เสียงเคาะประตูดังขึ้น จางเจี่ยรู้สึกยากที่จะไปเปิดประตู ไม่ว่าจะเป็นหลี่หรงหรงหรือต้น เขาก็รู้สึกจะรับในสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้มั้ย แต่ถึงอย่างนั้นจางเจี่ยก็หาหลีกเลี่ยงได้ เขาจึงแง้มประตูเปิดออกอย่างลุ้น แล้วชะงักงันชั่วครู่
“เป็นอะไรจางเจี๋ย”ต้นสงสัยในท่าทีที่แปลกไป ทั้งหน้าตาที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
“จางเจี่ยรักต้น”จางเจี่ยจับร่างของต้นดึงมาในอ้อมกอด
“จางเจี๋ย”ต้นงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในสิ่งที่จางเจี่ยทำอย่างกะทันกัน
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนี้ต้นสัญญากับผมได้มั้ยว่าจะไม่โกรธผม”จางเจี่ยดันร่างต้นออกห่างแล้วมองหน้าต้นด้วยสายตาแห่งความหวัง
ต้นสับสนจิตใจยังไม่สามารถสัญญาได้ในทันที
“จางเจี่ยบอกต้นก่อนได้มั้ยมันเรื่องอะไร”
“เรื่องมันยาวรับปากจางเจี่ยก่อนนะ”
จางเจี่ยดึงร่างต้นเข้ามากอดอีดครั้งตรงหน้าประตู เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก็พบกับหลี่หรงหรงยืนมองดูด้วยสีหน้าหลากหลายอารมณ์ ที่ไม่สามารถบ่งบอกได้ทั้งตกใจ ประหลาดใจ ผิดหวัง เป็นห้วงลึกของจิตใจของหลี่หรงหรง
จางเจี่ยนั้นพอเห็นหลี่หรงหรง เขาถึงกับตะลึง ร่างกายชาชั่วขณะทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่นานเขาก็ดึงสติกับมาดันร่างของต้นออกห่าง
ต้นแปลกใจพฤติกรรมของจางเจี่ย จึงมองหน้าเขาเพื่อให้คลายสงสัย แต่สิ่งที่ต้นเห็นนั้นคือสายตามองไปที่ข้างหลังเขาอย่างไม่กระพริบตา ต้นจึงรีบหันหลังไปดูตามสายตาของจางเจี่ย
เมื่อต้นหันไปก็ไม่ได้เแปลกใจอะไร ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนมองมา ในความคิดของต้นผู้หญิงคนนั้นแค่อาจแปลกใจที่ผู้ชายยืนกอดกัน
แต่ความคิดนั้นเริ่มเปลื่ยนไปทันทีที่หลี่หรงหรงเดินเข้ามาใกล้ๆจนประจันหน้า
“ผู้ชายคนนี้หรอแฟนจางเจี่ย”หลี่หรงหรงในใจอยากให้ปฏิเสธ แต่คงป็นไปไม่ได้ เพราะเธอได้ยินชัด “จางเจี่ยรักต้น”เธออยากให้ต้นปฎิเสธ
ช่วงเวลาที่จางเจี่ยที่ต้องเลือกจะพูดความจริงหรือปฏิเสธ
ต้นก็ลุ้นว่าจางเจี่ยจะพูดตามความรู้สึกของตัวเองมั้ย
จางเจี่ยนิ่งชั่วครู่ เขาจึงตัดสินใจที่จะบอกตามความรู้สึก ถึงแม้ถ้าเขากลับจีนทุกคนจะรู้ว่าเขาชอบผู้ชายด้วยกัน แต่นั่นมันยังเทียบไม่ได้ดับความรักที่จางเจี่ยมีให้ต้น
“ใช่ครับ ต้นเป็นแฟนจางเจี๋ย”จางเจี่ยโอบเอวต้นแล้วดึงมาไว้ข้างตัว
หลี่หรงหรงตกใจขึ้นเป็นเท่าตัว เธอรับไม่ได้เมื่อนึกถึงความรู้สึก ความรักที่เธอเคยมีให้กับจางเจี่ย หลี่หรงหรงไม่เคยรังเกียจชายรักชายออกจะชอบด้วยซ้ำ แต่นี่มันเกิดขึ้นกับคนที่เธอเคยรักแอบปันใจให้ชายอื่น หลี่หรงหรงรู้สึกเสียหน้า ด้วยความเป็นคุณหนูเธอไม่วันยอม
“ยินดีด้วยที่ค้นคบตัวตนที่แท้จริง โชคดี แล้วเจอกันที่จีน”คำพูดเหมือนยินดี แต่แฝงไว้ด้วยความอาฆาต
หลี่หรงหรงใช้ปลายสายตามองจางเจี่ยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วกระพริบตาเฉิดหน้าขึ้นหันหลังกลับเดินไปที่ห้องตัวเอง
ต้นสามารถคาดเดาได้ว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นแฟนเก่าของจางเจี่ย ถึงทั้งสองจะพูดภาษาจีนกัน แต่อากัปกิริยาบ่งบอกไปในทางที่ต้นคิด
“เดี๋ยวผมจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง เราเข้าไปคุยกันในห้อง”จางเจี่ยเปลื่ยนจากกอดเอวมาจับมือต้น แล้วพาเดินเข้าไปในห้องด้วยสองอารมณ์สองความรู้สึก
จางเจี่ยพาต้นมานั่งที่เก้าอี้ พร้อมรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความเศร้า ส่วนต้นนั้นรู้สึกสงสารจางเจี่ยจับใจ แต่ก็แอบปลื้มใจที่เขายอมรับตัวตนที่แท้จริง
"ไม่ต้องเล่าอะไรหรอกนะต้นเข้าใจ ไม่ต้องห่วงเรื่องของต้นหรอก"ต้นจับมือจางเจี่ยไว้แน่น
ตอนนี้จางเจี่ยไม่ได้เป็นห่วงเรื่องของต้นแล้ว แต่เป็นห่วงเรื่องทางบ้านที่ทำงานเขามากว่า จางเจี่ยคิดว่าหลี่หรงหรงคงต้องเอาเรื่องของเขาไปบอกแน่ๆ ถึงเขาจะยอมรับตัวตนได้แต่คนรอบข้างของเขาคงรับไม่ได้แน่ๆ
ต้นเข้าใจความรู้สึกนี้ดีเขาจึงพยายามปลอบโยน ให้กำลังใจในการต่อสู้อุปสรรคความขัดแย้งทางความคิด
"ขอบใจต้นมากนะที่เข้าใจผม"
"เราเป็นแฟนกันแล้วนี่ก็ต้องคอยให้กำลังใจซึ่งกันและกันอยู่แล้ว"รอยยิ้มที่ต้นยิ้มให้จางเจี่ยทำให้เขาได้กำลังใจมากขึ้นไปอีก เพื่อที่จะสู้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จางเจี่ยดึงร่างของต้นมากอดไว้แน่น เขารู้สึกดีใจที่เลือกคนไม่ผิด ต้นก็คิดเช่นเดียวกัน นอกจากปลอบใจจางเจี่ยแล้ว ต้นอยากนวดศีรษะให้จางเจี๋ย เพื่อจะได้คลายความเครียดลงได้บ้าง
“เดี๋ยวต้นจะนวดให้จางเจี่ยนะไปตรงที่เตียงนอนกันเถอะ”
จางเจี่ยคลายกอดต้นแล้วยิ้มด้วยความปลื้มปิติ ก่อนที่จะเดินไปที่เตียงนอน
ต้นให้จางเจี่ยนอนตักและเขาได้นวดศีรษะให้จางเจี่ย ใช้นิ้วมือกดที่ศีรษะเบาๆแล้วหมุนนิ้วทั่วบริเวณ เพื่อที่จะให้จางเจี่ยคลายความตึงเครียด ได้ผ่อนคลายสบายใจมากขึ้น ต้นกำลังเพลิดเพลินที่สามารถทำให้จางเจี่ยมีความสุขได้ และได้หลับไปในที่สุดแต่ก็ใช้เวลานานพอสมควร
แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขาจึงกดรับเพราะเป็นสายโทรเข้าของกันเจ้าของร้านนวด
“อยู่ไหนต้นมาช่วยพี่ทำงานหน่อยลูกค้าเยอะมาก พี่หาหมอนวดไมทัน”
“ครับ”
เสียงโทรศัพท์มือถือดังพอสมควรแต่จางเจี่ยก็ไม่มีทีท่าจะตื่น ต้นจึงค่อยๆขยับศีรษะของจางเจี่ยยกสูงขึ้นและเขาค่อยๆเลื่อนขาออกจากศีรษะ หลังจากนั้นจึงวางศีรษะจางเจี่ยไว้ที่หมอน
ก่อนที่ต้นจะไปได้ก้มลงหอมแก้มจางเจี่ย แล้วมองชั่วครู่ด้วยความสงสารก่อนที่จะออกจากห้องไป
ริโอ้มาส่งแทซองที่โรงแรม ด้วยท่าทีที่แทซองดูเศร้า ริโอ้จึงไม่สามารถที่จะกลับไปได้ เขาจึงอยู่เป็นเพื่อนแทซองที่โรงแรม ในขณเดียวกันแทซองก็ขอร้องให้อยู่ต่อ เพราะรู้สึกเคว้งคว้างจนจะรับไหว
"ริโอ้ อยู่เป็นเพื่อนแทซองนานๆได้มั้ย"สายตาของแทซองมีความเว้าวอนขอความเห็นใจ
"ที่ริโอ้ขึ้นมากับแทซองก็จะอยู่เป็นเพื่อนแทซองนี่แหล่ะ"
"จริงหรอ นึกว่าอยากได้แทซอง”แทซองแกล้งแซวเพราะรู้สึกดีใจเป็นอันมาก
"ริโอ้กลับแล้วนะ"ริโอ้มีทีท่าน้อยใจ พร้อมกำลังจะเดินไปเปิดประตู
"หยุดก่อน ริโอ้ แทซองพูดเล่น”แทซองดึงมือริโอ้ไว้
"ล้อเล่นแบบนี้ริโอ้ไม่ชอบ”ริโอ้สบัดมือแทซอง
"แทซองขอโทษ”แทซองเดินเข้ามาใกล้ริโอ้มากขึ้น
ริโอ้รู้สึกสงสารแทซองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาจึงใจอ่อนเมื่อเจอลูกอ้อนของแทซอง ริโอ้จึงหันหลังกลับมามองแทซอง
"ก็ได้ ริโอ้จะอยู่เป็นเพื่อน"
แทซองมองหน้าริโอ้ พร้อมความรู้สึกที่เริ่มเปลื่ยนไปพอสมควร แทซองริ่มมีความรู้สึกดีดีขึ้นบ้างกับริโอ้ ด้วยความเอาใจใส่ตัวแทซองในหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา
ในส่วนริโอ้นั้นเกือบให้หมดทั้งใจ แม้ปันจะเข้ามาในใจบางครั้ง ด้วยความชอบเกาหลีเป็นที่ตั้งมาเนิ่นนาน พอเจอแทซองจึงเอียงเอนมาพอสมควร
