ตอนที่ 12

2269 Words
อิงครัตน์ยิ้มน้อยๆ มองดูคนที่มายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ภาพความทรงจำเก่าๆ ยังคงวนเวียนอยู่บ้าง รอยยิ้มนั้นทำให้อิงครัตน์ยิ้มกว้างมากขึ้น “ดีใจที่ได้เจอกันอีก” อิงครัตน์พูดขึ้น “ไม่เป็นไร พัดหิ้วไปเอง” พัดชายิ้มๆ เมื่ออิงครัตน์เดินนำเข้าบ้านไปก่อน สวนที่แสนร่มเย็นทำให้ผู้มาเยือนหยุดยืนสูดอากาศบริสุทธิ์อยู่ด้านนอก ซึ่งอิงครัตน์มาหยุดยืนอยู่ข้างๆ ระเบียงบ้านเป็นที่ๆ อิงครัตน์ชอบมายืนดูต้นไม้ใบหญ้าและมีนกน้อยนานาพันธุ์แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนอยู่เสมอ “บ้านในฝันเลยสินะ” พัดชาพูดขึ้นแล้วหันมายิ้มๆ ให้เจ้าของบ้านที่ยิ้มอยู่เช่นกัน “โชคดีที่ได้เจอ ตอนซื้อบ้านสวยแบบนี้อยู่แล้วล่ะ สวนเดิม เราเพิ่ม เติมแค่นิดหน่อย” อิงครัตน์บอกแล้วยิ้มๆ เมื่อพัดชาจับมือและ ขยับตัวเข้าใกล้จนไหล่เบียดชิดกัน “คิดถึงคุณนะ” พัดชาพูดขึ้น แต่เมื่อพัดชาเบี่ยงตัวจนกระทั่งมายืนเผชิญหน้ากันทำให้กลับมานึกถึงวันเก่าๆ ที่เคยได้ใช้เวลาร่วมกัน “เราก็คิดถึงคุณ” เมื่อคำว่าคิดถึงถูกเผยออกมา ถึงแม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่เมื่อริมฝีปากเรียวบางอันแสบอบอุ่นและคุ้นเคยเบียดชิดเข้าหาทำให้อิงครัตน์กอดกระชับพัดชาเอาไว้ ความคิดถึงที่ว่าไม่ใช่การพูดตามมารยาทแต่พูดออกมาจากความรู้สึกแท้จริงจากในหัวใจ แม้จะเหลือบมองไปเห็นว่ามีคนยืนอยู่และมองเข้ามาจากรั้วด้านนอก อิงครัตน์ไม่ได้แสดงท่าทางตกใจอะไรยังคงคลอเคลียกับจุมพิตอันอ่อนหวานของพัดชาอยู่ครู่หนึ่ง ภาพของคนที่ยิ้มให้มองเห็นจากรั้วด้านนอกทำให้อิงครัตน์ยิ้มตอบกลับไป ภัสสราถอนใจก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถยนต์และขับออก ไปทันที “เป็นบ้าอะไรของแก ก็แค่ผู้หญิงรักกันจูบกันจะจำภาพเขาเอามาติดตาแบบนี้ไม่ได้นะเว๊ย” ภัสสราพูดบ่นกับตัวเอง ไม่รู้เหมือนกันว่า รู้สึกอย่างไร แต่สิ่งที่สัมผัสได้กับรอยยิ้มน้อยๆ และแววตาที่ดูมีความสุข ถึงแม้จะมองเห็นไกลๆ แต่เชื่อว่าอิงครัตน์คงมีความสุขกับหญิง สาวคนนั้น ภัสสรายังไม่อยากกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ จึงแวะหากาแฟดื่มและหาลู่ทางเรื่องงานเพิ่ม เพราะเงินที่ได้จากการช่วยแปลหนังสือให้อิงครัตน์ได้แบ่งส่วนหนึ่งให้มารดา ซึ่งตัวเองเก็บออมส่วนหนึ่งและอีกส่วนเอาไว้ใช้จ่ายตามคำแนะนำที่ได้รับมา “สวัสดีค่ะ พี่ป๊อก เราจะเจอกันตามร้านกาแฟใช่ไหมเนี่ย” ภัสสรายิ้มขณะพูดทักทายและพนมมือไหว้เปรม “เจอกันง่ายดี พวกชอบประหยัดไฟที่บ้าน” เปรมพูดขึ้น “ทำงานเหรอคะ” ภัสสราถาม “ใช่ เตรียมถ่ายงาน ติดต่อนางแบบไว้ว่าจะถ่ายกับป้า แต่สถานที่ไม่ใช่ที่บ้านเหมือนตอนถ่ายโต๊ด” เปรมบอกเรื่องงานก่อนจะแสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการไปสั่งกาแฟให้ภัสสรา “ดีจัง” ภัสสราบอก หลังจากเปรมกลับมานั่งลงที่เดิม “ไปถ่ายด้วยกันสิ” เปรมเอ่ยชวน “ไม่เอาล่ะค่ะ เกรงใจกลัวจะไปเกะกะ” “ไม่หรอกได้ไปช่วยจัดโน่นนี่ไง ได้ถ่ายเองด้วย แค่ดูให้งานออกมาไม่ซ้ำของพี่กับป้าเท่านั้นเอง ไปเถอะ” เปรมเอ่ยชวนพร้อมกัน ยื่นกล้องถ่าย รูปให้ขนาดไม่ใหญ่มากนัก “สวยดีนะคะ” ภัสสราบอกแล้วหยิบมาลองถ่ายดู “เคยใช้กล้องมาก่อนหรือเปล่า” เปรมถามเพราะดูจากลักษณะท่า ทางไม่ได้ลังเลหรือแสดงท่าทางกลัวการจับต้องหรือกดถ่าย ภาพเลย “ไม่เคยค่ะ แต่เคยหยิบของเพื่อนเล่นบ้าง ไม่มีตังค์ซื้อและจริงๆ ไม่ ได้สนใจการถ่ายภาพด้วยค่ะ พี่ป๊อก” ภัสสราถอนใจ “ให้ยืมไปลองถ่ายดู แล้วไปถ่ายงานด้วยกัน จากที่เห็นภาพกับที่ได้ยินป้าแจ๊บพูดถึง พี่ว่าโต๊ดควรลองจริงจังดูสักตั้งนะ บางคนราย ได้เดือนละเป็นล้านก็มี” เปรมยิ้ม เมื่อเห็นภัสสราทำตาลุกวาว “จริงดิ พี่ป๊อก” “เออสิ แต่ก็ต้องจริงจังหนักมากแหละ ถึงจะได้” เปรมหัวเราะ “หมื่นหนึ่งโต๊ดก็ดีใจจนเนื้อเต้นแล้วล่ะ” “ไปหาป้าแจ๊บบ้างหรือเปล่า” เปรมถาม “เพิ่งไปมา ป้ามีแขกค่ะ โต๊ดเลยระเห็จมาอยู่ตรงหน้าพี่นี่แหละ” “แขก” “ใช่ แขก” “โดนป้าแจ๊บไล่มาหรือไง” เปรมหัวเราะ เมื่อเห็นภัสสราทำหน้าจ๋อย “เปล่าไม่กล้าเข้าไป โต๊ดขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ ห้องรกมากเลยว่าจะกลับไปเก็บให้เรียบร้อยสักหน่อย” ภัสสรายิ้มจางๆ ให้เปรมที่มอง ดูหญิงสาวซึ่งมีลักษณะท่าทางต่างจากทุกครั้งที่ได้พบ ซึ่งจะดูสดใสหรืออาจเหนื่อยก็เป็นได้ “ไม่มีสว.มาต่อปากต่อคำด้วย หงอยเลยนะ เราน่ะ” เปรมหัวเราะ “คงไม่ว่างมาต่อปากต่อคำกับโต๊ดแล้วล่ะ พี่ป๊อก ไปล่ะนะ” “เดี๋ยวเอากล้องไปด้วย” เปรมพูดเสียงเข้ม “ไม่เอาล่ะ เดี๋ยวไปทำพังไม่มีเงินซื้อให้ใหม่” “ก็อย่าให้มันพังสิจ๊ะ เอาไปลองถ่ายดู เดี๋ยววันนัดกับสถานที่พี่แจ้งให้ทราบอีกที อันที่จริงน่าจะตั้งกลุ่มส่งข้อความกันนะ พี่ ป้าแจ๊บ โต๊ด กรุณากดรับคำเชิญด้วยนะจ๊ะ คนสวย” พูดจบเปรมก็หยิบโทรศัพท์ทันที “ปฏิเสธก็ได้ทำไมถึงไม่ทำล่ะ ไอ้โต๊ด” ภัสสราถอนใจมองดูกล้องที่ถือมาด้วยหลังจากเปรมยัดใส่มือให้ อิงครัตน์จัดเตรียมอาหารเช้าให้พัดชา ซึ่งคงพอจะจำห้วงเวลาที่ได้ใช้ด้วยกันนานนับหลายปี รอยยิ้มที่ได้เห็นทำให้วันเวลาในอดีตกลับมาทำให้อิงครัตน์ยิ้มอีกครั้ง แต่ภาพรอยยิ้มทะเล้นของภัสสรากำลังแทรกซึมเข้ามาในความรู้สึกถึงกับหัวเราะออกมาทันทีเมื่อนึกถึง “ขำอะไร” พัดชาถาม “นึกถึงเด็กกวนๆ คนหนึ่งน่ะ พูดจาหางเสียงก็ไม่มี ก็ไม่เด็กนะอายุ 30 กว่าๆ แต่เราแก่เลยคิดว่าเขาเป็นเด็ก” อิงครัตน์ยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นพัดชาจ้องมองเหมือนจับผิด “ชักอยากเห็น ไม่อยู่ยังทำให้คุณขำได้” พัดชาพูดขึ้น ขณะเริ่มจิบกาแฟหอมกรุ่นพร้อมกับขนมปังที่มีเนยทาเอาไว้บางๆ “กวนจะตาย” อิงครัตน์หัวเราะเล็กๆ “แต่ก็ทำให้ยิ้มได้” “คุณจะไปไหนหรือเปล่า” อิงครัตน์ชวนเปลี่ยนเรื่องพูดคุย “ไม่ล่ะ อยากอยู่นิ่งๆ บ้าง” “เมื่อก่อนชวนอยู่บ้าน ไม่เห็นจะอยากอยู่” อิงครัตน์พูดคล้ายบ่น “แก่นะ คุณเนี่ย ขี้บ่น” พัดชาหัวเราะเล็กๆ “เหรอ ไม่รู้ตัวเลย แต่เรามีนัดถ่ายภาพ นางแบบเป็นนักศึกษาไปดูด้วยกันไหม ถ่ายรูปในสวนสาธารณะ” อิงครัตน์หันมามองระหว่าง จัดเตรียมอุปกรณ์ซึ่งมีเพียงกล้องและขาตั้งเท่านั้น “ไม่ล่ะร้อน” พัดชายิ้มจางๆ มองดูคนที่เดินมาหอมแก้ม “ชีวิตเราเหมือนจะสลับกันนะ กลายเป็นว่าคุณอยากอยู่บ้าน เราชอบออกไปพบเจออะไรข้างนอก” อิงครัตน์ถอนใจ “คนเราก็เปลี่ยนกันไปตามกาลเวลานั่นแหละ ขยับเข้ามาอีกนิดสิ” “มีเรื่องจะคุยกันใช่ไหม อยากคุยเมื่อไหร่บอกนะ” อิงครัตน์ยิ้มหลัง จากได้รับจุมพิตอย่างอ่อนหวานจากพัดชา “คุณรู้ตัวไหมว่าคุณดูมีความสุขมาก” “ตามอัตภาพนั่นแหละ ดูมีน้ำมีนวลเพราะน้ำหนักขึ้นด้วยมั้ง ไปล่ะ ถ้าวันไหนจะออกข้างนอกบอกนะ จะได้เอารถไว้ให้ใช้” อิงครัตน์ บอก “ขอบคุณจ้ะ ขับรถดีๆ นะ” พัดชาถอนใจมองตามอิงครัตน์ที่รีบเดินออกไป เพราะมัวแต่โอ้เอ้พูดคุยอยู่จะไปตามนัดหมายไม่ทัน เวลา “หรือพัดควรกลับมาอยู่เมืองไทย” พัดชาคิด ก่อนจะหันไปชื่นชมธรรมชาติและเดินออกมาที่ระเบียงเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า นักศึกษาสาวที่นัดหมายเอาไว้พนมมือไหว้ทันที เมื่อเห็นอิงครัตน์ซึ่งทำให้แปลกใจ เพราะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่คิดไปคิดมาคงเป็นเพราะอุปกรณ์ที่ถือมาด้วยมากกว่า “สวัสดีค่ะ ป้าแจ๊บ” ภาวรรณพูดทักทายและพนมมือไหว้ “สวัสดีค่ะ ชื่อ ตอง ใช่ไหม” “ค่ะ” ภาวรรณยิ้มแป้น “ไปจ้ะ เดินสำรวจกันเหนื่อยหน่อยนะ เพราะป้าคงพาเดินไปเรื่อยๆ ตรงไหนสวยเราก็หยุดถ่ายรูปกัน” อิงครัตน์บอกรายละเอียดงาน ของตัวเอง ซึ่งได้คุยกันมาบ้างอย่างคร่าวๆ ภาวรรณเป็นนักศึกษาที่มีคนแนะนำว่าหน้า ตาสะสวย หลังจากได้ดูภาพถ่ายที่ส่งมาให้ประกอบการพิจารณา แต่งานของอิงครัตน์ไม่ได้เน้นที่ใบหน้าถึงจะมีถ่ายจากด้านหลังบ้าง หากทำให้ภาพไม่ชัดคงง่ายกว่าที่จะต้องให้คนที่มาเป็นแบบลงชื่ออนุญาตในเอกสารให้ “คนเรียกป้ากัน ตองก็สงสัย เรียกพี่ยังได้เลยนะคะ” ภาวรรณยิ้มๆ “ปากหวานนะ เรา” อิงครัตน์มองสบตากับภาวรรณกลับทำให้นึกถึงใครบางคนขึ้นมา การถ่ายภาพค่อยๆ ดำเนินไปอย่างไม่รีบร้อนนัก เพราะภาวรรณไม่เอ่ยปากบ่นอะไรเลยสักคำคงทำหน้าที่ของตัวเอง โดยฟังคำแนะนำของอิงครัตน์อย่างตั้งใจและปฏิบัติตาม “ไปหาน้ำกินกันก่อนดีกว่า ตองจะได้พักด้วย” “ขอบคุณค่ะ” ภาวรรณยิ้มๆ เดินไปช่วยหอบข้าวของและเดินไปยังร้านขายน้ำ ซึ่งจะว่าไปเดินไปเดินมาก็เมื่อยอยู่เหมือนกัน “ดูรูปก่อนจะได้สบายใจว่าป้าไม่ได้ทำอะไรให้เสียหาย” อิงครัตน์ยื่นกล้องให้ แต่ภาวรรณกลับลุกมานั่งข้างๆ และให้อิงครัตน์เป็น คนเปิดให้ดูหลังจากดื่มน้ำกันเรียบร้อยแล้ว “ตองขอบางรูปได้ไหมคะ” ภาวรรณถาม “ได้สิ ถ้าตองเหนื่อยก็บอกป้านะ ป้าไม่ใช่พวกบ้างานที่จะใช้เวลาของนางแบบโดยไม่สนใจความรู้สึก” อิงครัตน์บอก ภาวรรณรีบ พนมมือไหว้ทันที “ก่อนมาแอบกังวลกลัวจะโดนดุ เพราะไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน แต่กลายเป็นว่าแค่ทำตามป้าแจ๊บสั่งเท่านั้นเอง สบายเลยตอง” ภาวรรณยิ้มหันมามองสบตากับอิงครัตน์ที่ยิ้มๆ อยู่เช่นกัน ภาวรรณนึกภาพป้าแจ๊บที่ใครๆ เรียก ซึ่งน่าจะอายุน้อยกว่ามารดาตัวเองไม่มากนัก แต่ต่างกันจนน่าแปลกใจ ผู้ใหญ่คงมีหลายแบบ แต่เด็กอย่างเธออาจเจอมาแบบเดียวหรือเพราะเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ในต่างจังหวัด เพิ่งเข้ากรุงเทพฯ มาตอนเริ่มเรียนมหาวิทยาลัยและส่วนใหญ่พบเจอผู้ใหญ่แบบที่เป็นผู้ใหญ่ที่ช่างว่าช่างสอน แม้แต่กับอาจารย์ในมหาวิทยาลัยก็มีไม่มากนักที่จะสนใจความคิด และมุม มองของเด็กอย่างเธอ “มองคนแก่ในแบบเดิมๆ ล่ะสิ เราน่ะ” “มีคนมองในมุมอื่นด้วยหรือคะ ป้าแจ๊บ” ภาวรรณหัวเราะ แต่คนที่ได้ยินยิ้มๆ นึกถึงคนที่ไม่ได้คิดถึงในมุมของคนแก่ จึงพูดจากวนๆ พูดไม่เคยมีหางเสียง แต่ตั้งแต่วันที่พัดชามาภัสสราก็ไม่มีการติดต่ออะไรมาอีกเลย “ก่อนเจอกัน ก็คิดเหมือนๆ ตอง หลังจากเจอกันก็เปลี่ยนความคิด” “ถ้าผู้ใหญ่เป็นแบบป้าแจ๊บกันเยอะๆ เด็กๆ อย่างตองคงมีความสุขและกล้าพูดกล้าเปิดใจมากขึ้น” ภาวรรณยิ้มจางๆ นึกถึงมารดา ของตัวเองที่เมื่อได้เจออิงครัตน์แอบคิดขำๆ ว่าน่าจะเรียกมารดาว่ายายเลยก็ได้ “ความสุขไม่ได้เกิดจากการที่คนอื่นมาเข้าใจในตัวเราหรอกนะ เรานี่แหละที่ต้องเข้าใจตัวเองและดำเนินชีวิตให้มีความสุข เมื่อคนที่ รักเราได้เห็น สุดท้ายแล้วความสุขที่เรามี ก็จะส่งพลังไปถึงคนอื่นเองนั่นแหละ” อิงครัตน์อธิบายเสียยืดยาวคนที่ฟังอมยิ้ม “สาธุ” ภาวรรณพนมมือไหว้ก่อนจะหัวเราะออกมา อิงครัตน์อาสาขับรถไปส่งภาวรรณที่หอพัก หลังจากงานเรียบร้อยพร้อมกับจ่ายค่าขนมให้ ภาวรรณยิ้มๆ เพราะจากการได้พูดคุยในหลายเรื่อง อิงครัตน์มีความรู้มากมาย โดยเฉพาะชีวิตในต่างแดนที่ต้องไปอยู่ในหลายประเทศ ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับภาวรรณค่อนข้างมาก “พวกมีไฟ อยากไปเรียนต่อต่างประเทศล่ะสิ” อิงครัตน์ถาม “คงไม่คิดไกลขนาดนั้นหรอกค่ะ เพราะต้องใช้เงินเยอะอยู่” “ถ้าสนใจป้าจะช่วยดูทุนให้” “จริงนะคะ ป้าแจ๊บ” ภาวรรณออกอาการดีใจรีบพนมมือไหว้ทันที “ส่งรายละเอียดมาดูว่าเรียนอะไรมาบ้าง หรือโทรฯ คุยกันก็ได้และถ้ามีทุนไหนเหมาะกับเรา ป้าจะมาบอกนะ” อิงครัตน์เอามือทาบ ทับที่ศีรษะอย่างเอ็นดู “กราบขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ เดี๋ยวตองส่งผลการเรียนให้ป้าแจ๊บจะได้ประเมินดูว่า ตองไปต่อได้หรือไม่” ภาวรรณหัวเราะคิกคัก “จ้ะ ถึงแล้ว ไปมืดแล้วด้วยรีบเข้าหอ” “ค่ะ มีงานเรียกใช้ได้นะคะ” ภาวรรณพนมมือไหว้อีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD