บทนำ เจ้าสาวที่ร่วงหล่นจากฝันหวาน

1642 Words
บทนำ เจ้าสาวที่ร่วงหล่นจากฝันหวาน เป็นได้แค่ตัวแทน ตึก! ตึก! ตึก! หัวใจเต้นระรัวจนแทบจับจังหวะไม่ได้ มือเรียวเล็กชื้นเหงื่อผสานเข้าหากันบริเวณหน้าตัก ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยแป้งขาวนวลผุดผาด ริมฝีปากทาด้วยชาดแดงสีสดเย้ายวน แค่เพียงเจ้าสาวกะพริบเปลือกตาน้อยๆ แพขนตางามงอนก็ขยับไหวยิ่งส่งให้งดงามดั่งภาพวาดที่ไม่มีอยู่จริง ‘ฟ่านลู่เสียน’ อยู่ในชุดวิวาห์สีแดงมงคลที่ปักประดับด้วยไหมทองคำเลอค่า ยามขยับเขยื้อนเยื้องกรายเส้นไหมทองคำกระทบแสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างจนดวงตาถึงกับพร่าพราย นางยอบกายลงนั่งเบื้องหน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่ทำจากไม้เนื้อแข็งขัดเงาสลักลายดอกมู่ตานชดช้อย เหลือบมองผู้ช่วยหวงตงหลิงที่บรรจงหยิบปิ่นทองคำรูปหงส์ฟ้าออกจากกล่องไม้บุกำมะหยี่ ค่อยๆ ประดับลงบนเรือนผมของนางอย่างเบามือ “ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ” ประกายตาของเจ้าสาวแสนสวยไหววับไปด้วยความตื่นเต้น บนใบหน้าหวานเจือระเรื่อไปด้วยความสุขสมหวังดั่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในห้าปีมานี้เป็นเพียงความฝันแสนหวาน “มันคือความจริงเจ้าค่ะคุณหนู” ผู้ช่วยหวงเอ่ยเสียงราบเรียบ ก่อนจะเดินไปทางด้านหลังเมื่อเห็นองครักษ์อวิ๋นก้าวเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ชายหนุ่มร่างสูงกระซิบบอกเล่าอะไรบางอย่างแก่ผู้ช่วยสาวด้วยท่าทางลิงโลดใจ หวงตงหลิงได้ยินข่าวดีก็ถึงกับฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ดั่งว่าความทุกข์โศกที่นางแบกอยู่บนบ่าทั้งสองข้างได้ถูกปลดเปลื้องลงเสียที นางหันไปโบกมือสั่งให้สาวใช้ทั้งหมดในห้องออกไป ก่อนจะเดินไปที่กาน้ำร้อนแล้วเริ่มชงชาอย่างระมัดระวัง ฟ่านลู่เสียนไม่ได้สนใจว่าผู้ช่วยหวงและองครักษ์ส่วนตัวของนางกำลังพูดคุยอะไรกัน เพราะดวงตายังคงจับจ้องมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจก เวลานี้นางไม่ใช่ ‘ฟ่านลู่เสียน’ บุตรพ่อค้าผ้าในตลาด แต่เป็น ‘คุณหนูเถาเหลียวเกอ’ ผู้ที่กำลังจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาทรูปงามในอีกไม่กี่อึดใจนี้แล้ว นางใช้ชีวิตในฐานะคนอื่นมากว่าห้าปี ชีวิตที่ราวกับเหยียบย่างอยู่บนกลีบเหมยฮวาแสนหวาน มีผู้คนรายล้อมนบนอบดั่งเป็นมือเป็นเท้า มีเงินทอง ข้าวของ บริวารมากมาย ใช้ชีวิตที่ราวกับกำลังฝันไป “ข้ากลัวจะตื่นจากความฝันเสียจริง” หญิงสาวยกมือขึ้นกุมแก้มตนเองแผ่วเบา ก่อนจะหวนคิดถึงสัมผัสอ่อนโยนขององค์รัชทายาทผู้เป็นคนรัก เขาจูบนางแผ่วเบาที่แก้มและริมฝีปาก บอกรักนางด้วยถ้อยคำแสนหวาน จับจูงนางออกงานสังคมไม่ว่างเว้นราวกับต้องการประกาศถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่น นางเคยรู้สึกเจ็บปวด ด้วยคิดว่าผู้ที่หวงไท่จื่อรักคือ ‘เถาเหลียวเกอ’ ตัวจริง