"เรามาคุยกันเรื่องคืนก่อนนั้นดีกว่า”ริโอ้จำได้มาทันทีที่ได้มองตาแทซอง สายตาที่เย้ายวนจิตใจองเขาอย่างมาก
"เรื่องอะไร”แทซองเอียงคอนิดหลบตาริโอ้แล้วครุ่นคิด
"ก็เรื่องคืนก่อนที่เราตกลงว่าจะลองคบกันไง"ริโอ้ยิ้มกรุ่มกริ่ม
"แทซองจำไม่ได้แทซองเมา"แทซองเริ่มเขิน
"แต่ผมจำไม่ลืม”ทั้งที่ความจริงก่อนหน้านั้นยังปฏิสเธอยู่เลย
“เราจะเป็นแฟนกันจริงๆใช่มั้ย”แทซองแกล้งพูด เพราะอยู่ใกล้ๆกับริโอ้เขามีความรู้สึกสนุกกว่าอยู่กับคิมโยฮัน เลยอยากลองดูเผื่อจะได้ลืมคิมโยฮัน
“ถ้าแทซองยอมริโอ้ก็ไม่ปฏิเสธ”ริโอ้เดินเข้าไปหาแทซอง
แทซองเดินนถอยหลังทีละก้าวอย่างช้าๅ ริโอ้ก็เดินเข้าหาทีละก้าวเช่นกัน จนแทซองเดินมาชนขอบเตียงแล้วเซลงบนที่นอน ริโอ้จึงหยุดตรงหน้าแทซองใช้สองมือยันที่นอน พร้อมโน้มร่างลงอย่างช้าๆ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ริโอ้จึงหยุดทันทีเขาจึงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าดึงโทรศัพท์มือถือออกมากดรับ
“ฮัลโหล”
“ริโอ้มาที่ร้านด่วนลูกค้าเต็มร้านแล้ว”เสียงกันเจ้าของร้านดังใส่หูริโอ้อย่างดัง
“มีเรื่องทุกทีตอนเข้าได้เข้าเข็ม”ริโอ้รู้สึกหงุดหงิดอีกแล้ว
“มีอะไรหรอ”แทซองมีสีหน้าสงสัย
“ริโอ้ต้องไปทำงานลูกค้าเยอะ”ริโอ้ถอนหายใจ แล้วทันใดนั้นเขาก็ขโมยจูบแทซองหนึ่งที่
“ฮื้อ”แทซองส่งเสียงแผ่วเบา
“ผมไปแล้วนะ ถ้าเลิกงานแล้วผมจะกลับมา
ริโอ้รีบออกจากโรงแรมของแทซองด้วยความเสียดายอีกตามเคย
ปันนั่งนอวดฝรั่งโมย่าอย่างมีความสุข เพราะวันนี้โมย่านวดรวดเดียวสามชั่วโมง นอกจากได้ชั่วโมงเยอะแล้ว เขายังมีความสุขและความรู้สึกดีดี กับโมย่าเพิ่มมากขึ้นทีละน้อย ในขณะที่ปันกำลังมีความสุขในการนวดให้กับคนที่รู้สึกดีๆนั้น ริโอ้ได้เดินผ่านเตียงของเขาและยิ้มให้ ปันแอบชำเลือด้วยปลายสายตา
ด้วยความขี้เล่นของริโอ้เลยพูดเสียงแผ่วข้างๆ
"ถูกใจใช่เลย”แล้วเขาก็รีบเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ปันไม่สนนวดต่อ ส่วนความรู้สึกชั่ววูบกับริโอ้เริ่มจางหายไปพอสมควร หลังจากริโอ้ห่างหายเพื่ิอไปดูแลแทซอง
หลังจากนั้นไม่นานต้นก็ตามเข้ามาติดๆ แต่คราวนี้ปันยิ้มให้อย่างยินดี แต่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันด้วยความที่ลูกค้าเยอะมาก ในขณะเดียวกัน นนท์แฟนใหม่ของปรัชญ์ที่ป็นแฟนเก่าของต้นก็มารับงานที่นี่ด้วย แต่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันจนหมดลูกค้า
หลังร้านปิดเหลือเพียงสองคนทสุดท้าย เมื่อเสร็จงานจึงไม่สามารถหลีกเลียงการเผชิญหน้ากันได้
ในขณที่ต้นกำลังจะขับรถมอเตอร์ไซค์เช่าของจางเจี่ยกลับโรงแรม นนท์ก็รีบเดินมาจนประชิดตัว
จนต้นต้องหันมามองด้วยความกลัวว่าจะโดนทำร้าย เพราะเหลือเพียงสองคนเท่านั้น
"มีอะไรพี่นนท์”ต้นทำใจสู้เสือพร้อมจะสู้ทั้งวาจาและกำลัง
"เดี๋ยวนี้สบายเนาะมีคนเช่ารถให้ขับ”นนท์ปาดสายตามองมอเตอร์ไซต์ของต้น
"ถ้าพี่นนท์จะพูดเรื่องไร้สาระต้นก็จะกลับแล้วนะ”
"เดี๋ยวก่อน"
"มีอะไร"
"เรื่องปรัชญ์"
พอได้ยินชื่อนี้ต้นถึงกับหยุดนิ่ง ไม่ใช่อยากรู้เรื่อง แต่ไม่อยากได้ยินมากกว่า
"ช่วงนี้เขาแย่นะ โดนซ้อมแล้วก็ป่วยด้วย”นนท์มีสีหน้าเศร้าด้วยการแสดง เพราะอยากให้ต้นไปเยื่อม เขาจะได้ผลักภาระให้ต้นอีกครั้ง
"แล้วไง"ต้นยักไหล่แสดงออกชัดเจนว่าไม่สนในปรัชญ์แล้ว
"ก็แค่บอกให้รู้เท่านั้น เผื่อมียื่อใยกันอยู่"
"โอ๊ยพี่ ต้นเเลิกรักปรัชญ์นานแล้ว ต้นมีแฟนใหม่แล้ว ชีวิตเราต้องเดินหน้า ไม่มัวมาจมปลักกับผู้ชายห่วยๆหรอก”ต้นหัวเราะหึๆๆด้วยความสะใจ
"ต้นลืมเขาได้จริงๆหรอ"
"ใช่ คนไม่ดีจำทำไม ว่าแต่พี่เถอะห่วงตัวเองดีกว่า ต้นไปล่ะ"ต้นพูดกระแทกจนกระทบจิตใจนนท์อย่างจัง
"อย่าพึ่งไป พี่มีเรื่องจะถาม พี่จะไม่ทน มีคำแนะนำให้พี่มั้ย"ดวงตาของนนท์มีน้ำคลอออกมา คราวนี้ไม่ได้แสดงแต่เป็นความจริง เพราะสิ่งที่นนท์เจอไม่ได้ต่างกับต้นแม้แต่น้อย
ต้นเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกอดสงสารไม่ได้ เพราะห้วงเวลาหนึ่งเขาก็เคยเจอ
"ต้นไม่รู้จะแนะนำอะไร เพราะเขาหนีไปจากต้นเองซึ่งตอนนั้นต้นก็รักเขาอยู่"
"แล้วทำไมเขาถึงหนีต้นล่ะ”สายตาของนนท์มีประกายแห่งความหวังขึ้นมาทันที
"ช่วงนั้นต้น ไม่มีเงินตกงาน มีแต่ตัวที่ให้เขาได้ ต้นบอกได้แค่นี้แหล่ะ ต้นไปแล้วนะ"พูดจบต้นสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ออกไปในทันที โดยไม่สนใจนนท์แม้แต่น้อย เพราะตอนนี้ต้นเป็นห่วงจางเจี่ยเพียงคนเดียว
นนท์มองต้นขับรถไปจนลับสายตา แล้วก็มีความหวังขึ้นมาทันที แต่ไม่ใช่เรื่องไม่มีเงินตกงาน ในทางกลับกันในเมื่อเดี๋ยวนี้ต้นมีเงิน นนท์จึงคิดแผนการณ์ร้ายได้ในทันที