คณานางค์เห็นท่าพี่แมนคนสนิทของเธอเอานิ้ววาดขอบปาก กลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อกแล้วอดสยองไม่ได้ ลองได้มาเจอปากตะไกรของพ่อเจ้าประคุณสุดหล่อที่พูดถึงหน่อยเถอะ รับรองได้แตกกระเจิงกันไปข้างแน่ๆ
“ดูท่าพี่แมนจะคลั่งไคล้จริงนะคะเนี่ย ตอนนี้คะน้าละอยากจะเปลี่ยนตัวกับพี่ซะจริงๆ”
“ถ้าได้ก็ดีน่ะสิยะ พี่จะฟาดให้หมด ยอมเป็นพญาเทครัวเลยละค่ะ” ผู้จัดการหนุ่มหัวเราะคิกคักไม่เลิก
“แต่คะน้าไม่ชอบนี่คะ แล้วอีกอย่างดูนายตัวโตนั่นก็ไม่ได้สนใจคะน้าเลยสักนิดด้วย บอกตามตรงเลยนะคะ คะน้ารับไม่ได้ที่จะมีคนมาเมินใส่แบบนั้น ชีวิตคะน้ามีแต่คนเข้าหา อยากได้อะไรก็มีคนคอยเอามาประเคนให้ แต่พออยู่ต่อหน้านายนั่นทีไร ความมั่นใจที่คะน้าเคยมีมันเหมือนโดนเขาดูดไปหมดจนไม่เหลือสักนิด ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าโมโห”
“เอาน่า ดูสถานการณ์ไปก่อนเถอะ ไม่แน่เรื่องราวมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่หล่อนคิดไว้ก็ได้ แต่ถ้าถามพี่ พี่ว่ามันออกจะเป็นเรื่องดีซะอีก เพราะเท่าที่พี่ดูๆ ในบรรดาลูกชายของตระกูลนั้น คนโตนี่มีภาษีดีที่สุดเลยนะยะ ทั้งหน้าตา ความภูมิฐาน กิริยามารยาทก็แสนจะสุภาพ แล้วที่มาเดินวนไปเวียนมานี่ อย่าบอกนะคะว่า ‘คุณตัวโต’ จะมารับไปน่ะ ถึงอยากจะเอาพี่ไปเป็นไม้กันหมา”
“จะพูดว่าเขามารับก็คงจะไม่ถูกนักหรอกค่ะ เรียกว่าโดนบังคับทั้งสองฝ่ายจะใกล้เคียงกว่า”
“งั้นก็โชคดีนะคะ วันนี้พี่แมนมีนัดด่วนจริงๆ คงจะไปกับคุณน้องไม่ได้”
แมนดารินทำหน้าทำตาประกอบคำขอโทษ ส่งสายตาหวานเชื่อม เพราะถึงแม้หน้าตาเขาจะจัดว่าดีในระดับหนึ่ง รูปร่างยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะมีเชื้อสายลูกครึ่งหลายเชื้อชาติ ทำให้เขาสูงใหญ่อยู่แล้ว ส่วนงานที่ทำยังต้องคร่ำหวอดอยู่ในวงการ แต่เพราะรักความเป็นส่วนตัวและอิสระเหนือสิ่งอื่นใด เขาจึงไม่คิดที่จะรับงานนายแบบ หรือนักแสดงที่พอจะมีคนติดต่อมาบ้าง แต่กลับทุ่มเทเวลาเกือบจะทั้งหมดให้รุ่นน้องที่สนิทสนมและรักใคร่กันยิ่งกว่าใครอย่างคณานางค์ ที่ขอร้องให้เขามาช่วยเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ โดยที่เขาเองก็มีธุรกิจร้านอาหารเล็กๆ อยู่สองสามแห่ง เพราะเวลาว่างก็ยังมีอยู่มาก ด้วยนางแบบสาวที่เป็นรุ่นน้องจะจำกัดลิมิตในการรับงานอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ว่าวันหนึ่งๆ จะรับแค่งานเดียว และเดือนหนึ่งจะต้องมีวันให้เจ้าหล่อนได้พัก 5-10 วันเป็นอย่างต่ำ
“เดี๋ยวนี้พึ่งพาไม่ได้เลยนะคะพี่แมน คะน้าน้อยใจแล้วนะ เอะอะก็มีนัด เอะอะก็มีธุระ”
“ไม่ต้องทำแก้มยื่นปากยาวแบบนั้นเลยย่ะ โตแล้วนะคะคุณหนูคณานางค์”
“เอาเถอะค่ะ พี่แมนมีธุระให้ต้องไปทำต่อก็ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงคะน้า เห็นตานั่นส่งข้อความมาบอกว่าจะมารับ เดี๋ยวคะน้านั่งรอเขาอยู่แถวๆ หน้าสตูดิโอนี่แหละค่ะ”
“อย่างนั้นเย็นนี้พี่จะโทรไปอัปเดตนะคะ ว่าเดตครั้งแรกเป็นยังไงบ้าง แล้วค่อยเมาท์กันนะคะ บ้ายบาย” ผู้จัดการหนุ่มสะพายกระเป๋าแบรนด์หรูเลียนแบบผู้จัดการดาราชื่อดังบี ศุภเชษฐ์ ก่อนจะบิดก้นและแถมส่งจูบดังจ๊วบ กับท่าทางโบกไม้โบกมือแถมให้
“เดี๋ยวค่ะพี่แมน”
“อะไรของหล่อนอีกยะ”
“คะน้าเกือบลืม ว่าจะบอกให้พี่แมนเข้าใจซะใหม่ด้วยว่า คะน้าไม่ได้ฟาดนายแบบพวกนั้นนะคะ ก็แค่เปลี่ยนคู่ควง และเพื่อนสนิทตามความเหมาะสมของเวลาก็เท่านั้นเอง”
“ย่ะ !”
“หิวหรือยัง” ปริญญ์ถามขึ้นหลังจากพาหญิงสาวเดินเข้ามาภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
“ยัง” เธอตอบแบบขอไปที แล้วตั้งหน้าเดินเข้าไปยังโซนโปรดที่ต้องการ แต่ก็มีอันต้องหยุดลงเมื่อถูกคว้าข้อศอกไว้โดยคนหน้านิ่ง
“เป็นเด็กเป็นเล็กพูดกับผู้ใหญ่กว่าต้องมีหางเสียง” อย่างน้อยเขาก็โตกว่าเธอหลายปี
คณานางค์ทอดถอนใจ ตานี่จู้จี้จุกจิกทำตัวเหมือนเป็นพ่อคนที่สองของเธออย่างไรอย่างนั้น
“ยังค่ะ พอใจหรือยังคะ” เธอพูดตั้งหลายคำ ส่วนปริญญ์พอได้ดั่งใจก็ทำแค่เลิกคิ้วให้สองทีแค่เนี้ยะ และเมื่อเขาได้สิ่งที่ต้องการก็ปล่อยข้อศอกเธอแทบจะทันที คณานางค์เลยเลือกจะเดินต่อทำเป็นไม่สนใจเขาบ้าง
ปริญญ์สาวเท้าตามเธอไป ทั้งที่ก็ไม่แน่ใจนักว่าคณานางค์จะไปไหน แต่พอมาถึงพวกโซนเครื่องสำอาง เขาจึงพอจะรู้ว่าหญิงสาวรีบร้อนจะมาที่นี่เพราะอะไร
“เซลล์ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วนะคะคุณผู้หญิง ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเราจะลดสูงสุดแค่สิบถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ยังไงวันนี้ถ้าชอบชิ้นไหนซื้อตุนไว้เยอะๆ ได้เลยนะคะ”
“ไปกันเถอะคุณ” ปริญญ์บอกเบาๆ หลังจากที่เห็นสายตากระหายของอีกฝ่าย
“คุณคะ เบอร์สามสิบสองยังมีเหลือมั้ยคะ” เธอไม่ได้สนใจคนมาด้วยที่ยืนอยู่ข้างหลังสักนิด
‘ไอ้แท่งเล็กๆ นี่มันมีกี่เบอร์กันแน่วะ รู้สึกว่าเบอร์ที่ยายคุณหนูบอก มันโด่งไปยันสามสิบกว่าเลยนะนั่น’
ปริญญ์ไม่ได้ตั้งใจจะอยากรู้เรื่องของผู้หญิง แต่ที่ได้ยินมันทำให้เขาขยาดเลยทีเดียว ถ้าต้องมาหาซื้ออะไรพวกนี้ให้เหมาะกับคนคนหนึ่ง
“เดี๋ยวนะคะ ดิฉันขอลองค้นดูก่อน”
“ผมบอกว่าให้ไปได้แล้ว ผมหิวข้าว” คราวนี้เขาไม่ได้พูดแค่อย่างเดียว แต่ถือวิสาสะดึงมือเธอออกมาพร้อมกันเลยด้วย
“เอ๊ะ คุณนี่ยังไง ไม่เห็นเหรอคะว่าฉันกำลังจะซื้อของอยู่น่ะ”
“ปกติใช้แบรนด์นี้ใช่มั้ย”
ทั้งที่ไม่เข้าใจว่าเขาจะถามไปทำไมแต่เธอก็ตอบ
“ถ้าไม่ใช้แล้วฉันจะซื้อไปให้แมวใช้หรือไงล่ะคะ”
“ตกลงคือใช้”
“ก็ใช้สลับๆ กันกับยี่ห้ออื่นน่ะค่ะ” คณานางค์แอบกระหยิ่มในใจ รู้อยู่หรอกว่าเขารวยล้นฟ้า นี่คงคิดจะเปย์ให้เธอทั้งเคาน์เตอร์เลยละสิ
“นั่นไง” เขาว่าแล้วไม่มีผิด ผู้หญิงนี่เหมือนกันหมดทุกคน โดยเฉพาะคนที่เขาจับมือเธออยู่ตอนนี้ก็ด้วย
“ทำหน้าอย่างนี้หมายความว่ายังไงคะ จะซื้อให้ฉันก็รีบซื้อสิ ไม่ได้ยินที่น้องเขาพูดหรือคะ วันนี้เซลล์วันสุดท้ายแล้วนะ”
ปริญญ์มองหน้าสวยๆ เหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน คิดเข้าข้างตัวเองขนาดนี้ก็มีด้วย !
“แล้วไอ้ของเก่ามันหมดแล้วหรือไง”
“ไม่หมด แต่ตอนนี้มันลด คุณก็เห็น ถึงฉันจะไม่ได้ยากจนอะไร แต่คนอย่างฉันก็ฉลาดพอที่จะหาวิธีประหยัดเงินในกระเป๋าหรอกนะคะ”
ข้ออ้างชัดๆ... ปริญญ์ส่ายหน้าระอา เพราะรู้ทัน
“คนอย่างคุณเก็บเงินเป็นด้วย ?”
“ก็แน่ละสิ เห็นอย่างนี้นี่จะบอกไว้เลยนะ ว่าฉันไม่ได้มีดีแค่สวยอย่างเดียว แต่แถมยังฉลาดเป็นอีกต่างหาก”
เขารู้สึกเบื่อหน่ายกับท่าทีมั่นอกมั่นใจของอีกคนซะเหลือเกิน “คนที่บอกว่าตัวเองฉลาด ความจริงมักจะโง่เสมอ”
“นี่คุณ ! หลอกด่าฉันเหรอ” เธอถลึงตาใส่เขาอย่างเอาเรื่อง
“ผมว่าผมพูดตรงๆ แล้วนา” แหย่ยายคุณหนูนี่บ่อยๆ เข้า ได้เห็นปากนิด จมูกหน่อย มู่ทู่ยู่ย่นก็น่าขำดี
“ถามเยอะถามแยะขนาดนี้ ตกลงจะไม่ซื้อให้ใช่หรือเปล่าคะ” แน่นอนว่าเธอมีเงิน แต่การที่คิดนำไปแล้วว่าเขาจะซื้อให้ แต่ไม่ยอมซื้อให้จริงๆ นี่ เสียหน้าชะมัดเลย
“เป็นอะไรกัน ทำไมต้องซื้อของให้”
จะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย... ได้เลยคุณปริญญ์ ธีรการณ์
หญิงสาวหันหน้าไปหาน้องพนักงานบีเอแล้วทำหน้าเศร้า เตรียมจะเล่าความเท็จ
“พี่นี่น่าสงสารนะคะน้องว่ามั้ย หน้าตาก็ดีขนาดนี้ ตอนจะตกลงปลงใจคบกับใครก็ไม่ได้ดูให้ดี ขนาดจะแต่งงานกันอยู่แล้วนะคะเนี่ย แฟนพี่เขายังไม่เคยดูแล เทคแคร์เหมือนแฟนคนอื่นเลย อยากได้ลิปสติกสักแท่งเขายังเกี่ยงโน่นเกี่ยงนี่ เพราะเขามองเราเป็นของตายแล้วใช่มั้ยคะน้อง”