“พิมพ์ดาว!!!” เสียงของเพลิงตะวันทั้งตกใจทั้งคาดไม่ถึง
“อาเพลิง” พิมพ์ดาวขยี้ตาไปมา เธอปรือตาขึ้นมองมาที่ร่างสูงข้างเตียง
แต่นั่นไม่ได้ทำให้เพลิงตะวันสนใจมากไปกว่าการกวาดมองเรือนร่างเปลือยเปล่าของเด็กสาว
“ทำอะไรพิมพ์ดาว” เสียงของเขาเข้มดุ ไม่คาดคิดว่าเธอจะมานอนแก้ผ้าอยู่บนเตียงของเขา
“หนูรออาเพลิงอยู่ค่ะ แต่รอไปรอมา เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้” เธอตอบเสียงเนือย ไม่ได้มีกิริยายั่วเย้าอารมณ์เหมือนสาวเจนจัดโลกแต่อย่างใด แต่กลับมีท่าทีง่วงงุนเช่นเดิม
อาการขยี้ตาเหมือนเด็กของเธอทำให้เขาต้องเงยขึ้นด้านบน กรอกตาไปมา
“รออา รอทำไม แล้วทำบ้าอะไรนี่ มานอนแก้ผ้าในห้องผู้ชาย” เขาตวาดเสียงดัง
พิมพ์ดาวสะดุ้ง เธอดึงผ้าห่มมาคลุมกายเอาไว้ ก้มหน้าเม้มปากเหมือนจะร้องไห้
เพลิงตะวันถึงกับไปไม่เป็น เขาพยายามระงับอารมณ์มากมายที่กระแทกเข้ามาและหาทางจัดการกับปัญหาที่เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ความต้องการที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนมันปะทุขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาสบถอย่างหัวเสีย แต่นั่นกลับทำให้เด็กสาวคิดว่าเธอทำให้เขาหงุดหงิดโมโห จึงหน้าเผือดซีด เธอหน้าเสียกว่าเก่า
“อาเพลิงไม่ไปหาหนูที่ห้องเลย” เธอก้มหน้าพูดเสียงหงอยอย่างกริ่งเกรง
เพียงแค่ได้ยินประโยคนั้นจากปากของเด็กสาว เพลิงตะวันก็ตวาดลั่นแทบระงับอารมณ์ไม่อยู่
“ออกไป!” ..เธอจะเอายังไงกับเขากันแน่ จะปั่นหัวเขาไปถึงไหนกัน
“อาเพลิงเบื่อหนูแล้วเหรอคะ มันแค่ครั้งเดียวเองนะ” เด็กสาวถามตาใส น้ำตาจวนเจียนจะไหลอยู่รอมร่อ
..เธออ่อนเดียงสาจริงๆ โดยไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ
เขาอ่านแววตาและสีหน้านั้นออก แต่คำถามของเธอทำให้เขามีความรู้สึกอยากจะเอาเท้าก่ายหน้าผากเสียจริง นี่แหละปัญหาโลกแตกที่นักธุรกิจหนุ่มแสนชาญฉลาดอย่างเขากำลังจนมุม มันคือความละเอียดอ่อนด้านอารมณ์ พูดผิดหูนิดหน่อยเธอก็ตาแดงทำท่าจะร้องอีกแล้ว เขาเหมือนผู้ใหญ่ใจร้ายรังแกเด็ก ทั้งๆ ที่เด็กก็พร้อมให้เขารังแกเยี่ยงผู้ชายคนหนึ่งจะทำกับผู้หญิง
“หมายความว่ายังไง” เขารู้สึกว่าตัวเองโง่ก็วันนี้เอง ที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เด็กสาวด้อยประสบการณ์กำลังสื่อ
“ก็อาเพลิงได้หนูเป็นเมียแล้ว กลับไม่สนใจอีก ไม่ไปหาที่ห้อง เบื่อหนูแล้วใช่ไหมคะ คือหนูจะพยายามเรียนรู้ ที่จะทำให้อาเพลิงมีความสุข ไหนอาเพลิงบอกว่าจะ จะ...” พอพูดมาถึงตรงนี้เธอก็อึกอักหน้าแดง
เพลิงตะวันเพิ่งกระจ่างแจ้งในใจเมื่อได้ยินคำเฉลยของเธอและเขาไม่คิดสักนิดว่าจะได้ยินเช่นนี้
‘เด็กโง่’ นั่นเป็นประโยคในใจที่เขาคิดแต่ไม่ได้พูดออกมา
..ใครบอกว่าเขาเบื่อเธอแล้ว เขาแทบจะบ้าตายอยู่วันละหลายร้อยรอบ หลายวันมานี้ทำงานไม่รู้เรื่องเลย เอาแต่คิดเรื่องของเธอและเพราะห่วงใยเธอมากเกินกว่าจะให้ใครรู้ ต้องเก็บเธอเอาไว้ในบ้านหลังนี้อย่างปลอดภัย เขาจึงต้องกลับเชียงใหม่ไปเยี่ยมน้องสาว เพื่อไม่ให้ตัวเองขาดหายไปและคนที่เขาไว้ใจให้มาอยู่ดูแลพิมพ์ดาวเพียงแค่หนึ่งวันก็คือกิรนา เลขาสาวที่ยังโสดและไม่มีครอบครัว ซึ่งทั้งประพันธ์และกิรนารู้เรื่องของพิมพ์ดาวอยู่บ้าง แม้ไม่ละเอียดเพราะเขาไม่ต้องการให้ใครยุ่งกับชีวิตส่วนตัวมากนัก
เพลิงตะวันกำลังเดาอารมณ์เด็กสาว แล้วเขาก็ค้นพบความจริง เธอกลัวเขาจะเบื่อเธอ หวาดระแวงว่าจะไม่มีเงินใช้หนี้ไถ่ถอนบ้านกับที่ดินคืน
..ให้ตายเถอะ!!! เขาสบถในใจ
“จะอะไร” เขาถามต่อ เหมือนเป็นคนโง่อีกรอบเมื่อเห็นท่าทีของเธอ
“อาบอกว่าอาจจะต้องการหนูทุกที่ทุกเวลาไงคะ ก็เห็นอาเอาแต่ออกไปข้างนอก ทิ้งหนูไว้คนเดียว ไม่ก็ขลุกตัวอยู่แต่ในห้องทำงานทั้งวัน ไม่สุงสิงกับหนูเลย วันก่อนหายไปตั้งวันนึงแน่ะ แล้วให้คุณกิรนามาอยู่เป็นเพื่อน”
เธอโพล่งถามออกมาคล้ายอัดอั้นตันใจ กิรนาช่างเหมือนทาสผู้ซื่อสัตย์ เธอถามอะไรอีกฝ่ายไม่ตอบอะไรสักอย่าง พอเพลิงตะวันกลับมา เธอก็หายไป อยู่ก็เหมือนไม่อยู่ ยังกะหุ่นยนต์เคลื่อนที่
เพลิงตะวันอยากจะพูดว่าเธอเป็นเด็กโง่อีกรอบ ที่เขาออกไปข้างนอกเนื่องจากทำงานแล้ว เขาต้องการหลบหลีกการพูดคุยพบปะหรือพูดง่ายๆ ว่าหลบหน้า ตรงนี้เขายอมรับในใจอย่างแมนๆ แต่ไม่ใช่สาระสำคัญที่เขาจะต้องมาพูดหรือบอกให้เธอรับรู้ ไม่ใช่หลบหน้าเพราะกลัวอะไรเธอหรือกลัวต้องรับผิดชอบ แต่หลบหน้า ทำงานให้หนัก ขลุกอยู่ในห้องทำงานเพื่อไม่ต้องเห็นหน้า จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน อยากจะลากเธอไปปล้ำเอาอีก ส่วนเรื่องอาหารเขาสั่งจากร้านประจำมาให้เธอกิน จึงไม่คิดห่วงเรื่องว่าเธอจะหิว
“ที่มานอนรอนี่ คิดถึงอาเหรอ” เขาละคำว่า ‘นอนแก้ผ้า’ ไปเสีย เพราะดูจะกระดากปากอยู่มาก แม้อยากพูดคุยหยอกล้อกับเธอให้สมใจก็ตามที
“ค่ะ คืออาเพลิงทำเป็นเมินเฉยใส่หนู” เธอพูดเสียงหงอย
สีหน้าของเด็กสาวเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ เพลิงตะวันถอนใจ เขานั่งลงประจันหน้ากับเธอบนเตียง มือหนาเชยคางสวยให้แหงนขึ้นสบตา จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยอย่างค้นคว้า เขาเห็นเพียงความหวาดหวั่น นั่นยิ่งทำให้เขาอยากจะเพิ่มความมั่นใจให้เธอ โดยก้มหน้าลงไปประทับจุมพิตดูดดื่มกับริมฝีปากจิ้มลิ้มให้สาสมใจ เนื้อตัวของเธอสั่นระริก แต่พยายามเผยอริมฝีปาตอบโต้ให้เขาพึงพอใจ เท่านั้นเพลิงตะวันถึงกับคำรามในลำคอ เขากดร่างเธอลงบนเตียงนุ่ม รีบจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองในทันที
“ใครบอกว่าอาเมินกันเล่า เด็กโง่” พิมพ์ดาวไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าเขาหมายความว่าอย่างไร ขณะที่เขาแนบชิดลงมาเธอก็หัวหมุนจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง
ร่างเปลือยเปล่าของเพลิงตะวันทาบทับลงไปบนร่างของพิมพ์ดาว เขาดึงรั้งผ้าห่มที่คลุมกายเธอทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจ ร่างขาวโพลนปรากฏแก่สายตา เขาไล่มองความงามอันพิสุทธิ์ตรงหน้า ตั้งแต่ผมนุ่มสลวยที่ทิ้งตัวอยู่กับหมอนใบโต ลำคอระหง ไหล่ลาดละมุน อกอวบอิ่มที่ผลิบานไม่สมตัว เอวคอดรับกับช่วงสะโพกงอนงาม แขนเธอเล็กนิดเดียว บอบบางน่าทะนุถนอม ช่วงขาเพรียวยาว ผิวของเธอขาวจัดอมชมพู ยิ่งใบหน้าของเด็กสาวในขณะนี้กำลังแดงระเรื่อยิ่งน่ามองจนมิอาจละสายตา
“อาเพลิง” เพราะถูกมองไม่วางตา เธอจึงเริ่มขัดเขิน แม้จะจงใจเปลือยกายมายั่วเขาก็ตามที
“บอกหน่อยว่าคิดถึงอาหรือเปล่า” เพลิงตะวันมองเธอไม่วางตา เรือนร่างสมชายชาตรีของเขาเปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้าเธอ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะไม่มอง
พิมพ์ดาวเก็บทุกรายละเอียดของคนตรงหน้าเอาไว้ แม้จะเขินอาย แต่ความอยากรู้อยากเห็นมากมายในความรู้สึกก็ทำให้เธอไม่ละไปจากร่างเปลือยของคนตรงหน้า
อาหนุ่มที่แสนใจดีของเธอผิวขาวจัด เรือนร่างของเขาสูงสมาร์ต เวลาอยู่ในชุดสูทเขาเท่ระเบิด แม้จะอยู่ในชุดธรรมดาเขาก็ยังหล่อเหลามีเสน่ห์ ดวงตาของเขาแทบทำให้เธอละลายและเธอก็ยอมรับว่าหลงรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“คิดถึงค่ะ อื้อ...” เพียงแค่ได้ยินประโยคสั้นๆ ของเธอ เพลิงตะวันก็ตอบแทนด้วยจุมพิตวาบหวามดูดดื่มในทันที ริมฝีปากของเธอช่างแสนหวานนัก จนเขาไม่อยากผละห่าง จึงทั้งขบเม้มกลีบปากที่สั่นระริก ทั้งดูดดึงลิ้นเล็กๆ สีสดของเธอไม่ยอมปล่อย
พิมพ์ดาวครางก่อนจะหอบหายใจแทบไม่ทันเมื่อเขาปล่อยเธอเป็นอิสระ
เพลิงตะวันประคองใบหน้าของสาวน้อยเอาไว้ แล้วบดจูบลงไปใหม่ เขาจูบจนหอบแล้วปล่อย ก่อนจะทำแบบนี้จนร่างน้อยอ่อนระทวย หน้าแดงจัด