ปฐมบท

1291 Words
แสงแดดสว่างแยงทะลุม่านตาที่กะพริบไล่ความแสบร้อนที่เปลือกตา อะไรกันเมื่อคืนรู้สึกเหมือนเพิ่งขับรถกลับบ้าน ทำไมวันนี้ถึงตื่นสายได้ขนาดนี้นี่นอนไปนานขนาดนั้นเลยหรือ เฮ้ย ขยับตัวเบาๆ เปิดปากหาวเปิดเปลือกตา “จูเจี่ยแอบมานอน หลับใหลที่นี่อีกแล้วงานในไร่รอเจ้าอยู่ แล้วยังมานอนสบาย” ใครวะ มาเสียงดังข้างหู “ตื่นได้แล้วจูเจี่ย"ลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ “ฮาวววว”บิดขี้เกียจไปรอบตัว “จูเจี่ย วันนี้ต้องส่งผักเข้าวังหลวง ยังไม่ได้ตามที่กำหนดเจ้ายังกล้ามานอน”เถียงนาน้อย เอ้ย ...ไม่ใช่ ที่นี่มันที่ไหน สวนผักกว้างใหญ่ แล้วยังมีเพิง ไม่สิแถวบ้านเรียกเถียงนา เคยสงสัยไหมไปเถียงทำไมนา “เจ้านี่แย่จริงๆ นอนจนน้ำลายไหลแล้วยังหลับสนิทจนงุนงง” “เอ่อ ๆๆ คือๆๆๆ ” ไปโกยขี้หมูใส่ผักเดี๋ยวนี้เลย หญิงวัยกลางคนมองอย่างไงอย่างไงก็น่าจะเป็นคนที่มีพาวเวอร์ที่สุดในที่นี้ ชี้มือไปที่กองขี้หมูกองมหึมา ข้างเถียงนา “ต้องไปใช่ไหม” “หญิงบ้านป่าเกียจคร้านเช่นเจ้าใครกันจะรับเป็นภรรยา ไร้คนสู่ขอข้ามิต้องเลี้ยงเจ้าจนตายหรือไร” ร่างอ้วนตุ๊ต๊ะของแป๋ม ขยับตัวอืดอาด วันๆ เคยทำอะไรกันนอกจากนั่งกดแป้นพิมพ์พิมพ์นิยายกับขนมและของว่างข้างโต๊ะคอม แล้วนี่ฉันมาที่นี่ได้อย่างไรกัน “จูเจี่ยอย่าลืม ยกผักพวกนั้นไปรวมกันไว้ด้วยเจ้าแข็งแรงที่สุดในบ้าน”แป๋มเหลือบตามองคนสามคนที่มี ชายวัยกลางคน หญิงกลางคนและเด็กชายตัวกะเปี๊ยกนั่งลงช่วยกันขุดมันในร่อง ข้ามภพ ข้ามภพแน่นๆ เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ในเมื่อเมื่อคืนขับรถมาจากห้างสรรพสินค้าเพื่อหอบเสบียงกลับบ้าน ช่วงนี้เกิดโรคระบาดการออกมาจับจ่ายจึงค่อนข้างลำบากแล้วจะนั่งกินก็ต้องกดแอลกอฮอลล์ที่มีกลิ่นน้ำหอมทำเอารสชาติอาหารด้อยลงไปเพราะฉะนั้นทำกินเองดีที่สุด สะอาดปลอดภัยว่าแต่ย้อนอดีตมาทำไมกลางไร่ผักแบบนี้แล้วนี่เขาพูดภาษาจีนกัน ตายล่ะย้อนมาเสียไกลเลย แล้วมาเป็นชาวไร่ชาวสวนนี่นะ จะบ้าเหรอฉันจะทำอะไรเป็นยายป้านั่นก็คงรู้ว่าแป๋มทำอะไรไม่เป็นเลยใช้ให้ไปโกยขี้หมูใส่แปลงผัก แล้วจะกลับอย่างไรวะนั่นจะโวยวายก็ใช่ที่ที่นี่ที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วยังมาปลูกผักอิหยังวะ เป็นเรื่องแน่คราวนี้ จะอยู่อย่างไรกันต้องมีสตอรี่แน่ต่อจากนี้ กลิ่นขี้หมูเหม็นจนจะอ้วก เบ้ปากมองมือตัวเอง “ยี้” “จูเจี่ย อย่าอ้อยอิ่ง ข้าหิวข้าวแล้วเสร็จจากใส่ปุ๋ยจะได้มากินข้าวกัน” เจ้าเด็กชายตัวกระเปี๊ยกส่งเสียงมาจากข้างหลัง “เรียกพี่..ได้ยินไหมเจ้าตัวกระเปี๊ยก”เบ้ปากใบหน้าเชิดหยิ่ง “จูเจี่ย จูเจี่ย จูเจี่ย”วิ่งหันหน้าหันหลัง “นี่ เจ้าเจ้า “วิ่งไล่เด็กชายตัวน้อยอายุคงไม่เกินหกขวบจนหอบแฮ่กๆ ก็ไม่เคยออกกำลังกาย “จูเจี่ยโตแล้วยังทำตัวเหมือนเด็ก ใส่ปุ๋ยเสร็จหรือยัง”เจ้าน้องชายแลบลิ้นใส่ก่อนจะวิ่งไปหามารดา “ท่านแม่พี่สาวจูเจี่ยรังแกข้า”ฟ้องฟ้อง เจ้าบ้า! “เจ้าบ้า” “จูเจี่ย น้องยังเด็กห้ามพูดจาหยาบคาย”หานี่ยังเด็กเหรอ บอกตามตรงดิฉันไม่ชอบเด็กค่ะ โดยเฉพาะเด็กนรก “ไม่ต้องแล้วบ่ายค่อยไปโกยมากินข้าวก่อน” เสียงชายกลางคนที่ไม่มีปากเสียงคงเป็นพ่ออ๋อนนี่คือครอบครัวใหม่เหมือนกลับมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเลยมีพ่อแม่แล้วก็น้องนรก พาร่างตุ๊ต๊ะตุ้มตุ๊ยเดินกลับไปยังเถียงนา หิวตาลาย แต่เมื่อขยับตัวเข้าไปบนเถียงนา สิ่งที่เห็น ผัดผัก ผักต้ม ผักดองผักสด “ไม่กิน” “ บ้านเจ้าคิดว่าเลือกได้หรือไรหายวันมานี้บ่นแต่เรื่องกินทั้งที่ที่ตัวเองอ้วนจนจะกลิ้งลงจากเขาเหลี่ยงซานได้อยู่แล้ว”เจ็บจี๊ดยัยป้าพูดแทงใจดำ “ไม่หิว” “เช่นนั้นก็ไปโกยขี้หมูต่อได้แล้ว พ่อเจ้าจะได้ไปต้องลำบากเพียงลำพัง แต่เดิม จูเจี่ยก็มักจะแอบขโมยไก่ในเล้าไปย่างกินอยู่แล้วนี่คงแอบกินไปแล้วจึงไม่หิว ไก่ในเล้ากลับไปนี่ข้าต้องไปนับว่าหายไปหรือไม่”ขโมยไก่เลยหรือจูเจี่ย เฮ้อร้ายกาจเสียจริง “ท่านเจ้าบ้านวันนี้ข้านำ คนงานใหม่มาให้ท่านใช้งานฟรีเขาเป็นคนจร ที่ข้าพบเขาระหว่างทางแค่อาศัยได้ข้าวกินในแต่ละวันเขาก็พอใจแล้ว” แป๋ม เหลือบตามองคนอะไรแค่ขอข้าวกิน มองเลยผ่านไปยัง ร่างสูงทว่าผอมบางใบหน้าขะมุกขะมอม