“พี่เชนทร์กลับมาแล้ว”
วาติยาพูดออกมาด้วยความดีใจเมื่อเห็นสามีเดินเข้ามาในบ้าน หลังจากเดินทางไปต่างประเทศเป็นเวลานานเกือบหนึ่งเดือน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ต่างจากบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี เขามีใบหน้าที่เรียบตึง ดวงตาที่มองมายังภรรยาบอกถึงความไม่เป็นมิตร ใบหน้าเย็นชาไร้รอยยิ้ม วาติยาชะงักเท้าที่จะเดินเข้าไปหา เมื่อได้ยินคำพูดที่เธอได้ยินจนขึ้นใจแล้ว
“นึกว่ากลับมาบ้านคราวนี้ฉันจะไม่เห็นหัวเธอเดินอยู่ในบ้านของฉัน ที่ไหนได้ ยังลอยหน้าลอยตาทำเป็นคุณนายอยู่ที่นี่ หน้าด้าน ไม่มียางอาย เจ้าของบ้านไม่อยากให้อยู่ยังหน้าด้านหน้าหนา ไล่กี่ทีก็ไม่ยอมไปสักที”
ราเชนทร์ อิศราภักดี มหาเศรษฐีติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย เจ้าของกิจการหลายอย่าง แต่ที่ทำเงินให้มากที่สุดคงจะเป็นอาคารสำนักงานให้เช่า ที่อยู่ในตึกอาร์ซีเอส ตึกสูง 65 ชั้น ที่ทำรายได้ให้กับเขาตกเดือนละหลายร้อยล้านบาท เขามองหน้าวาติยาภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วยสายตาเกลียดชัง ดูแคลน สายตาที่มองมาทำให้วาติยารับรู้ถึงความเกลียดชังนั้นได้อย่างชัดเจน ไม่เคยมีสักวันที่เขาจะพูดดีๆ กับเธอ ไม่ว่าเธอจะทำดีกับเขามากแค่ไหนก็ไม่สามารถลบความเกลียดชังที่เขามีต่อเธอได้
“แก้วเป็นเมียพี่เชนทร์ ก็ต้องอยู่ที่นี่สิคะ” วาติยาบอกเสียงอ่อย
“ฮึ เมีย ลองเอาเท้าของเธอขึ้นมาก่ายหน้าผาก แล้วคิดให้ดีซิว่าเธอเป็นเมียฉันหรือเปล่า”
ราเชนทร์ถามอย่างเดือดดาล เขาไม่เคยเห็นวาติยาเป็นภรรยาของเขาเลย ที่จำยอมแต่งงานจดทะเบียนสมรสด้วย ก็เพราะตัวเขาเองถูกวาติยาและมารดาของเธอ รวมหัวกันวางยาเขาและจัดฉากว่ามีอะไรกัน ถ้าไม่ติดว่าโฉมฉายมารดาของวาติยาจัดฉากได้อย่างดีเยี่ยม โดยพามารดาของเขารวมทั้งบุคคลที่สามและสี่และอีกหลายๆ ชีวิตเข้ามาเห็นเหตุการณ์ และที่สำคัญนักข่าว เขาจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบนี้ได้
“แต่ถึงยังไงแก้วก็เป็นเมียพี่เชนทร์” วาติยาเถียงเสียงเบาหวิว ราวกับคนพูดไม่เต็มปาก
“โอ๊ย ฉันอยากจะบ้าตาย คำก็เมียสองคำก็เมีย เท่าที่ฉันจำได้ ตั้งแต่แต่งงานอยู่กินกับคนที่อยากมีผัวจนตัวสั่น คิดจะจับผู้ชายรวยๆ อย่างเธอ ของของฉันไม่เคยล่วงล้ำเข้าไปในตัวของเธอเลยสักครั้ง อยากรู้ไหมว่าเพราะอะไร เพราะฉันไม่อยากเกลือกกลั้วกับผู้หญิงร่านอย่างเธอ ฉันรังเกียจเธอ จำไว้นะวาติยาว่าฉันเกลียดเธอ เกลียดยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ นอนกับเธอฉันนอนกับโสเภณีราคาไม่กี่ร้อยยังดีซะกว่า จำใส่กะโหลกกลวงๆ ของเธอเอาไว้ด้วย”
ราเชนทร์ตะโกนออกมาดังลั่นห้องรับแขก วาติยารู้ว่าเขารังเกียจเธอมากแค่ไหน แต่ที่ทนอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะมารดา ที่ทั้งบังคับและขู่เข็ญให้เธออยู่ที่นี่ อยู่เป็นคุณผู้หญิงของตระกูลอิศราภักดี ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยต้องการเลยสักนิด แค่คิดก็ยังไม่เคย
“วิชัย โทรไปหาจีนี่ให้หาผู้หญิงมาให้ฉันคนหนึ่ง ภายในหนึ่งชั่วโมงนะ”
ราเชนทร์สั่งเลขาส่วนตัวของเขาก่อนจะเดินขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้าน โดยไม่สนใจวาติยาที่ยืนร้องไห้อย่างน่าสงสารเลย เขากลับแกล้งเดินชนเธอจนร่างบอบบางเซและล้มไปบนพื้นตามแรงชนทันที วิชัยมองวาติยาที่นั่งร้องไห้ อย่างสงสารและเห็นใจ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
คนสั่งเดินขึ้นไปที่บันไดไม่กี่ขั้น เขาหันหน้ามาทางวิชัยก่อนจะสั่งอะไรบางอย่างที่ทำให้วาติยาร้องไห้หนักขึ้นกว่าเก่าอีก หากราเชนทร์หาแยแสไม่
“ผู้หญิงมาแล้วให้พาไปที่ห้องของวาติยานะ ต่อจากนี้ไปฉันจะนอนกับโสเภณีที่ห้องของเธอ เพราะเธอคงไม่รังเกียจผู้ร่วมอาชีพเดียวกับเธอ จริงไหมวาติยา”
ราเชนทร์พูดจบก็เดินขึ้นไปชั้นบนพร้อมรอยยิ้มสะใจ คำพูดเขาเชือดเฉือนบาดลึกลงไปในจิตใจของวาติยา เธอไม่รู้ว่าจะทนอยู่ที่นี่ได้อีกนานเท่าไหร่ ระยะเวลาหกเดือนที่ผ่านมา เธอเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น แต่เธอไม่เคยบอกใครแม้กระทั่งมารดาของเธอ ซึ่งมักจะมาหาเธอทุกครั้งที่เดือดร้อนเรื่องเงิน
นึกถึงโฉมฉาย ผู้เป็นมารดาก็ยิ่งเศร้าใจหนักขึ้น น้ำคารินไหลเป็นทาง โฉมฉายไม่สนใจความรู้สึกของวาติยาเลย ว่าจะสุขเศร้าเหงาหรือทุกข์ ไม่เคยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของเธอด้วย นางสนใจแต่ตัวเองเท่านั้น
วาติยาเดินเข้ามาในห้องของเธอเมื่อตอนเกือบเที่ยงคืน หลังจากผู้หญิงที่ให้ความสุขกับราเชนทร์กลับไปแล้ว ร่างบางเดินมาหยุดนิ่งที่เตียงนอน ร่องรอยที่อยู่บนเตียงการันตีให้เห็นว่าราเชนทร์ทำอย่างที่พูดจริงๆ ที่นอนยับยู่ยี่ ถุงยางอนามัยใช้แล้วสองชิ้นวางไว้บนเตียงของเธอ วาติยาทรุดตัวลงนั่งกับพื้น มือทั้งสองข้างปิดใบหน้าพร้อมกับหลั่งน้ำตาที่อัดอั้นอยู่ในใจ เขาทำกับเธอเกินไปแล้ว ทำไมเขาไม่นึกถึงจิตใจเธอบ้าง ไม่รัก ไม่ชอบ เกลียดชังเธอ เธอไม่ว่า แต่อย่าทำอย่างนี้ มันเกินไป เกินไปแล้วจริงๆ โดยไม่สังเกตว่าราเชนทร์ได้มายืนพิงอยู่ที่ประตูห้อง
“อ้อ! วานเธอช่วยเก็บซากความสุขของฉันด้วยนะ หวังว่าเธอคงไม่รังเกียจ” ราเชนทร์พูดพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของเขาที่อยู่ตรงข้าม
ไม่มีวาจาใดๆ เอื้อนเอ่ยออกมาจากปากวาติยา มีเพียงน้ำตาและเสียงสะอื้นเท่านั้นที่ได้ยินตลอดทั้งคืน
หลังจากคืนนั้นราเชนทร์ก็พาผู้หญิงมานอนที่ห้องของวาติยาทุกคืน บางคืนอยู่ถึงตีสามของวันใหม่ ทำให้เธอแทบไม่ได้นอน สภาพห้องก็เหมือนเดิม ถุงยางอนามัยใช้แล้วถูกถอดวางไว้บนเตียงเหมือนเดิม เขาทำอย่างนี้มาร่วมหนึ่งเดือนแล้ว ความอดทนของเธอเริ่มเหลือน้อยลงทุกที วาติยาอยากจะหนีไปจากที่นี่ ไปให้ไกล ไปในที่ที่โฉมฉายไม่สามารถตามหาเธอได้
วาติยาอยากทำเช่นนั้น อยากทำใจแทบขาด แต่เป็นเพราะความกตัญญู เชื่อฟังมารดา เธอจึงไม่สามารถทำอย่างที่ใจคิดได้ เพราะกลัวมารดาจะลำบาก หากถ้าไม่มีเธอ มารดาก็จะไม่มีเงินใช้ เนื่องจากโฉมฉายขอค่าเลี้ยงดูเดือนละสองแสน ซึ่งราเชนทร์ก็ตกลง