แต่การที่นางใช้ชีวิตเป็น ‘ตัวแทน’ ก็ไม่ได้ทำให้นางทุกข์ร้อนอะไร ในเมื่อตัวจริงได้เสียชีวิตไปนานแล้ว นางจึงขอใช้ชีวิตที่เหลือนี้ดั่งเงาของคุณหนูเถาด้วยความสุขตลอดไป จนเมื่อนางได้รู้ความจริงจากผู้ช่วยหวง ว่าคุณหนูเถาและหวงไท่จื่อไม่เคยพบปะกันมาก่อน ด้วยเป็นการหมั้นหมายพระราชทานจากองค์ฮ่องเต้ ยังไม่ทันได้พบหน้าคร่าตาคุณหนูเถาก็มาด่วนจากไปก่อนวัยอันควรเสียก่อน ‘เช่นนั้นข้าหวังได้ใช่หรือไม่ ว่าคนที่หวงไท่จื่อรักก็คือข้า เขารักข้าที่เป็นข้า และเราทั้งสองกำลังจะแต่งงานครองคู่กันอย่างมีความสุข...’ ฟ่านลู่เสียนอมยิ้มกับตนเองในกระจก มีความสุขล้นจนหัวใจฟูฟ่องคับอบเมื่อคิดถึงบุรุษผู้เป็นที่รัก “คุณหนูดื่มชาร้อนๆ สักแก้วก่อนเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวพอขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวเดินทางไปถึงวังจันทรา ต้องเข้าร่วมพิธีมากมายจนไม่ได้ดื่มน้ำสักหยดเป็นแน่” ผู้ช่วยหวงถือแก้วชาร้อนมาวางไว้ตรงหน้าหญิงสาว ด้วยท่าทางอารมณ์ดี ริมฝีปากที่นิ่งสนิทเป็นเส้นตรงอยู่เสมอถึงกับยกยิ้มจนดูแปลกตา แตกต่างจากเมื่อครู่ที่ราวกับไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง ฟ่านลู่เสียนเห็นผู้ช่วยสาวอารมณ์ดี ตนเองก็ยิ่งอารมณ์ดีไปด้วย เพราะปกติแล้วผู้ช่วยมักจะไม่แสดงสีหน้า อีกทั้งยังเจ้าระเบียบ คอยขนาบนางให้กลายเป็นคุณหนูเถาผู้เพียบพร้อมอยู่ตลอดเวลา ห้ามมีสิ่งใดผิดพลาด ห้ามทำให้ตระกูลเถาและคุณหนูเถาเสียชื่อเสียงเป็นอันขาด ลู่เสียนไม่ค่อยเข้าใจนัก ในเมื่อนางใช้ชีวิตแทนคนที่ตายไปแล้ว เหตุใดนางจึงต้องรักษาชื่อเสียงของคนที่จากไปอยู่ตลอดเวลา แต่มาวันนี้นางเข้าใจแล้วว่าผู้ช่วยหวงและทุกๆ คนคงอยากให้นางเป็นสตรีที่เพียบพร้อมทั้งกาย วาจา และใจนั่นเองเฉกเช่นที่คุณหนูเถาเคยเป็นมาโดยตลอด ‘ผู้ช่วยหวงก็คงจะรู้สึกยินดีไปกับข้าเช่นกันสินะ เพราะวันนี้เป็นวันที่ข้ากำลังจะก้าวไปข้างหน้าอย่างงดงาม ในฐานะที่ผู้ช่วยเหอคอยอยู่เคียงข้างข้ามาตลอดห้าปี ก็คงไม่แปลกที่ผู้ช่วยจะยิ้มออกมาอย่างดีใจเช่นนี้’ “ขอบคุณนะ” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณก่อนจะหยิบแก้วชาขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว จึงไม่เห็นสายตาจับจ้องของผู้ช่วงหวงและองครักษ์อวิ๋นที่เฝ้ามองให้นางกลืนน้ำชาเหล่านั้นลงไปในลำคอทุกหยาดหยดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ดวงตาวาววับเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้ายก่อนจะกลบเกลื่อนเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว “ชารสชาติแปลก แต่ชุ่มคอดีเหลือเกิน ขอบคุณนะผู้ช่วยหวงที่ดูแลเอาใจใส่ข้ามาตลอดห้าปี ขอบคุณนะองครักษ์อวิ๋นที่คอยปกป้องคุ้มครองข้าด้วยความขยันขันแข็งมาตลอด” ลู่เสียนเอ่ยขอบคุณคนทั้งสองที่คอยอยู่เคียงข้างกาย นับตั้งแต่วันแรกที่นางย่างก้าวเข้าตระกูลในฐานะคุณหนูเถา เพราะทั้งสองคือคนสนิทของคุณหนูเถาเหลียวเกอ คอยดูแลรับใช้คุณหนูมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงวัยแบเบาะ ทั้งสองจึงคอยสอนคอยบอกว่านางต้องวางตัวเช่นไร ยิ้มอย่างไร พูดจาด้วยน้ำเสียงจังหวะจะโคนใดเพื่อให้เหมือนคุณหนูเถามากที่สุด จนกระทั่งไม่มีบ่าวไพร่ในจวนคนใดติดใจสงสัย อีกทั้งฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ยังรักและเมตตานางเพราะคิดว่านางเป็นคุณหนูเถาตัวจริงอีกด้วย ฟ่านลู่เสียนก็รักฮูหยินผู้เฒ่าไม่น้อย ถึงอย่างไรฮูหยินผู้เฒ่าก็มีศักดิ์เป็นท่านย่าของนาง เพราะนางเองก็มีสายเลือดของสกุลเถาไหลเวียนอยู่ จึงได้ใช้ชีวิตอย่างกลมกลืนในตระกูลนี้โดยง่าย นับเป็นวาสนายิ่งแล้ว... “พวกเราเต็มใจเจ้าค่ะ/ขอรับคุณหนู” ทั้งสองเอ่ยออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนจะเสนอรินชาเพิ่มให้คุณหนูเถาตัวปลอมดื่มอีกแก้ว… ไม่กี่เค่อต่อมาเสียงบานประตูห้องนอนก็เปิดออก หญิงสาวอ่อนเยาว์ที่มีดวงตากลมโตประกายไปด้วยความไร้เดียงสาจึงได้หยัดกายลุกขึ้นยืนแล้วรีบหันกายกลับไป เพราะเข้าใจว่าท่านลุงหรือเวลานี้ได้กลายเป็นบิดาของนางคงจะเข้ามาหา มาพูดคุย ก่อนที่นางจะขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวไปยังวังจันทราขององค์รัชทายาทเป็นแน่ ท่านลุงผู้กลายเป็นท่านพ่อทั้งรักและหวงแหนนาง อีกทั้งยังตามใจทุกอย่าง คอยประคบประหงมนางราวกับไข่ในหินก็ไม่ปาน จนทำให้ลู่เสียนรู้สึกราวกับว่าชายสูงวัยเป็นบิดาของตนอีกคน แล้วก็เป็นดั่งที่นางคาดไว้จริงๆ ผู้ที่ก้าวเข้ามาสวมใส่เสื้อผ้าสีน้ำเงินครามที่ตัดเย็บอย่างประณีต ชายสูงวัยผู้นั่งตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหมสูงศักดิ์ แต่ทว่า... สตรีที่เดินเคียงข้างเสนาบดีเถากลับทำให้ฟ่านลู่เสียนชาวาบตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า หัวใจของนางวูบไหวร่วงหล่น ใบหน้าซีดขาวไร้เลือดฝาด ริมฝีปากอ้าค้างตะลึงงัน “คะ...คุณหนูเถา!” ลู่เสียนเอ่ยเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะหันไปมองเสนาบดีกรมกลาโหม ผู้ช่วยหวง องครักษ์อวิ๋น และพ่อบ้านหวงที่เพิ่งเดินตามเข้ามาราวกับต้องการคำตอบว่าเหตุใดคุณหนูเถาที่เสียชีวิตไปถึงห้าปีด้วยอุบัติเหตุจึงได้กลับมายืนอยู่ตรงนี้ได้ ระ...หรือว่าจะเป็นใครอีกคนที่มีใบหน้าเหมือนคุณหนูเถา เฉกเช่นที่นางมีใบหน้าเหมือนคุณหนูราวกับฝาแฝด เมื่อเพ่งมองอีกฝ่ายจึงได้เห็นว่า สตรีผู้นั้นสวมใส่เสื้อผ้าตัวในสีแดงดั่งเตรียมตัวสำหรับสวมชุดวิวาห์ อีกทั้งยังเกล้าผมขึ้นสูง และแต่งแต้มใบหน้าอย่างประณีตอีกด้วย จะมีคนที่ใบหน้าเหมือนกันขนาดนี้ได้สักกี่คนกัน ที่นางมีใบหน้าเหมือนคุณหนูเถา ก็เพราะต่างเป็นลูกพี่ลูกน้องจึงมีใบหน้าเหมือนท่านปู่ทั้งคู่ นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีหลานสาวคนไหนมีใบหน้าเหมือนท่านปู่อีกเลย ‘มะ...ไม่ผิดแน่ สตรีท่านนี้คือคุณหนูเถาสินะ’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD