เพลิงตะวันแค่จะสั่งสอนคนใต้ร่าง เพราะเมื่อครู่เขากำลังโมโหและหน้ามืด เสื้อผ้าอาภรณ์ที่หลุดลุ่ย และร่างกายของเขาที่เปลือยเปล่าตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ทำให้สิ่งที่คิดเอาไว้คราแรกเริ่มไม่เหมือนเดิม
ร่างเย้ายวนที่นอนหอบหายใจจนทรวงอกสะท้านอยู่ใต้ร่าง ทำให้เขาระงับใจไม่อยู่ มือหนาค่อยๆ เลื่อนไปสัมผัสกับพวงแก้มแดงเรื่อของวัยสาว
“อาเพลิง อย่ารุนแรงนะคะ หนูไม่เคย อื้อ...” พิมพ์ดาวตัวสั่นห้ามปรามอย่างหวาดหวั่น หนีไปไหนก็ไม่พ้น ติดอ้อมแขนของเขาที่กักเอาไว้อย่างคุกคาม
“อย่าอวดดีกับผู้ชายอีก” เหมือนจะเตือน แต่เพลิงตะวันกลับหักห้ามใจตัวเองไม่อยู่
ริมฝีปากจิ้มลิ้มถูกริมฝีปากร้อนบดคลึงลงมาอย่างอ่อนหวาน เพลิงตะวันรู้สึกร้อนวาบไปทั่วร่าง เรือนกายของเด็กสาววัยสิบแปดเย้ายวนจนเขาอดใจไม่ไหว
พิมพ์ดาวเกร็งตัวในคราแรกที่โดนบดจูบ แต่สัมผัสของอาหนุ่มไม่ได้รุนแรงจนต้องหวาดกลัวอย่างที่คิด กลับเรียกร้องให้เธอกระโจนตาม ความวาบหวามทำให้ร่างบางสั่นสะท้าน เธอค่อยๆ ผ่อนคลาย ปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาแนบชิดลงมาอย่างเผลอไผล
เพลิงตะวันรู้สึกรุ่มร้อนไม่เป็นตัวของตัวเอง ร่างเกือบเปลือยหอมกรุ่นที่อ่อนระทวยปรือตามองเขาอยู่ใต้ร่างทำให้สุดจะหักห้ามใจ เขาดึงอาภรณ์ที่ยังค้างคาออกจากร่างขาวผ่องจนหมดสิ้น แนบกายร้อนระอุลงไปทาบทับกายบางสั่นระริก ริมฝีปากจุมพิตบางเบาคล้ายปลอบประโลมเหมือนปีกผีเสื้อโบยบิน
ไร้คำพูดโต้ตอบและถกเถียงกันอีก ต่างฝ่ายต่างเบียดร่างเข้าหากันแทบสนิทเป็นเนื้อเดียว ริมฝีปากอ่อนหวานถูกบดคลึงจนแดงเรื่อ ปากจิ้มลิ้มหอบสะท้านน่าเอ็นดู เพลิงตะวันเกลี่ยนิ้วโป้งคลึงเคล้าบางเบากับปากน้อยๆ ด้วยกิริยาอ่อนโยน เขามองสบตาปรือเยิ้มของเด็กสาว ลมหายใจสะดุดด้วยความปรารถนาที่ร้อนรุ่มเข้ามาในอก
เพลิงตะวันเริ่มจุมพิตเธออีกครั้งตั้งแต่หน้าผากนูนเกลี้ยงไร้ไฝฝ้า มือหนาปัดปอยหน้าม้าออกไปข้างๆ ผมทรงนี้ทำให้เธอดูอ่อนวัย ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกำลังพรากผู้เยาว์ ทั้งๆ ที่เธออายุสิบแปดแล้ว
พอริมฝีปากร้อนรุ่มแนบลงมาอีกครั้ง เธอก็หลับตาพริ้ม รู้สึกร้อนวาบที่เปลือกตาทั้งสองข้าง ซ้ำๆ อยู่แบบนั้น ลมหายใจร้อนแรงของเขาเป่ารดหน้าเธอถนัดถนี่
จมูกเล็กถูกเขางับเล่นอย่างหยอกเย้า พิมพ์ดาวลืมตามองก็เจอกับดวงตาทรงเสน่ห์ของอาหนุ่ม เขาหอมแก้มกรุ่นซ้ายขวา เธอหลับตาพริ้มอีกครั้ง เผยอริมฝีปากเพราะนิ้วของเขาที่เกลี่ยอยู่กับปากจิ้มลิ้ม คล้ายกระตุ้นให้เธอตอบรับสัมผัสอันดูดดื่มของปากร้อนที่ประทับลงมา
“อื้มม...” ครางรับด้วยน้ำเสียงรัญจวนใจ
จากการทุ่มเถียงกลายเป็นบทพิศวาสที่ดึงดูดเข้าหากันได้อย่างประหลาด เพลิงตะวันซุกไซ้ใบหน้ากับซอกคอหอมกรุ่นของเด็กสาววัยกำดัด ยิ่งสัมผัสยิ่งหลงใหล ยิ่งจมเขาสู่วังวนเสน่หายากจะต้านทาน
“อาเพลิง...” พิมพ์ดาวครางเสียงระโหยเมื่อเขาดูดรวบยอดอกอิ่มของเธออย่างหน่วงหนัก กายด้านบนหยัดขึ้นเสนอให้เขาด้วยความเสียวซ่าน เสียงครวญคร่ำร่ำร้องดูจะเป็นการเรียกร้องให้เพลิงตะวันยิ่งสัมผัสกับปทุมถันงดงามของสาวน้อยมากยิ่งขึ้นไปอีก
“พิมพ์ดาว...” เพลิงตะวันครางเรียกชื่อสาวน้อยด้วยความความต้องการที่อัดแน่นอยู่ในกายแกร่ง ร่างกายของสาวน้อยหอมหวาน กรุ่นกลิ่นจรุงจิต ไม่ว่าจะสัมผัสสูดดมไปตรงส่วนใดก็ทำให้หัวใจของเขาปรารถนามากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ความปรารถนาแห่งบุรุษคุโชนผงาดกล้าอยู่ตรงหน้าขาแกร่ง พิมพ์ดาวยังคงหลงมัวเมากับสัมผัสแสนวาบหวามของเขาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“อื้อ... อาเพลิง” กายสาวบิดเร่าด้วยความกระสันซ่าน ยิ่งเมื่อริมฝีปากเกลี่ยปลายลิ้นสากร้อนไปตามหน้าท้องเนียนละเอียด ยิ่งทำให้เธอแขม่วหน้าท้องอย่างรัญจวนใจ
เพลิงตะวันจ่อลิ้นกับสะดือบุ๋มน่ารัก พิมพ์ดาวดีดดิ้นไม่เป็นตัวของตัวเอง เธอรู้สึกทรมานแทบขาดใจ ลมหายใจเริ่มหอบโยนตามอารมณ์เสน่หาที่ได้รับ และเพียงแค่ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดที่เนินบุปผาชาติ ร่างเปลือยอ่อนหวานถึงกับแข็งทื่อด้วยความหวั่นไหวอย่างประหลาด
“อาเพลิง ตรงนั้น อื้อ...” พิมพ์ดาวจิกมือกับศีรษะของอาหนุ่ม ในขณะที่เธอทิ้งศีรษะกดลงกับหมอนแทบจมหายเมื่อเขาแยกขาเธอออกแล้วไซ้ปากเข้าไปลามเลียเนินสาวอันหอมกรุ่น
ลิ้นที่ไล้เลียประสานกับเสียงน้ำหวานที่ไหลรินรัญจวนใจและน่าอายนัก พิมพ์ดาวหน้าแดงจัด ผิวแก้มของเธอร้อนเห่อลามไปถึงใบหู ร่างกายของเธอก็เช่นกัน มันร้อนวูบวาบเหมือนคนกำลังจะเป็นไข้
“อาเพลิง หนูใจจะขาดแล้วค่ะ อย่าทรมานหนูอีกเลยนะคะ” พิมพ์ดาวเว้าวอนด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า ยิ่งเมื่อเขาลามเลียกลีบกายสาวหอมกรุ่นด้วยปลายลิ้นสากร้อนจนฉ่ำชื้น กลีบดอกไม้แสนสวยแรกแย้มที่ไม่เคยถูกภมรหนุ่มสัมผัสแตะต้องมาก่อนกำลังถูกคลี่ออกด้วยนิ้วแกร่ง ที่คอยเกลี่ยไล้สลับกับการดูดกลืนหยาดน้ำหวานไม่ยอมละห่าง เสียงร่ำร้องของพิมพ์ดาวยังดังต่อเนื่องทันทีที่นิ้วแกร่งค่อยๆ สอดแทรกเข้าสู่เรือนกายสาว เธอถอยสะโพกหนี รู้สึกถึงความอึดอัดเจ็บแปลบที่ฝังเข้ามาดังสิ่งแปลกปลอมที่ไม่คุ้นชิน
“เจ็บค่ะอาเพลิง หนูเจ็บ อ๊า...” เพลิงตะวันเลื่อนนิ้วแกร่งเข้าออกบางเบา เขากุมสะโพกงอนงามของสาวน้อยเอาไว้ ก่อนจะก้มใบหน้าลงแนบชิดตวัดไล้เลียกลีบกายสาวอย่างต่อเนื่อง เมื่อเขาไม่ขยับรุกเร้าเอาแต่ใจ แต่กลับปรนนิบัติให้เธอหลั่งรินหยาดน้ำหวานออกมาแทน
พิมพ์ดาวจึงทิ้งศีรษะลงบนหมอนใบโตอีกครั้ง เธอหอบหายใจร้อนแรงด้วยความรู้สึกทั้งเหนื่อย เสียวซ่านแปลกแยก หวั่นไหว หวาดกลัวและรัญจวน ความรู้สึกมากมายตีกันวุ่นวายไปหมดจนเธอไม่แน่ใจว่าความรู้สึกไหนมากกว่ากัน ความเจ็บแปลบที่ได้รับค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความซาบซ่านจนต้องเผยอริมฝีปากครวญครางออกมา ยิ่งหยาดน้ำหวานไหลซึมออกมามากเท่าไหร่ นิ้วของเขายิ่งแทรกสอดเข้าไปได้ล้ำลึกมากขึ้นไปอีก
เพลิงตะวันเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ใครๆ มักบอกว่าเด็กสาววัยขบเผาะนั้นหวานเลิศล้ำ ดั่งอาหารอันโอชะ คำพูดนั้นไม่ผิดไปเลยสักนิด เมื่อเขาได้เชยชิมพิมพ์ดาว
เขาไม่ใช่สุภาพบุรุษที่แสนดี ในเมื่อมีสาวน้อยมายั่วอารมณ์อยู่เช่นนี้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วเขาพร้อมยืดอกรับผิดชอบ เพราะเขาไม่ใช่พระอิฐพระปูน เป็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมีความต้องการทางเพศไม่แตกต่างไปจากคนอื่นๆ อีกเหตุผลหนึ่งคือการอยากครอบครอง เขาหวั่นว่าเธอจะทำตามที่ปากพูดจริงๆ ทำอย่างไม่ตรึกตรองหรืออยากประชด เขาคงทนไม่ได้ถ้าจะมีผู้ชายคนไหนมาทำแบบนี้กับร่างกายของเธอ ต้องเป็นเขาคนเดียวและคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำแบบนี้กับเธอได้
“อื้อ...” พิมพ์ดาวหยัดกายขึ้นรับนิ้วที่ถอดถอนออกในคราแรกก่อนจะผลักดันเข้ามาใหม่ในกายเธอ ความเจ็บตึงเสียวซ่านปนเปกันจนเธอต้องสะบัดหน้าไปมาบนหมอน เพื่อบรรเทาความรู้สึกอันล้ำลึกที่ไม่เคยพานพบมาก่อนจวบจนบัดนี้
“อาจะพยายามไม่ทำให้เธอเจ็บ เด็กน้อยแสนหวาน...” นับว่าเป็นประโยคไม่กี่ประโยคที่เพลิงตะวันเอ่ยออกมา น้ำเสียงของเขาปลอบประโลมและมุ่งมั่น
พิมพ์ดาวผงกศีรษะขึ้นมองสบสายตาอันร้อนแรงทรงเสน่ห์คู่นั้นอย่างเลื่อนลอย หยาดเหงื่อไหลโซมไปทั่วใบหน้าและเรือนร่าง ยิ่งเขาขยับนิ้วเข้าออกมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งไม่เป็นตัวของตัวเอง
“อาเพลิง หนู หนู” เธอไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกที่ได้รับว่าอย่างไรดี ยิ่งเมื่อเขาก้มลงดูดปุ่มเกสรนารีสีหวาน เธอยิ่งตัวสั่นระริก แทบจะขาดใจ ได้แต่ร้องครางสะท้านไปทั่วเตียงกว้าง หยัดกายร่อนสะโพกให้เขาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ก่อนจะได้ยินเสียงหวีดร้องที่ฟังแทบไม่ได้ศัพท์ และเธอเพิ่งค้นพบว่ามันเป็นเสียงของเธอเอง เสียงหอบของเธอฟังดูเหน็ดเหนื่อยรุนแรง