกิจของครอบครัวไปได้เหมือนกัน ตามแบบฉบับของคนรวยทั่วๆไป
"เกิดเป็นลูกคนเดียวก็เหงาเหมือนกันนะ คิดถึงพี่ภาคินจัง "
อยู่ๆตันหยงก็คิดถึงพี่ชายเมื่อชาติที่แล้วขึ้นมา เธอนั้นแอบไปส่องแอคเคาน์ไอจีของผู้เป็นพี่ชายอยู่เสมอๆ และก็แอบเปิดดูรูปอยู่เรื่อยๆ เจอหลานตัวน้อยแฝดชายหญิงอายุประมานสี่ห้าขวบ น่าตาน่ารักจนตันหยงแอบยิ้มทั้งน้ำตาอยู่เสมอยามที่ได้แอบมองผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
"พี่ภาคินขี้เหร่จะตาย ทำไมมีหลานให้วนิดาน่ารักถึงเพียงนี้"
ตันหยงอดไม่ได้ที่จะพูดเหย้าภาคินขึ้นมาด้วยความหมั่นไส้นิดๆเมื่อคิดถึงเขา ในขณะที่เลื่อนดูรูปในโทรศัพท์มือถือไปเรื่อยๆ
รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าพร้อมๆกับน้ำตาแห่งความคิดถึงก็ไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้ว่าเมื่อชาติที่แล้วจะทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลา
เนื่องจากภาคินนั้นชอบแกล้งชอบแหย่เธอให้ร้องไห้อยู่เสมอ แต่ภายในใจของเธอนั้นก็รักผู้เป็นพี่ชายมากเช่นกัน ความผูกพันธ์ทางสายเลือดไม่มีวันที่ตันหยงในชาตินี้จะตัดขาดได้
แต่ถึงกระนั้นก็ทำได้เพียงเฝ้ามองดูอยู่ห่างๆ ไม่อาจจะแสดงตัวกับพวกเขาได้ เนื่องจากอาจจะโดนกล่าวหาว่าบ้ายังไม่พอ คงจะโดนห้ามไม่ให้เข้าใกล้อีกเป็นแน่และก็ไม่วายที่จะถูกมองเป็นบุคคลแปลกประหลาด
ตันหยงรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อลงมารอกวินตาเพื่อนที่มหาวิทยาลัย เนื่องจากวันนี้นัดกันมาเที่ยวที่บ้านของเธอ
ตันหยงออกจะรู้สึกประหลาดตัวเองอยู่สักหน่อย ทันทีที่ได้รู้จักพูดคุยกับกวินตาก็รู้สึกถูกชะตาและสนิทกันอย่างรวดเร็วจนตอนนี้แทบจะตัวติดกัน แต่เนื่องจากอยู่ในช่วงปิดภาคเรียนเลยต้องนัดกันมาเจอที่บ้าน
"ตันหยง Hi!"
เสียงหวานใสดังกังวานขึ้นทันทีที่แม่บ้านไปเปิดประตูให้กวินตาเข้ามาในบ้าน
"มาเร็วจังเลย"
"พี่ชายตามาส่งน่ะ"
"หือ ตามีพี่ชายด้วยเหรอ หยงไม่รู้เลยนะเนี่ยยย"
"มีสิ เป็นอาจารย์สอนพิเศษที่มหาลัยของเราด้วย เปิดเทอมหยงคงจะได้เจอ แถมพี่ชายตาน่ะฮอตมากๆ ตอนนี้ยังไม่มีแฟนเลยอายุก็ปาเข้าไปสามสิบห้าแล้วนะนั่น"
"ต้องหล่อเบอร์ไหนนร้า ถึงได้ฮอตขนาดนั้น อวยซะจนหยงอยากจะรู้จักซะแล้วสิ"
"ถ้าวันไหนพี่ชายตาว่างสอนพิเศษ หยงไปเรียนกับเราที่บ้านนะ"
"สอนวิชาอะไรบ้างน่ะ?"
"หลายวิชาเลย แต่ตาชอบภาษาญี่ปุ่น พี่ชายเราพูดภาษาญี่ปุ่นเก่งมาก"
"งั้นดีเลย สมัครแล้วหนึ่ง"
"อนุมัติ!"
"ป่ะ แล้ววันนี้เราจะไปไหนกันดี หรือนอนโง่ๆอยู่บ้านดูซีรีส์"
"ถ้าไม่ติดกับฝนตกก็จะออกไปอยู่หรอกนะ แต่ว่าตอนนี้อยากเป็นคนโง่มากกว่า อิ อิ"
ทั้งคู่หัวเราะออกมาแล้วกำลังจะพากันจูงมือเดินขึ้นไปชั้นบนห้องส่วนตัวของตันหยง
"ยัยตา! ลืมโทรศัพท์ไว้ พี่เอามาให้"
ทั้งคู่หันไปมองตามเสียงเรียกพร้อมๆกัน ทันทีที่ตันหยงเห็นผู้ชายตรงหน้าเธอถึงกับตะลึงในความหล่อไปชั่วครู่แต่มากไปกว่านั้น คือเขาเหมือนกับ..ชานนท์มากๆ
"เอ้า เหรอคะ ขอโทษค่ะ พอดีเลยพี่นนท์นี่ตันหยงเพื่อนสนิทของตาค่ะ"
"หยง นี่พี่ชานนท์ที่เราเล่าให้ฟัง"
"สะ สวัสดีค่ะ "
ตันหยงยกมือขึ้นไหว้เขา เธอแน่ใจทันทีว่าผู้ชายตรงหน้าของเธอคือชานนท์อย่างแน่นอน เธอมองเขานิ่งอย่างดีใจเป็นที่สุดที่ได้พบเจอเขาอีกครั้ง
"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เห็นจ้องหน้าพี่นานขนาดนั้น"
ชานนท์โบกมือไปมา เมื่อเห็นตันหยงจ้องเขานิ่งแทบจะไม่กระพริบตา
"อ๋อ พอดีว่า พี่ เอ่อ หล่อมากค่ะ ไม่คิดว่ายัยตาจะมีพี่ชายหน้าตาดีขนาดนี้"
น้ำตาเจ้ากรรมเริ่มที่จะเอ่อล้นออกมาจนตันหยงต้องรีบปรับทุกอย่างให้เป็นปกติที่สุด กลัวว่าชานนท์จะมองเธอเป็นคนแปลกพิกลตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้ากัน
"เห็นมั้ยล่ะ ตาบอกแล้ว เอ่อได้โทรศัพท์แล้วพี่นนท์ ไม่รีบไปไหนเหรอคะ?"
กวินตารีบไล่พี่ชายทางอ้อม
"ไปสิ ไปก่อนนะ จะกลับตอนไหนก็บอกพี่จะมารับ"
"ค่ะบายๆ"
ทั้งคู่พากันเดินขึ้นไปชั้นบน ตันหยงหันมามองเขาอีกครั้ง พร้อมๆกับที่เขาก็หันมามองเธอเหมือนกัน สายตาประสานสายตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะรีบหันกลับไป
'ทำไมเหมือนเคยเจอเพื่อนยัยตาที่ไหน แต่นึกไม่ออก'
ชานนท์รีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป แล้วรีบเดินจ้ำอ้าวไปที่รถ
ในใจยังนึกถึงแววตาคู่นั้นอยู่มันคุ้นๆราวกับว่าเขาเคยเจอที่ไหน แววตาของตันหยงดูเศร้าปนความรู้สึกแปลกๆบางอย่าง
'หรือจะคิดมากไปแล้วเรา'