หากเป็นสมัยใหม่ก็คงเป็นนายแบบได้สบายๆ แต่เป็นสมัยนี้ “ผอม ขนาดนี้ข้าจะกล้าใช้งานเขาหรือ นายท่าน”นายท่านที่ว่าเป็นพ่อค้าคนกลางที่ส่งผักเข้าไปขายในวังหลวง หัวเราะจนพุงกระเพื่อม “น่า นึกว่าเอาบุญ ใช้งานหนักงานเบาได้ทั้งหมดที่แรกข้าตั้งใจจะให้เขาทำงานกับข้า แต่ท่านเจ้าบ้านโปรดเห็นใจ ที่พักอาหารข้าก็มีจำกัดท่านพ่อบ้านมีไร่กว้างขวางโรงเก็บพืชพันธุ์มากมาย ให้เขาได้อาศัยหลบหนาวยามค่ำคืน ผักหญ้าท่านก็เยอะแยะพอได้เป็นอาหาร นึกว่าเอาบุญ” พ่อในโลกนี้ของแป๋ม ยิ้มอย่างคนที่ใจดี พยักหน้าน้อยๆ แต่ยายป้านี่สิ “โอ๊ย มาอยู่น่ะมาอยู่ได้ แต่ต้องช่วยกันทำงานให้มาก ข้าไม่มีปัญญาจะเลี้ยงใครฟรีๆ หรอกนะ” “ขอรับนายหญิง จะใช้งานข้าล้วนทำได้ทุกอย่าง”แป๋มเบ้ปากตัวผอมบางหุ่นสะโอดสะอง แป๋มตัวใหญ่เหมือนช้างน้ำยังไม่อยากทำเลยงาน “จูเจี่ย มายืนยิ้มทำไม ไม่กินก็ไปโกยขี้หมูได้แล้ว”ท้องร้องจ๊อกๆ กระโดดขึ้นไปบนกระท่อม หรือเถียงนาน้อย ตักข้าวใส่ถ้วยใช้ตะเกียบพุ้ยข้าวกับผักใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ “เสี่ยวซง อยู่ที่นี่ตั้งใจทำงาน” “ขอรับนายท่าน”นายท่านพ่อค้าผักหันไปเจรจากับท่านพ่อไม่สนใจเสี่ยวซงผู้นั้นอีกต่อไป เขาเดินไปที่กองขี้หมู โกยมันใส่ ตะกร้าสาน แบกไว้บนหลังก้าวเดิน ไปยังแปลงผัก “พรุ่งนี้ ผักจึงจะส่งเข้าวังหลวง งวดนี้ขอผักกาดขาวกับกะหล่ำปลีเยอะหน่อยช่วงนี้ อาหารขาดแคลน เพราะอากาศหนาวการเก็บเกี่ยวไม่ได้ผลสินค้าที่ส่งเข้าวังหลวงจึงเหลือแต่ข้าเพียงเจ้าเดียว” “นายท่านก็คงได้กำไรไม่น้อย” “ส่งผักเข้าวังหลวงแต่ละครั้งล้วนแต่ต้องผ่านการคัดสรร ผักของท่านเจ้าบ้าน แม้จะไร้ที่ติแต่ของคนอื่นก็ล้วนแต่ไม่ผ่านการคัดสรรเท่าที่คิดไว้แม้จะผ่านก็ไม่เป็นดั่งใจหวังท่านเจ้าบ้านและครอบครัวปลูกผักได้น่าพอใจ วังหลวงไม่เคยปฏิเสธผักจากไร่ของท่านเจ้าบ้านเฉิน”แซ่เฉิน มันแซ่ต้นตระกูลของแป๋มนี่ ชักจะอย่างไงอย่างไงซะแล้วหรือว่า แป๋มย้อนเวลามาเพราะเกี่ยวดองกับแซ่เฉินนี่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD