“พรุ่งนี้คุณพ่อจะกลับภูเก็ตเลยเหรอครับ” อคิราห์ถามคนเป็นพ่อขณะเดินไปยังด้านหน้าโรงแรมเพื่อขึ้นรถตู้หรูที่มารอรับ
“พรุ่งนี้พี่อลินมีนัดทำอัลตร้าซาวน์ พ่อฝากทางนี้ด้วยนะ”
อลินดา ลูกสาวคนโตของอธิศกับไลลาลิณ ซึ่งอายุห่างจากน้องชายฝาแฝดอคิณกับอคิราห์ห้าปี ตอนนี้กำลังตั้งครรภ์กับเทรย์เวอร์ นักแข่งรถยนต์ทางเรียบ ดีกรีแชมป์โลก ด้วยเป็นหลานและเหลนคนแรกของครอบครัว ทุกคนจึงออกอาการเห่อหลาน เห่อเหลน แม้อธิศจะยังไม่เปิดใจรับลูกเขย
อธิศมั่นใจในตัวลูกชาย อคิราห์เติบโตมากับธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต แม้จะยังเรียนไม่จบก็รู้เรื่องการบริหารงานทุกอย่างเป็นอย่างดี เขาจึงเชื่อมั่นในความชาญฉลาดและฝีมือการบริหารที่เก่งกาจ ซึ่งประจักษ์แก่สายตาคณะกรรมการผู้บริหารและผู้ถือหุ้นมาแล้วในโปรเจคระดับประเทศ
“คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้นะครับ ผมจะจัดการงานที่คุณพ่อมอบหมายให้เรียบร้อย”
“เรื่องเรียนต่อ ตกลงว่าจะไปอังกฤษแน่แล้วใช่ไหม”
“ครับ” อคิราห์ตอบอย่างมั่นใจ
“แล้วเลือกได้หรือยังว่าจะออกสหกิจที่ไหน”
“ถ้าวาฬเลือกไปอังกฤษ คุณพ่อจะว่ายังไงครับ”
“พ่อจะไปว่าอะไร พ่อก็ต้องแล้วแต่ปลาวาฬ ยังไงก็จะไปเรียนต่อที่นั่นอยู่แล้วนี่นะ แล้วจะกลับคอนโดเลยไหม” อธิศเข้าไปนั่งในรถตู้หรู มีบอดี้การ์ดคอยอำนวยความสะดวกให้
“คุณพ่อถามแบบนี้ จะไปนอนบ้านคุณปู่คุณย่าใช่ไหมครับ”
“ยังเคืองพ่ออยู่เลย ต้องไปไถ่โทษซะหน่อย แล้วขับรถดีๆ ละ อย่าขับให้มันเร็วนัก คุณแม่ฝากมาบอก” ก่อนหน้านี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ล้วนเกิดจากความเห็นแก่ตัวของอธิศ จึงทำให้แทนไทกับพรพระพายขุ่นเคือง
“ครับ” อคิราห์รอจนรถตู้หรูที่คนเป็นพ่อนั่งเคลื่อนตัวออกไป จึงเดินไปยังซูเปอร์คาร์ของตน
“ทำไมวันนี้ถึงขี้ลืมนักว่ะ” อคิราห์หงุดหงิดตัวเอง เป็นอีกครั้งของวันที่หลงลืม เมื่อเช้าก็ลืมโทรศัพท์ไว้ในรถ ตอนนี้ก็ลืมกุญแจรถกับกระเป๋าสตางค์ไว้บนห้องทำงาน ทำให้ต้องเดินกลับเข้าโรงแรมอีกครั้ง
พริมายิ้มทักทายผู้ใหญ่ที่พ่อกับแม่นับถือ เพื่อนสนิทมิตรสหายในแวดวงตำรวจ หรือแม้แต่คนที่ให้ความเคารพพ่อแม่ของเธอ
“ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิพริก ยิ้มเข้าไว้” ลลิตากระซิบบอกลูกสาวที่ทำหน้าเมื่อย เธอรู้ว่าลูกไม่ชอบออกงานแบบนี้ ที่ผ่านมาจึงไม่เคยบังคับ แต่เพราะผู้บังคับบัญชาระดับสูงเอ่ยปากเชิญทั้งครอบครัวจึงไม่อาจปฏิเสธได้
“พริกยิ้มจนเหงือกแห้ง จะหุบปากไม่ลงแล้วนะคะ”
“ทำพูดเข้า”
“พริกขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
“รีบไปรีบมานะ”
“ค่ะ” เมื่อได้โอกาส พริมาไม่รีรอที่จะเดินออกไปจากความเบื่อหน่ายนี้
พริมาทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ และเอ้อระเหยอยู่ในนั้นด้วยยังไม่อยากเข้าไปพบกับความเบื่อหน่ายของงานเลี้ยง
พริมาถ่ายรูปตัวเองแล้วโพสต์ลงสื่อโซเชียล เสียงแจ้งเตือนมีคนเข้ามากดถูกใจและคอมเมนต์รัวๆ ล้วนชื่นชมความสวยของเธอ แต่เธอก็เลือกตอบกลับคอมเมนต์ของเพื่อนอย่างกวินธิดากับภาคภูมิเท่านั้น ก่อนข้อความของผู้เป็นแม่จะแจ้งเตือนขึ้นมา ให้เธอกลับเข้าไปในงานเลี้ยงได้แล้ว
พลั่ก!
“ว๊าย!!”
ความไม่ระวังทำให้พริมาชนกับร่างกำยำอย่างจัง และหากเขาไม่คว้าเอวของเธอไว้ เธอคงหงายหลังล้มกระแทกพื้นไปแล้ว
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงนุ่มทุ้มฟังคุ้นหู เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
“ขอโทษค่ะ ฉะ...” พริมาเอ่ยคำขอโทษ แต่เมื่อเห็นใบหน้าเจ้าของร่างกำยำก็ต้องตกตะลึง ชะงักนิ่ง ราวกับถูกมนต์สะกด
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“พะ...” พริมาเหมือนคนเป็นใบ้ ดวงตาคู่งามจ้องใบหน้าหล่อเหลาไม่กะพริบ ใบหน้าที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะ และนี่ก็เป็นครั้งที่สองของวันนี้ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดึงสติของเธอให้กลับมา
“ตกลงเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“มะ...ไม่ ไม่เจ็บค่ะ” ในที่สุดพริมาก็พูดออกมา
“ถ้าไม่เป็นอะไร ผมขอตัวก่อน” พูดจบ แขนแข็งแรงที่โอบประคองเธอไว้ก็คลายออก
“ว๊าย!” คราวนี้พริมาร่วงไปกองกับพื้น
“ไหนบอกว่าไม่เป็นอะไร”
“ก็...ก็พริกไม่ทันตั้งหลัก”
“ลุกไหวหรือเปล่า”
“ไหวค่ะ” ร่างสูงไม่ได้แล้งน้ำใจ เขาช่วยประคองเธอขึ้นมา พริมายังคงเอาแต่จ้องใบหน้าของเขา
“โทรศัพท์ดัง”
“อ๋อ ค่ะ” พริมามองหน้าจอโทรศัพท์ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแม่ของเธอ
“อะ...อ้าว” เงยหน้าขึ้นมา ร่างสูงก็เดินจากไปเสียแล้ว
“หรือว่าพี่ปลาวาฬจะจำเราไม่ได้” แววตาของเขามันว่างเปล่า เหมือนคนไม่รู้จักกัน ต่างจากเธอ ที่เผยความรู้สึกทุกอย่างผ่านแววตา เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังไม่หยุด
“กำลังไปค่ะ” พริมากดรับและตอบกลับไป