“จิ๊บ ติดต่อเจ้าของโพสให้ฉันหน่อยสิ ฉันจะรับผิดชอบถ้าหากเขามีสิวเพราะใช้ครีมของคลินิกเรา”
“จิ๊บว่าแปลกๆ นะคะ ตั้งแต่ที่คุณหมอณดาลาออกไปก็มีลูกค้าคอมเพลนทางสื่อโซเชียลมีเดียบ่อยมาก ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยมีปัญหา คลินิกของเราใช้ยาตัวเดิม และเน้นการบริการเป็นที่สุด”
“แต่เราจะอ้างแบบนั้นกับลูกค้าไม่ได้นะซิ เขาจะหาว่าเราแก้ตัว ฉันถึงอยากคุยกับเขาด้วยตัวเอง เพราะไม่อยากให้เกิดเคสปัญหาแบบนี้อีก”
“ค่ะ งั้นจิ๊บจะรีบติดต่อเจ้าของโพสนี้ให้คุณแสนค่ะ”
แสนรักนั่งครุ่นคิดอยู่ลำพังคนเดียวเมื่อนารีรัตน์ออกไปแล้ว เธอเองก็สงสัยเรื่องที่นารีรัตน์เอ่ยเหมือนกันว่าห้าเดือนที่ผ่านมานี้มีลูกค้าคอมเพลนเยอะมาก ตั้งแต่เคสแรกที่เป็นเรื่องการบริการเธอก็ชี้แจงกับพนักงานทุกสาขาให้สุภาพ อดทน อดกลั้นให้มากที่สุด
พอเคสที่สอง สาม สี่ เป็นเรื่องของครีมหน้าใสที่เพิ่งผลิตขาย เธอก็พยายามคิดว่าอาจจะมีบางคนที่แพ้ก็เป็นไปได้ หากแต่ว่าเธอเริ่มได้กลิ่นทะแม่งๆ เพราะมันติดกันเกินไป ทั้งหมอโชคและหมอแอนที่ทำหน้าที่ดูแลทั้งสองคลินิกก็ยืนยันมาว่าสั่งตัวยาเดิม ทั้งสองคนยังแปลกใจที่มีลูกค้าไปคอมเพลนแบบนั้น
แสนรักจึงอยากคุยกับคนที่ไลฟ์สด จะไม่ยอมปล่อยผ่านไปอีก เพราะมันมีผลกับยอดขาย ซึ่งตอนนี้เห็นเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วว่ามันลดลงไปพอสมควร ถ้าหากว่าไม่ใช่เรื่องคุณภาพครีมล่ะแต่ว่ามีคนกลั่นแกล้งเธอ
ราวๆ ยี่สิบนาทีผ่านไป นารีรัตน์ก็กลับมา
“คุณแสนคะ จิ๊บคุยกับเจ้าของโพสที่ชื่ออมราแล้วค่ะ นางไม่ยอมให้เบอร์ติดต่อ นางบอกว่าไม่อยากเสียเวลา”
“จิ๊บเอาข้อความที่คุยมาให้ฉันดูสิ”
นารีรัตน์เลยยื่นโทรศัพท์ให้เจ้านายสาวอีกครั้ง แสนรักอ่านข้อความที่ผู้ช่วยของเธอคุยกับคนที่ใช้ชื่อว่าอมราซึ่งคุยกันผ่านโปรแกรมไลน์
‘คุณลูกค้าให้เบอร์ติดต่อกลับได้ไหมคะ ทางคลินิกต้องการติดต่อเพื่อขอทราบปัญหาเบื้องต้น’
‘หน้าพังแล้วฉันต้องเสียเวลาเข้าไปคุยด้วยอีกเหรอคะ ถ้าอยากคุยด้วยจริงๆ ก็โอนเงินค่าทำหน้าคืนมาให้ฉันแล้วกันค่ะ สามหมื่นห้า’
มาถึงตรงนี้นารีรัตน์ไม่สามารถตัดสินใจแทนแสนรักได้ ผู้ช่วยสาวจึงหยุดการสนทนาเพียงแค่นี้แล้วรีบมารายงานให้เจ้านายสาวทราบ
แสนรักอ่านข้อความสองบรรทัดนั้นจบแล้วจึงกดพิมพ์ตอบลงไป
‘สวัสดีค่ะ ฉันแสนรัก เจ้าของคลินิกแสนรัก ทางเราต้องการรับผิดชอบคุณลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการแล้วเกิดสิวแต่ว่าต้องเข้ามาให้ข้อมูลกับทางคลินิกด้วยนะคะ เราจะได้ทราบสาเหตุและรักษาให้คุณลูกค้าได้’
แสนรักกดส่งไปและเห็นว่าทางฝ่ายนั้นอ่านข้อความแล้ว และรออีกเพียงครู่เดียวก็มีความตอบกลับมา
‘ฉันบอกไปก่อนหน้านี้แล้วค่ะว่าไม่สะดวกเข้าไปเพราะมีบินพรุ่งนี้ ไปถึงอาทิตย์หน้าแต่ว่าถ้าอยากรับผิดชอบจริงๆ ฉันขอเสนอให้ปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้นก่อนนะคะ ไม่ใช่ให้ลูกค้าเสียเงินซื้อครีมแล้วต้องไปเสียเงินรักษาซ้ำอีก ถ้าไม่อย่างนั้นลูกค้าคงไม่กล้าไปใช้บริการ’
‘ถ้าอย่างนั้นช่วยเข้ามาพูดคุยกันได้ไหมคะ ทางเรายินดีรับผิดชอบตามจำนวนเงินที่คุณจ่ายไปทั้งหมด ทางเราอยากทราบจริงๆ ว่าเกิดจากความผิดพลาดในขั้นตอนไหน เพราะทางแพทย์ของเราก็ยืนยันว่าทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องทุกอย่าง รวมทั้งตัวยาที่นำมาใช้ก็ผ่าน อย.ทุกตัว ทางเราจึงอยากได้ข้อมูลจากลูกค้าเพื่อนำมาปรับปรุงค่ะ’
‘จะปรับปรุงก็ปรับปรุงไปไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับฉันนี่คะ คุณก็ไปหาทางเอาเองสิ’
‘ถ้าคุณไม่ต้องการให้ทางคลินิกรับผิดชอบ ถ้าอย่างนั้นช่วยลบโพสที่คุณลงเกี่ยวกับคลินิกออกให้ด้วยนะคะ เพราะทำให้คลินิกเสียหาย แต่ถ้าคุณไม่ลบโพสออกให้ภายวันนี้ ทางเราอาจจะต้องส่งทนายไปคุยค่ะ’
‘ส่งทนายมาคุยเรื่องอะไร’
‘ก็เรื่องโพสของคุณที่สร้างความเสียหายให้ทางคลินิกไงคะ’
‘บริการไม่ดีแล้วยังทำแบบนี้กับลูกค้าอีกเหรอ ฉันจะโพสประจานอีก ให้คลินิกของคุณไม่มีลูกค้ากล้าไปใช้บริการอีก’
ฝ่ายนั้นส่งมาแล้วก็บล็อกทันที แสนรักระบายลมหายใจ ส่งคืนโทรศัพท์ให้นารีรัตน์
“ตกลงว่ายังไงคะคุณแสน”
“อ่านดูสิ”
เมื่อนารีรัตน์อ่านอย่างเร็วๆ แล้วก็ออกท่าทางฮึดฮัดทันที “น่าแปลกนะคะ คุณแสนแสดงความรับผิดชอบให้เข้ามาที่คลินิกแล้วแต่ก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมมา มีพิรุธน่าสงสัยแถมยังบล็อกไปอีก ไม่ใช่ว่าต้องการกลั่นแกล้งให้คลินิกเราเสียหายหรือคะเนี่ย”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เอาแบบนี้นะ จิ๊บคอยดูว่าเขาลบโพสออกไปหรือยัง ถ้ายังเราจะดำเนินการตามกฎหมายกับเขา”
“คุณแสนคิดว่าเขาต้องการดิสเครดิตคลินิกใช่ไหมคะ”
“ท่าทางเขาดูเหวี่ยงวีน เหมือนคลินิกของเราไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจมาก ทั้งที่ฉันบอกว่าจะรับผิดชอบให้ทุกอย่าง และมันน่าสงสัยตรงที่เขาดูตั้งใจอยากให้คลินิกเราเสียชื่อมาก ทั้งไลฟ์สด ทั้งขอให้คนกดแชร์ไปเยอะๆ มันไม่น่าจะถึงขั้นนี้”
แสนรักสงสัย ทั้งหมดเป็นฝีมือของใครกัน...
ก่อนจะมาถึงที่คลินิก ภควัติได้ให้คนขับรถไปแวะที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่บนถนนเส้นเดียวกับทางที่จะไปทองหล่อ เมื่อรถจอดสนิทแล้ว ภควัติตั้งท่าจะลงไปจากรถคนเดียวโดยให้ชานนท์และคนขับรถรออยู่ในรถ
“ไม่ต้องยกโขยงไปหรอก ฉันไปคนเดียวดีกว่า จะได้รีบซื้อรีบกลับ”
“แต่ว่ามันหน้าที่ผมนะครับคุณท็อป ให้ผมไปเองดีกว่า คุณท็อปต้องการอะไรบอกผมมาได้เลย” ชานนท์ยืนกรานหนักแน่น นั่งขวางประตูไม่ยอมให้ภควัติลงจนคนเป็นเจ้านายต้องเลิกคิ้วมอง
“ใครเป็นเจ้านายใครเป็นลูกน้องกันแน่”
“คุณท็อปเป็นเจ้านายครับ ผมเป็นลูกน้องต้องทำตามที่คุณท็อปสั่ง เพราะฉะนั้นสั่งมาได้เลยครับ”
ภควัติจ้องลูกน้องด้วยสายตาดุๆ มันอยากช่วยหรือว่ามันอยากแส่กันแน่ “งั้นฉันขอสั่งให้นายรออยู่ในรถแล้วก็ไม่ต้องเซ้าซี้ถามอีกเข้าใจไหม”
“ไม่ให้ผมยุ่งแบบนี้ แสดงว่าต้องไปซื้อของให้คุณแสนรักใช่ไหมครับ”
“นายชักจะมีนิสัยสอดรู้สอดเห็นเกินหน้าที่ผู้ช่วยแล้วรู้ตัวไหม” ภควัติว่าอย่างหงุดหงิด พยักเพยิดหน้าทำนองให้หลบไป ชานนท์เห็นสายตาคมกริบมองมาจึงต้องเปิดประตูลงไปก่อนแล้วมองเจ้านายหนุ่มก้าวลงมาจากรถ แล้วเดินฝีเท้าเร่งรีบ หายเข้าไปในตัวห้าง
“ปกติก็ไม่ชอบเดินซื้อของในห้าง แถมท่าทางไม่อยากให้ใครรู้แบบนี้ต้องเป็นของลับเฉพาะแน่ๆ” ชานนท์พึมพำ แล้วหันกลับไปยังทางเดิม ที่ภควัติเดินเข้าตัวห้างไป ถอนใจยาว ยืนรออย่างสงบใจมากขึ้น เพราะทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว แม้อยากจะทำหน้าที่ผู้ช่วยที่ดีให้สมกับความตั้งใจและเงินเดือนที่ได้รับก็ตาม