เอาให้รู้ว่าทุกอย่างมีอยู่จริง

2620 Words
เมืองไทย ปัจจุบัน       ในห้องโถงที่เงียบสงบ หากวันนี้กลับทำให้คนที่อยู่ประจำร้อนรนด้วยคำพูดปลายสายจากแดนไกล “ธิป แม่ไม่เห็นด้วยที่จะทำแบบนั้นนะลูก แม่ขอ...คิดให้ดีก่อนทำ แม่เป็นห่วงรู้มั้ย” เสียงร้องห้ามปลายสายทำเอาคนที่เพิ่งรับสายคิ้วขมวดเป็นปม ‘วันนี้คุณนายปรางวลัยมาแปลก’ ผู้เป็นลูกชายอดแปลกใจไม่ได้ ที่อยู่ ๆ โผล่มาถามคำถามที่เขาไม่รู้คำตอบ จะตอบว่าอย่างไรดี “แหม...แม่ครับ ยิงคำถามผิดไปหรือเปล่า ปกติจะสั่งสอนอะไรผม ต้องถามสภาพความเป็นอยู่ของลูกชายก่อนเสมอนี่ครับ” เขาเอ่ยน้ำเสียงเย้าปลายสายมีเสียงอีกฝ่ายดัง หึ! ทำเอาคนหนุ่มถึงกับใจแป้ว สงสัยงานนี้มารดาเขาจะเอาจริง! “ไม่ต้องทำมาเป็นพูดดี คนอย่างนายอณาธิปทำอะไรลงไป แม่คิดว่าสภาพความเป็นอยู่ของร่างกายและจิตใจสมบูรณ์ดีแล้วถึงคิดจะทำ แต่แม่ไม่เห็นด้วยหรอกนะ” ก็ข่าวที่รับรู้มามันน่าฟังซะที่ไหน แล้วนี่เมืองไทยข่าวคงดังกระฉ่อนไปทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ขนาดนางอยู่ถึงต่างเมือง ยังดังข้ามน้ำข้ามทะเลให้ตกใจเล่น ผู้หญิงเปรี้ยว รู้แต่แต่งตัว นางไม่ชอบ! คิ้วขมวดงุนงง จนเจ้าของวัย 30 หน้าผากเกิดเป็นรอยหยัก “อะไรครับ ที่คุณแม่บอกว่าไม่เห็นด้วย” คนที่มีเรื่องให้ตัดสินใจทำบางอย่างฉุกคิดว่ามันเป็นเรื่องอะไรกันแน่ เพราะเขามีหลายเรื่องจนไม่รู้ว่าแม่จะเห็นด้วยกับเรื่องอะไรบ้าง และมีเรื่องในอดีตรวมอยู่ด้วย “ก็เรื่องนั้นไง” เสียงปลายสายเอ่ยอย่างร้อนใจ นางคิดว่าคนที่คุยสายด้วยเข้าใจเช่นเดียวกัน “แล้วมันเรื่องไหนล่ะแม่ ผมมีตั้งหลายเรื่อง คิดว่าแม่ได้ฟังแล้วคงห้ามจนหูผมร้อนแน่ ๆ” คนมีเรื่องจริง ๆ เริ่มไม่ไว้ใจคำขอ เพราะเรื่องบางเรื่องเขาต้องปิดคนในครอบครัวให้ถึงที่สุด ใบหน้าเข้มงอง้ำปรับท่าทางเพื่อผ่อนคลายไปในตัว สองขาแกร่งที่ยังอยู่ในห้องทำงาน ยกพาดไปบนโต๊ะทำงาน เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยขบ โดยในใจครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน ก่อนที่มารดาจะโทรมา “วันนี้แม่ใจดีจัง โทรทางไกลมาหาผม” เขาทำเฉไฉไปเรื่องอื่น เพื่อเลี่ยงคำขอ ที่เขาไม่รู้จะหาคำตอบไหนมายืนยันและให้ได้ “ตาธิป! นี่แม่เพิ่งกลับนะลูก จะให้แม่บินกลับไปจัดการกับแกอีกรอบหรือไง” ผู้เป็นแม่เอ่ยบอกลูกชายเสียงขุ่น ใช่ นางเพิ่งกลับไปได้ไม่ถึงเดือน ข่าวคราวลูกชายก็เริ่มดังเข้าหูให้ได้ยินอีกระลอก ทั้งที่เพิ่งจัดการเรื่องแต่งงานให้น้องสาวไปไม่นาน “คร้าบบบ” เขารับเสียงยานคาง ไม่คิดว่าแม่จะเอาเรื่องเขาจริงๆ หรอก “อย่าทำเป็นเล่น แม่ไม่ชอบ ลูกต้องดูให้ดีไม่ใช่ไปคว้าใครมาก็ได้ แม่ไม่ชอบ ไม่ว่ารวยหรือจน แม่รับได้ แต่ขอให้ลูกรักจริง ไม่ใช่แค่ฉาบฉวย ลูกกำลังเอาเปรียบผู้หญิงลูกรู้ตัวหรือเปล่า...” “แม่...!” เสียงทุ้มเรียกออกไปไม่เบานัก แต่ก็ไม่ใช่ตวาด เมื่อเสียงอีกฝ่ายเงียบไป คิดว่าสิ่งที่คนเป็นแม่ต้องการจะพูด คงพูดออกมาหมดแล้ว “แม่จะไม่พูดซ้ำ... ลูกโตพอที่จะเป็นหัวหน้าครอบครัวได้แล้ว เรื่องทุกเรื่องตัดสินใจให้ดี เพราะนั้นมันหมายถึงทั้งชีวิตที่ลูกจะอยู่กับมัน” ตู๊ดๆๆ “แม่ แม่!” ไม่ทัน เมื่อมารดาวางสายไปแล้ว เครื่องมือสื่อสารราคาแพงยังอยู่ในกำมือหนา คำพูดและเสียงห้ามของผู้เป็นแม่ยังคงเฝ้าเวียนอยู่ในสมอง แม้จะผ่านไปไม่กี่วินาที โดยเหมือนกับว่า คำพูดนั้นกำลังเวียนเริ่มต้นใหม่อยู่เช่นเดิม “ผมไม่ยอมแพ้ ให้คนที่ฉกฉวยโอกาส ยามที่เราล้มแล้วข้าม โดยไม่ได้เอาคืนหรอกครับ” เสียงแหบแห้งเอ่ยเปล่งออกมาเบาๆ เหมือนต้องการฝากลมไปอีกต่อ เพื่อเป็นคำถามให้คนเป็นแม่ที่อยู่ไกลคนละฝากโลก เขาไม่อยากให้คนในครอบครับรู้ว่าเขาจะทำอะไร และพยายามคิดว่าสิ่งที่แม่เขาร้องขอ เป็นคนละเรื่องกัน! ความอ้างว้างไร้คนเคียงบ่าเคียงไหล่ไม่เจ็บปวดเท่าครอบครัวที่มีอยู่ครบ แต่กลับไม่เคยได้อยู่พร้อมหน้า ความอบอุ่นที่ควรได้รับจากคนในครอบครัว มันช่างหากไกลความจริง อ้อมอกอุ่นที่เขาอยากพักพิงยามอ่อนล้า ฝ่ามือนุ่มๆ บีบกระชับยามเหน็ดเหนื่อยหรือคำพูดอ่อนหวานปลอบประโลมยามที่ท้อแท้ แต่กลับไม่มียามที่เขาต้องการ... กรามหนาขบเข้าหากันจนเกิดเสียง เส้นเลือดบนหน้าผากบวมบูด เมื่อเล่นงานทางพ่อให้จมไม่ได้ ทางเดียวคือ... สายตาคมเข้มมุ่งมั่นหรี่แคบ มือหนากำสิ่งที่อยู่ในมือแน่นขึ้นตามแรงโทสะที่สะสม หากเจ้าสิ่งนั้นกลายเป็นสิ่งที่เขาอยากเอาคืน  คงแหลกลาญคามือไปแล้ว                   ณ ห้องพักโรงแรม NY. สำหรับลูกผู้บริหาร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองและศูนย์การค้าราคาแพง ณริสา ณรงค์พล วัย 25 ปี เดินไปมาเหมือนหนูติดจั่นในห้องพักหรูที่ถูกประดับประดาด้วยข้าวของราคาแพง แต่สิ่งเหล่านั้น ไม่ได้เรียกความรู้สึกดีที่น่าจะเป็นของเธอในตอนนี้ ...ตั้งแต่คืนเกิดเรื่อง โจเซฟก็ย้ายให้เธอมาพักอยู่ใกล้เขาและวันนี้อีกวันที่เธอร้อนใจ ก็มีโจเซฟอีกนั้นแหละที่ช่วยเหลือ มือเรียวกำแน่นและถูกันไปมา เธอต้องรีบกลับบ้านและสิ่งที่เธอรอคอยคือตั๋วเครื่องบิน เพราะบ้านมีใครบางคนรอเธออยู่... ความสับสนกำลังเล่นงาน ทำหัวสมองข้างหนึ่งเจ็บจี๊ด ยามคิดถึงคำพูดที่ต่อสายมาหาเธอ เขารู้เบอร์เธอได้อย่างไร...แล้วจริงหรือเปล่า พ่อเธอกำลังล้มละลาย โดยหาแหล่งเงินกู้จากที่อื่นไม่ได้...มันเป็นไปได้อย่างไร ที่พ่อของเธอเป็นถึงนักธุรกิจใหญ่ แต่กลับเปิดเครดิตจากแหล่งเงินกู้ที่ไหนไม่ได้เลย อย่างกับมีใครกลั่นแกล้งกระนั้น... “โอ๊ย ทำไมถึงได้ปวดหัวแบบนี้นี่...” ฝ่ามือเรียวเปลี่ยนมากุมศีรษะข้างหนึ่งของตัวเองไว้แล้วตบไปเบาๆ หลายๆ ครั้งเหมือนว่าให้บรรเทาลง หลายวันมานี้ การคิดทบทวนเรื่องทุกอย่างถึงความเป็นไปได้ของบริษัทพ่อ  แต่ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าเพราะเหตุใด จนตอนนี้เธอรู้สึกว่าสมองของเธอคงบวมไปแล้วจากการใช้ความคิดอย่างหนัก หากแต่ปัญหานั้นจะสลัดทิ้งไปก็ไม่ได้ แม้สภาพความเป็นอยู่ที่สวยหรู โดยเพื่อนหนุ่มเลือกสรรมาให้เพื่อให้เธอได้ผ่อนคลาย แต่นั่นมันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง หากครอบครัวเธอมีปัญหา ลูกคนเดียวอย่างเธอจะนิ่งดูดายได้อย่างไร! สิ่งฟุ้งเฟ้อเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ แต่เพื่อนหนุ่มให้เหตุผลจนเธอไม่กล้าปฏิเสธ หรือบอกปัดให้ดูเป็นการทำลายน้ำใจอีกฝ่าย แต่นั้นเธอก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่ามันเคยเป็นความฝัน เพราะเธอก็มีความฝันอยากมาในที่แห่งนี้เช่นกันและเธอก็ได้มีโอกาสกว่าใครหลายๆคน เพราะเพื่อจะมาเยี่ยมชม ณ ที่แห่งนี้ดั่งคำที่กล่าวไว้ว่า... มหานครนิวยอร์กอาจเคยได้รับการสถาปนาโดยชาวดัตช์ แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีแก่นแท้ของความเป็นอเมริกันมากที่สุดเมืองหนึ่ง หนุ่มสาวชาวอเมริกันต่างมีความใฝ่ฝันที่จะมาเสี่ยงโชคเพื่อแจ้งเกิดในย่านศิลปะและย่านธุรกิจในเมืองนี้ ในขณะที่นักท่องเที่ยวนั้นไม่ต้องการอะไรมากมาย ขอเพียงแค่ได้มาเห็นและเก็บเกี่ยวประสบการณ์กลับไปให้มากที่สุดระหว่างช่วงวันหยุดก็เพียงพอ... แต่สำหรับเธอ อะไรๆ ข้างกายก็ไม่สามารถทำให้เรื่องบางเรื่องลบทิ้งลงไปได้ ใครบางคนกำลังเป็นทุกข์ แล้วเธอจะมาอยู่สุขสบายได้อย่างไร ถึงเวลาที่เธอจะต้องกลับไปหาครอบครัวที่ส่งเสียจนเธอจบโทตามที่ตั้งใจไว้ และหันกลับไปดูแลพวกท่าน มันถึงเวลาแล้ว... ก๊อก ก๊อก... ณริสาออกอาการเจ็บหัวจี๊ด มีการกระตุกของกล้ามเนื้อบริเวณขมับด้านที่เธอจับไว้ กระตุกถี่ๆ ก่อนจะละความเจ็บนั้นไว้ เมื่อเสียงด้านนอกดังผ่านประตูเข้ามา เท้าบางหยุดกึก ตวัดสายตาจับจ้องไปยังต้นเสียง และคิดว่าน่าจะเป็นคนที่เธอรอคอย จึงตรงดิ่งไปยังประตู ก่อนจะส่องตาดูที่ช่องเล็กๆ ให้มั่นใจว่าใคร ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม มือจับลูกบิดประตูแล้วเปิดออก “เป็นไง” เธอซัดด้วยคำถามทันทีเมื่อประตูอ้าออก “ได้มาแล้ว ดูซะมั่งว่าใครทำ ของกล้วยๆ” เขาโชว์ตั๋วเครื่องบินในมือสองใบให้คนที่โผล่เข้ามาอย่างปลาบปลื้ม ก่อนจะก้าวพ้นประตูเข้ามาด้านใน แล้วปิดสนิทลง โจเซฟเป็นหนุ่มลูกครึ่งไทยเดนมาร์ก รูปร่างสูงใหญ่สมส่วน วัย 28 ปี รูปร่างสูงใหญ่สมส่วนมองหญิงสาวที่ตนเองหลงรักข้างกาย บัดนี้นัยน์ตาของหล่อนยังมีแววเศร้าหลงเหลือให้เห็น แม้ว่าเพื่อนสาวที่ใครๆคิดว่าเป็นแฟนกันตลอดมาจะพยายามปกปิดด้วยท่าทีแล้วก็ตาม หากแต่เขาคิดว่าบางทีการปลอบโยนจากเขา อาจทำให้ดูเหมือนว่าหล่อนอ่อนแอขึ้นอีก จึงตัดสินใจทำเป็นไม่เห็นความอ่อนแอที่แสดงออกมาในบ้างครั้งของเธอ และแม้อยากเข้าไปโอบกอดร่างบางเพื่อส่งความห่วงใยให้กัน แต่ก็ต้องสกัดกลั้นด้วยความไม่เหมาะไม่ควรเอาไว้ เพราะความเป็นคนไว้ตัวของเธอด้วย “ขอบคุณมากๆ นะ...” เสียงหวานนุ่มลึก พยายามแสดงอาการดีใจออกมา ทั้งที่จริงหากเธอกลับไทยครั้งนี้ เรื่องทุกอย่างคงหนักหนาจนหาทางแก้ลำบาก “แล้วทำไมสองใบล่ะ หรือ...” “ผมจะกลับไปกับสาด้วย” เสียงระรื่นเอ่ยตอบ พร้อมเดินเข้าด้านในด้วยความเคยชิน “อ้าว ไหนบอกว่าจะไม่กลับก่อนไง นึกยังไงอีกคะ” เธอรู้ว่าเขามีงานที่ต้องดูแลและเธอไม่อยากสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นให้กับเพื่อนชายที่เธอสนิท เพราะนี่มันก็มากพอ กับราคาที่พักในแต่ละคืนที่เขาเสียไปกับเธอ แม้จะเป็นลูกของเจ้าของโรมแรมดัง แต่ค่าใช่จ่ายต้องมี เพราะเขาเปิดห้องอีกห้องแทนห้องตัวเองที่ให้เธออยู่ชั่วคราว “ไม่รู้สิ ผมรู้สึกไม่ดีเลย หากปล่อยสากลับไปคนเดียว” ความกังวลทำให้เขาต้องเปลี่ยนใจทันด่วน ทั้งที่จริงรับปากคนเป็นแม่ว่าจะช่วยดูแลงานทางโรงแรมที่ถือหุ้นส่วนที่นี่ต่ออีกนิด หากแต่เปลี่ยนใจ ขอไปดูแลอีกแห่งโดยไม่เสียงาน นั่นคือโรงแรมที่เมืองไทยและเป็นชื่อเดียวกัน ที่คนเป็นแม่ได้เป็นหุ้นส่วนไว้ แต่ไม่เคยลงไปดูแล เพราะความไว้ใจ และเขาเองก็คงรู้สึกไม่ต่างอะไรกับมารดา “คิดมากน่า สาก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” “ไม่เอา ไม่รู้ล่ะ ผมจะกลับพร้อมกับสา แล้วกลับไปครั้งนี้ผมจะจัดการเรื่องของเราอย่างจริงจังเสียที” น้ำเสียงหนักแน่นและจริงจัง ณริสามองหน้าเพื่อนรักที่เธอให้ความสนิทสนมที่สุดในบรรดาเพื่อนที่มี จนบางครั้งเธอคิดอยากเลื่อนความสัมพันธ์จากเพื่อนเป็นแฟน หากแต่หัวใจกลับไม่รู้สึกตอบรับกับความคิดนั้น คำตอบที่ได้แทนที่จะดีใจ แต่ณริสากลับเก็บก้อนบางอย่างไว้ในอกแทน เธอไม่อยากรู้และเข้าใจไปเอง ว่าคำพูดนั้นคือคำบอกกล่าวกลายๆ ถึงความต้องการที่จะเลื่อนความสัมพันธ์กับเธอในเร็วๆนี้ “แล้วเงินค่าตั๋ว สาจะคืนให้เมื่อกลับถึงบ้านนะคะ” เธอเบนความสนใจไปเรื่องอื่น ความจริงเธอไม่มีแม้เงินจะเดินทางกลับบ้าน และนั่นเป็นสัญญาณว่าทางบ้านของเธอคงมีปัญหาเรื่องการเงินจริง อย่างที่ได้รับข่าวมาจากคนที่หวังดี หรือร้ายกันแน่... ตาคมสีน้ำตาลเข้มมองหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ผมยินดีที่จะให้สามากกว่านั้น อย่าคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้อีก เพราะนั้นมันจะทำให้ผมรู้สึกผิด” โจเซฟรู้ตัวดีว่ายิ่งเขาดูแลห่วงใยหล่อนมากเท่าไหร่ ความรู้สึกเหมือนเธอกลายเป็นคนอ่อนแอจะยิ่งมากเท่านั้น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขารู้ดีว่า ณริสาไม่ต้องการเลย!   9.00 น. ในประเทศไทย “ให้ผมไปส่งนะครับ จะได้รู้จักคุณพ่อคุณแม่สาด้วย” โจเซฟเหมือนจะรุกหนัก หลังจากที่เดินออกมาจากประตูผู้โดยสารขาออก และหยิบกระเป๋าจากช่องลำเลียงกระเป๋าเรียบร้อย โดยไม่ลืมหยิบของณริสาติดมาด้วย “อย่าดีกว่า เอาให้สา เลียบๆ เคียงๆ ท่านก่อนดีกว่า แล้วโจค่อยไปนะ” เสียงหวานเอ่ยแผ่วลง เธอรู้ว่าอีกฝ่ายจริงจังแค่ไหน แต่เป็นเธอเสียเองที่ยังไม่พร้อม โดยเหตุผลสำคัญอยู่ในใจที่เธอไม่เคยขุดคุ้ยออกมาให้ใครได้รับรู้           “งั้นสากลับถึงบ้านแล้วโทรหาผมนะครับ”           “ค่ะ ขอบคุณนะคะ สำหรับทุกอย่าง...” เธอกล่าวจากใจ “แล้วยังไงสาจะโทรหานะคะ” พร้อมกับยื่นมือเรียวรับกระเป๋าแบบล้อลากใบไม่ใหญ่นักจากมือหนา เธอไม่ลืมที่จะยิ้มหวานส่งให้ เพื่อไม่ให้อีกคนรู้สึกใจฝ่อกับการปฏิเสธครั้งนี้จากเธอ “ครับ” เขารับคำ ความรู้สึกอุ่นซ่านเมื่อเธอส่งรอยยิ้มให้ หากแต่รู้สึกใจหวิวเล็กน้อย ไม่คิดว่าคนที่คบกันมานานจะยังไม่เปิดใจให้เขาเข้าถึงครอบครัว...           ‘ขอเวลาให้สาอีกนิดนะโจ...’ เธอซาบซึ่งในน้ำใจของโจเซฟตลอดที่คบหากัน หากแต่หัวใจของเธอกลับเหมือนมีอะไรบางอย่าง ที่ไม่อาจเปิดรับการเปลี่ยนแปลง เธอมองแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อภายใต้เสื้อผ้าราคาแพง แต่เป็นเสื้อผ้าสไตล์เรียบง่าย กางเกงยีนเนื้อดีสวมเสื้อเชิ้ตทับเสื้อยืดด้านใน แต่นั่นก็ทำให้เป็นที่สะดุดตาของใครหลายคนที่เดินผ่านไปมาแถวนั้น เธอชอบที่เขาเป็นตัวของตัวเอง ไม่เรื่องมากไม่เจ้าระเบียบ เสื้อผ้าไม่ต้องเนี้ยบอย่างผู้ชายคนอื่นๆ ที่ผ่านเข้าแวะเวียนแจกขนมจีบ โจเซฟแต่งตัวธรรมดาแต่ดูดี คือสิ่งสะดุดตาที่เธอตัดสินใจเลือกคบหา โดยไม่รู้มาก่อนว่าชายหนุ่มจะมีฐานะอย่างไร สายตาจับจ้องสิ่งที่ลับตาไป แล้วหันกลับมาหวนคิดเรื่องของตัวเองอีกครั้ง ความจริงเป็นมายังไง เรื่องที่เธอต้องรีบสะสางสืบหาความจริง...! ณริสาสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรงเพื่อฮึดสู้กับความรู้สึกของตัวเอง ตัดใจมองเส้นทางข้างหน้า แต่หัวใจใช่ว่าไม่คิดถึงคนด้านหลัง ไม่ใช่ว่าเธอไม่ต้องการแบบสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการไม่ แต่สิ่งที่ครอบครัวเธอกำลังประสบ ทำให้เธอไม่มั่นใจเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นเช่นไร...  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD