ริโอ้ได้มาส่งแทซองที่โรงแรม เมื่อมาถึงในห้องนอนที่แสนจะชวนทำอะไรบางอย่าง
"ดึกมากแล้วน่ะ ริโอ้กลับไปก่อนเถอะ"แทซองแกล้งทั้งที่ใจอยากให้อยู่ เพราะแทซองเปิดใจให้ริโอ้เมื่อไม่นาน ยิ่งเห็นความจริงใจของริโอ้ที่มีต่อต้น จนเขารู้สึกอิจฉาในบางครั้ง แต่ถ้าได้คบกับต้นในฐานะคนรัก ริโอ้คงจะดูแลดีขนาดไหน แทซองนั่งคิดฝันหวาน
"ก็ได้ผมกลับแล้วนะ"ริโอ้รู้สีึกโกรธ ใจจริงเขาอยากนอนที่นี่
"อยากกลับก็กลับไปเลยไม่ต้องมาอีกนะ"แทซองรู้สึกโมโห หวังจะให้ริโอ้มายอกล้อให้คลายอารมณ์เครียด
ที่ริโอ้พูดเช่นนั้น เพราะเขายังกังวลใจ ในเรื่องของต้นอยู่มากพอสมควร เขาจึงไม่มีอารมณ์ที่จะมาพูดเล่น แต่ถ้าทำบางสิ่งเขาก็ไม่มีปัญหา
"ก็ได้ ริโอ้กลับแล้ว" ริโอ้รีบเดินไปที่ประตูอย่างอารมณ์เสีย
แทซองเห็นริโอ้โกรธและไม่มีอารมณ์หยอกล้อคุยเล่น เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปหาริโอ้ แล้วกอดเอวไว้แนบกายอย่างแนบสนิท
"ปล่อยริโอ้นะ จะกลับแล้ว ไม่อยู่ให้ขวางหูขวางตาหรอก"ริโอ้พยายามแกะมือของแทซองออก โดยใช้แรงเพียงนิดหน่อย เพราะเขามีความรู้สึกที่แปลกในจิตใจและร่างกาย ที่ไม่อยากไปจากที่นี่
"อย่าไปนะ แทซองขอโทษ แทซองล้อเล่น"แทซองรัดอ้อมกอดไว้แน่น เพราะกลัวริโอ้จะไปจริงๆในทันที
"อยากให้ริโอ้ไปไม่ใช่เหรอ"
"เปล่า แทซองอยากให้ริโอ้อยู่กับแทซอง"
"ก็ได้ แต่มีข้อแลกเปลื่ยน"
"อะไร"
"ก็ให้ผมได้...คุณไงยอมมั้ย"ริโอ้อมยิ้ม คิดไปว่าคืนนี้เสร็จแน่
"ไม่รู้"แทซองอายจนลืมตัวคลายแรงกอดริโอ้
"ไม่รู้ ผมกลับนะ"ริโอ้แกะมือของแทซองออกอย่างง่ายดาย
"ก็ได้"แทซองรีบตอบรับในทันที เพราะเขาก็ต้องการเหมือนกัน
ริโอ้หันมาทันที พร้อมยกร่างของแทซองพาดบ่าไว้ ต่อจากนั้เดินไปยังที่เตียงนอน ริโอ้จับร่างของแทซองว่างไว้บนที่นอน ส่วนตัวเขาก็ถอดเสื้อผ้าออก พร้อมกระโจนใส่แทซองในทันที โดยที่แทซองไม่ทันตั้งตัว แต่เขาก็ชอบจึงปล่อยตัวปล่อยกายให้ริโอ้เชยชมอย่างเต็มที่
ริโอ้จูบแทซองอย่างบ้าคลั่งพรหมทั่วใบหน้า ส่วนแทซองก็กอดรัดฟัดเหวีี่ยงกับริโอ้ไว้แน่นไม่ยอมให้หลุดจากอ้อมกอด ริโอ้ถอดเสื้อผ้าของแทซองออกจะหมด เห็นร่างกายที่เปลื่อยเปล่าผิวขาวเนียนอย่างเห็นได้ชัด เขาจึงไม่รอช้าใช้ริมฝีปากประกบเนินอกของแทซองอย่างกระหายใคร่รัก เหมือนยังกับเด็กน้อยที่หิวนม ดูดดื่มทั้งสองข้างไม่ว่างเว้น พร้อมใช้มือที่เหลือขย้ำ จับบี้เล่นจนแทซองกระหายร้กทวีคูณ
ริโอ้ไล่ลงมายังใต้ท้องน้อย จัดการซอนไซรทุกอณูที่ตื่นผงาดพร้อมฟาดฟัน ต่ำลงมาก็ไม่เหลือริโอ้จัดการมอบรักให้แทซองจนสุดฝีมือ ดื่มด่ำกับรสชาติที่คุ้นเคย แต่แปลกใหม่ พออิ่มสำราญเปลื่ยนทิศทางเพิ่มรสสวาท
แทซองรู้งานเป็นอย่างดี พลิกคว่ำยกสะโพกสูง รอเวลาริโอ้จัดการเผด็จศึก ริโอ้ไม่รอช้าคว้าของมีค่าในกายฝ่าฟันดงไพรเข้าไปในท้ันใด แทซองกระตุกนิดด้วยรู้สึกโดนหนามใหญ่ทิ่มแทงจนเจ็บ แต่คราวนี้เจ็บชั่วครู่ชั่วคราวแล้วจางหาย
เมื่อไร้ความเจ็บทางกาย ริโอ้เหมือนรู้ด้วยประสบการณ์ที่ช่ำซอง เขาจึงเร่งขยับของอันล้ำค่าอย่างรวดเร็ว พร้อมสู้ไม่ถอยให้ลึกสุดขั้วเท่าที่ทำได้ จึงสร้างพึงพอใจแกแทซองอย่างสุดซึ้ง
นานเข้าริโอ้รู้สึกจะทานทนในรสรักที่แสนยากกว่าจะได้มา แต่ในเมืื่อใกล้ที่หมายปลายทาง เขาจึงเร่งความเร็วจนภูเขาไฟระเบิดไหลออกสู่ภายในกายของแทซอง
ยามนี้แทซองยังไปไม่ถึงที่หมาย ริโอ้จึงใช้ฝ่ามือพิชิตรักให้แทซองจนสุขทลายกระจายทั่วบริเณลำตัว
โมย่านั่งรถสีล้อแดงมากับแทซองจนถึงหน้าห้องพักของปัน
"พรุ่งนี้เจอกัน"ปันโบกมือล่ำลาโมย่าแล้วลงรถสี่ล้อแดง พร้อมจ่ายเงินและรอให้รถสี่ล้อแดงวิ่งผ่านไป เพื่อที่จะไดู้โมย่าอีกครั้ง ในที่นั่งผู้โดยสารแต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจ เพราะไม่มีใครอยู่นั้น ปันจึงหันซ้ายแลขวาพอหันหน้ากลับมาจึงเห็นโมย่ายืนอยู่ตรงหน้า
"ลงมาทำไม"ปันยังใจหายอยู่ ถึงแม้จะห็นโมย่าแล้วก็ตามที
"ลืมไปว่าห้องผมอยู่ที่นี่ ใจผมอยู่ไหนห้องผมก็อยู่นั้น" โมย่าเอ่ยขึ้น
"พูดไปเรื่อย"ปันค้อนนิดนหน่อยพอเป็นพิธี แต่ก็รู้สึกดีที่ได้ยินเช่นั้น
"ก็มันเรื่องจริง ขึ้นไปบนห้องกันเลย"โมย่ายื่นหน้าเข้ามาใกล้จนจะแนบชิดใบหน้าปัน
"กลับไปเลย จะมานอนนี่ได้อย่างไงห้องมันแคบ โมย่าตัวอย่างใหญ่"
"คนรักกันเรื่องพื้นที่ไม่ใช่ปัญหา"โมย่าตีหน้าตาย
ปันจึงตัดความรำคาญและยินยอมแต่โดยดี
"จะขึ้นก็ข่ึ้นมา"ภายในใจของปันนั้นเต้นระรัวด้วยความดีใจ
โมย่ารู้สึกงงทำไมปันปากกับใจไม่ตรงกันเลย แต่เขาก็ไม่สนใจอะไรมาก เดินตามปันขึ้นไปยังบนห้องนอนทันที
เมื่อมาถึงห้องนอนปันก็วางกระเป๋าไว้บนโต๊ะ ส่วนโมย่าเดินตามมาก็โอบกอดเอวทันที พร้อมพรหามจูบทั่วใบหน้าของปัน
"ปล่อย อย่า เราพึ่งรู้จักกันเอง"ปันออกแรงดิ้นพอประมาณ เหมือนโมย่ารู้จึงรุกหนักขึ้นจนปันเริ่มเคลิ้ม เขาจึงคลายกอดปันแล้วซ้อนร่างของปันไว้ใต้วงแขน หลังจากนั้นก็เดินไปยังเตียงที่ผ้ามีคุ้มสีชมพูอ่อน เขาบรรจงวางปันไว้บนเตียงแล้วค่อยๆโน้นร่างเข้าหาปัน
"ไม่เอาอย่าทำนะ"ปันปฏิเสธแต่ไม่ขยับร่างหนี กลับกันนอนแน่นิ่งยังกับก้อนหินดินทราย
โมย่าไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้นไไม่ว่าปันจะพูดอะไรออกมา เขาจึงบรรเลงเพลงรัก ที่ปันขัดขืนเพียงน้อยนิด ก่อนปล่อยกายปล่อยใจไปตามความต้องการของตัวเอง
โมย่าประกบปากของปัน ดูดพัลวันแลกรสชาตแห่งรักที่ทั้งสองต้องการ โมย่าหยุดเริงรักชั่วครู่เพื่อถอดเสื้อผ้าตัวเองและรวมทั้งของปัน
เมื่อทั้งสองอยู่ในภาพเปลื่อยเปล่า โมย่าอดใจไม่ไหว อยากให้ปันเชยชมเรือนร่างของเขาบ้าง
โมย่าจึงไม่รอช้า เขานอนหงายในทันที ชี้มือมาทางส่วนกลางลำตัว ปันแกล้งลังเลชั่วครู่ หลังจากนั้นจึงเลื่อยลงมาหาของสงวน ที่มันใหญ่มหึมาจนปันกลัว แต่ใจของปันก็ยังสู้ไม่ถอยเพราะความชอบยูโรเปี้ยน จึงมอบรสรักให้โมย่าอย่างสุดความสามารถ โมย่ารู้สึกเสียวซ่านทั่วร่างกายอย่างความสุข เขาจึงอยากทำแบบนั้นมั้งกับปัน โมย่าจึงลุกขึ้นจับร่างของปันให้นอนหงาย และเผด็จศึกดั่งที่ปันมอบรสรักให้เขา ปันถึงกับสุขใจโดยที่ผ่านมามีแต่ทำให้คนอื่น
ปันรู้สึกสะท้านไปทั่วร่างจึงยากจะรับไหว จึงสั่งโมย่าให้นอนหงายเพื่อจะสานต่อรสรัก พอโมย่าพลิกร่างของรักของหวงจึงผงาดสู้ฟ้า ปันเห็นแล้วเกิดความอยากได้ เขาจึงรีบลุกขึ้นนั่งทาบทับร่างของโมย่า แต่มันยากเย็นเกินไปที่ปันจะรับไหว เชารู้สึกทรมานมากจึงส่งผลที่มาจิตใจด้วย
ความใหญ่มหึมาที่ปันได้รับนั้น มันแสนปวดสุดจะทานทน และใช้เวลานานพอสมควร ปันจึงเริ่มขยับร่างกาย และเริ่มเคลิ้มไปกับรสรักที่แสนใหญ่ และท้ายสุดความเจ็บจางหายไป กลายเป็นความร้อนสวาทของทั้งคู่ ปันโยกร่างกายเป็นจังหวะ เพราะความเจ็บนั้นหาย เหลือแต่ความใคร่สวาทมาแทนที่ ปันจึงเร่งความเร็วให้ไวขึ้นกว่าเดิม
ด้วยความแรงและเร็ว โมย่าจนสุดทัดทาน ในแต่ละครั้งที่ปันโยกสะโพก เขาแท่บคลั่งพร้อมแอ่นร่างกายตัวเกร็ง จนทำให้โมย่ายับยั้งไม่ไหว จึงทำให้เขาถึงฝั่งก่อนปันในทันที ส่วนปันก็ต้องนั่งจัดการด้วยตัวเอง ให้หายคลายความร้อนสวาท ซึ่งก็ใช้ระยะเวลาไม่นานก็สุขสมดังปราถนา
จางเจี่ยเริ่มรู้สึกมึนศีรษะเวียนหัวเพราะฤทธิ์เบียร์ยังค้างคาอยู่ เขาเลยค่อยๆลืมตาขึ้นมองไปรอบๆ และรู้สึกตาจะลาย เห็นเป็นเงาคนนอนอยู่ข้างกาย จางเจี่ยจึงขยี้ตาและหันไปมอง เขาถึงกับแปลกประหลาดใจ เพราะคนที่นอนอยู่คือหลี่หรงหรง นอนเปลื่อยกายใต้ผ้าห่มข้างตัวของเขา จางเจี่ยก็มองตัวเองที่ซึ่งไม่แตกต่างจากหลี่หรงหรง เขาก็อยู่ในสภาพไร้อาภรณ์ติดกายเช่นกัน จางเจี่ยพยายามคิดพินิจความจำที่เลือนหายชั่วครู่ เขาจำได้เพียงแต่หลี่หรงหรงแย่งขวดเบียร์จากเขาไปใส่ในถังขยะ ต่อจากนั้นจางเจี่ยจำสิ่งใดไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
"หรงหรง"จางเจี่ยเขย่าร่างกายของหรงหรงที่นอนนิ่งสงบ
หลี่หรงหรงเมื่อได้รับสัมผัสจากมือของจางเจี่ย เธอจึงเริ่มรู้สึกตัวและค่อยๆลืมตาขึ้น ทันได้เห็นจางเจี่ยกำลังขยับตัวนั่งที่หัวเตียง
"มีอะไรจางเจี่ย"หลี่หรงหรงขยับลุกนั่งโดยนำผ้าห่มปิดกายท่อนบนไว้
"หรงหรงมานอนที่นี่ได้อย่างไร"จางเจี่ยพยายามส่ายหน้าไปมาให้ตัวเองได้คลายความมึนงง
"จำไม่ได้จริงๆเหรอ เมื่อคืนเราทำอะไรกัน ในสภาพนี้จะทำอะไรได้ นอกจากจางเจี๋ย..ฮือ ทำให้หรงหรงมีความสุขมาก ไปหิวมาจากไหน"หลี่หรงหรงอมยิ้ม
"ผมเมา ผมจำอะไรไม่ได้ ผมคิดว่าไม่ได้ทำอะไรหรงหรง"จางเจี่ยยังครุ่นคิดอยู่
"จำไม่ได้ก็แล้วไป แต่หรงหรงจำได้ไม่ลืมแน่"หรงหรงยิ้มด้วยสายที่เย้ายวน
"ไม่ลืมอะไร"จางเจี่ยยังมึนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก
"ก็เราสองคนเคยทำอะไรกันล่ะ ก็ทำออย่างนั้นนั่นแหล่ะ นั่นแสดงว่าจางเจี่ยยังชอบผู้หญิงอยู่ รู้ไหมหรงหรงระบบไปทั่วตัวเลย"หลี่หรงหรงเหล่สายตามองสีหน้าจางเจี่ย แล้วชี้มาที่ซอกคอที่เป็นรอยซ้ำสีแดง
"ไม่จริง"จางเจี่ยมีสีหน้าบึ่งตึง
"อย่าปฏิเสธความจริงข้อนี้เลยจางเจี่ย"
จางเจี่ยครุ่นคิดอย่างหนักแต่เขาก็จำอะไรไม่ได้ จนเขาต้องเอามือกุมศีรษะไว้ด้วยความสับสน
"เรื่องนี้เอาไว้ก่อน มีอีกเรื่องที่หรงหรงจะบอกกับจางเจี่ย"
"เรื่องอะไร"จางเจี่ยหันหน้ามามองหลี่หรงหรงทันที
"หรงหรงจองตั๋วเครื่องบินกลับจีนสำหรับเราสองคนไว้แล้ว เราจะกลับจีนคืนนี้กัน"หลี่หรงหรงซ้อนสายตาขึ้นมามองสีหน้าของจางเจี่ย
"ไหนบอกอีกสามวันล่ะ"จางเจี่ยงง
"ที่่บริษัทมีปัญหา พ่อให้กลับโดยด่วน คืนนี้เลย"
"มันเร็วไป"
"ไม่เร็วหรอก แต่ถ้าจางเจี่ยไปช่วยหลี่หรงหรงแก้ปัญหานี้ได้สำเร็จ หรงหรงจะปล่อยจางเจี่ย จะคบกับผู้ชายคนไหนก็ได้ หรงหรงไม่บอกใครรหรอกเรื่องที่เกิดที่นี่"หลี่หรงหรงรู้สึกว่าได้เป็นผู้ชนะที่แท้จริง
จางเจี่ยครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรต่อจากนี้ ไหนจะเรื่องของต้นที่ยังไร้ทางแก้ปัญหา เขายังรักต้นอยู่ไม่อยากจากไปโดยไม่ได้บอกกล่าว แต่ก็ยังหวังว่าต้นจะกลับมาหาเขาโดยที่ไม่ต้องส่งต่อความรู้สึก แต่ก็ยังไร้วี่แว่วว่าจะมา ในความคิดของจางเจี่ยแสนจะสับสนอลหม่านยิ่งนัก
"ไม่ต้องคิดมากหรอก ก็กลับไปกับหรงหรงนี่แหล่ะส่วนเรื่องในไทยก็ปล่อยไปก่อน "หลี่หรงหรงย้ำอีกครั้งเพื่อให้จางเจี่ยตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
หลี่หรงหรงพูดไปพร้อมใส่เสื้อผ้าที่กองไว้ข้างเตียง จางเจี่ยมองหลี่หรงหรงเขาก็รู้สึกแปลกใจ ขนาดหลี่หลงหลงแก้ผ้าเขายังไม่รู้สึกอะไรเลย แล้วเมื่อคืนมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ถึงเขาไม่ต้องรับผิดชอบในเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่ก็ยังรู้สึกมันแปลกและทำใจไม่ได้ถ้าเกิิดทำลงไปจริงๆ
หรงหรงเก็บเสื้อผ้าจางเจี่ยใส่กระเป๋าไว้ให้แล้วนะ รอคืนนี้เรากลับจีนกัน"หลี่หรงหรงแต่งตัวเสร็จพอดี เธอจึงเดินออกจากห้อง เพื่อไปเก็บเสื้อผ้าของเธอเหมือนกัน
"หรงหรงเก็บของที่ห้องก่อนนะ หลี่รงหรงหันหน้ามา
"ตอนเย็นหรงหรงจะมาเรียก เมื่อถึงเวลาที่จะไปสนามบิน"หลี่หรงหรงยิ้มให้จางเจี่ยก่อนหันหน้ากลับ ไปเปิดประตูออกจากห้องในที่สุด
จางเจี่ยยังคิดไม่ออกจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้อย่างไร เขาอยากจะโทรไปบอกให้ต้นรับรู้ว่าจะกลับจีน เพราะเขาไม่สามารถปฏิเสธได้อีกแล้วว่าจะไม่กลับ แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวไร้การตอบสนองจากต้น สิ่งนี้ที่เขากลัวมากที่สุด แต่เขาก็ยังโกรธต้นไม่หายที่หมางเมินเขาสิ้นดี และคาใจเรื่องปรัชญ์อยู่ไม่น้อย จางเจี่ยขอเพียงให้ต้นมาหาเขา จางเจี่ยก็จะเลิกโกรธในทันที แต่ต้นก็ไม่มาหาเขาจนจางเจี่ยเริ่มใจหวั่นไหว ว่าต้นอาจลืมเขาไปแล้ว
หลังจากวันที่ปรัชญ์ไปก่อเรื่องในห้องของต้น ตั้งแต่วันนั้นเขาก็เทียวมาที่หอพักของต้นอีกหลายรอบ แต่ยามก็ไม่ให้ปรัชญ์เขาเพราะได้รับคำสั่งจากต้น ซึ่งยามก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย
เมื่อหลายวันเข้าปรัชญ์ก็ท้อใจจึงเลิกมาหาต้นอีก แต่เมื่อเขากลับห้องไปยิ่งแย่หนักกว่าเดิม เพราะนนท์ได้ขนเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ที่มีราคาได้หนีหายจากเขาไปแล้ว หลังจากแผนการณ์ที่ทั้งสองร่วมหัวกันทำลายต้น และไม่ประสบความสำเร็จ ด้วยความกลัวนนท์จึงหลีกหนีหายไปจากชีวิตปรัชญ์
"ไอ้นนท์"ปรัชญ์โมโหอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปกติเขาจะเป็นฝ่ายทิ้ง แต่ครั้งนี้นนท์เป็นฝ่ายหนึจากเขาไปก่อน จึงทำให้โกรธแค้นแคืองอย่างมาก เพราะไม่มีคนรับผิดชอบค่าห้อง ค่าเลี้ยงดูเขา ปรัชญ์จึงเตะถังขยะกระเด็นกระจายทั่วบริเวณห้อง
แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ปรัชญจึงกลั้นใจรับโทรศัพท์ทั้งที่ยังมีอารมณ์โกรธอยู่มาก
"ฮัลโหล"
"เราเบียร์นะ"ปรัชญ์นึกอยู่พักแล้วก็จำได้ เบียร์ที่ทำงานบาร์โฮสต์ ที่ปรัชญ์รู้จักเพราะเคยไปทำงานที่นั่น แค่สองถึงสามวันก็เลิกทำ เพราะเขาไม่ชอบเอาใจใครและขี้เกียจปั้นยิ้ม
"มีอะไรเหรอ"
"มีงานให้ทำเอามั้ย"
"งานอ่ะไร"
"ก็งานอย่างที่เคยทำนั่นแหล่ะ"
"ได้ซิ ที่ไหนส่งโลเคชั่นมาก"
เมื่อปรัชญ์ได้โลเคชั่นที่เบียร์ส่งเขา เขาจึงกดดูและไปตามที่อยู่นั้น ส่วนงานที่ปรัชญ์ทำ มันคืองานถนัดที่เขาทำอยู่บ่อยคร้้ง ยามที่ขัดสินเรื่องเงินทอง เขาจึงไม่ปฏิเสธที่จะทำเพราะแค่บำเรอกามให้ลูกค้าเท่านั้น
ต้นหลับแล้วตื่นอยู่หลายรอบ จนเริ่มตื่นช่วงเวลาตอนเย็น ที่เขาเริ่มนอนไม่หลับ เพราะได้รับการพักผ่อนที่เกินพอดี เขาจึงลุกขึ้นนั่งแต่ก็รู้สึกหน้ามืด จึงนั่งลงพักสักครู่แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ต้นจึงพาร่างที่อ่อนปวกเปียกเดินไปเปิดประตู เพียงเปิดประตูเท่านั้นต้นก็หน้ามืดขึ้นมาอีกครั้ง เขาแท่บจะล้มลงนอนกองกับพื้น คิมโยฮันที่มาหาต้น ได้รับร่างของเขาไว้ได้ทัน และประครองเดินมายังเตียงนอน
"เป็นอะไรหรือเปล่าต้น"คิมโยฮันถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงและมีสีหน้าวิตกกังวลพอสมควร
"ไม่เป็นไรหรอกแค่หน้ามืดนิดหน่อย"ต้นนั่งหลับตาชั่วครู่และถอนหายใจ
"แต่หน้าตาของต้นไม่ค่อยสู้ดีเลย"คิมโยฮันยังมีสีหน้าที่วิตกังวล
"ไม่เป็นไรจริงๆแค่ต้นนอนนานไปหน่อย เลยทำให้หน้ามืดได้ พักสักครู่เดียวก็คงดีขึ้นแล้ว"ต้นยิ้มอย่างคนหมดแรงให้คิมโยฮัน
คิมโยฮันเห็นต้นแล้วรู้สึกสงสารและเห็นใจอย่างมาก เขาอยากจะช่วย ให้ต้นพ้นจากเหตุปัญหาที่คาใจในครั้งนี้ เขาจะมาสมานแผลในใจต้นให้หายขาด และจะทำลืมจางเจี่ยให้จงได้