เจคอบ | EP.2
——————————
คนที่ปรับสายตาเข้าความมืดมาสักพักใหญ่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ค่อยๆ ก้าวเท้าไปหลบตรงมุมตู้เสื้อผ้าพลางมองคนที่เปิดประตูเข้ามาในห้องไม่วางตา
หญิงสาวตรงเข้ามาเอนตัวลงบนเตียงด้วยความเคยชินโดยไม่คิดจะเปิดไฟ และไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครอีกคนอยู่ในห้องนี้ด้วย
“พี่ลินด์นะพี่ลินด์ หลายวันแล้วนะเนี่ย ไหนบอกจะติดต่อมาไง”
สายตามองเพดานห้องพลางบ่นพูดถึงคนที่เคยพักอาศัยในห้องนี้ด้วยน้ำเสียงยืดยาว อาการมึนเมาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มันมากพอที่จะทำให้เธอตัวอ่อนหมดแรง แต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีสติตื่นรู้ใดๆ
มือเล็กควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายใบจิ๋ว เธอกะพริบตาปรับแสงจากหน้าจอมือถือแล้วกดโทรหาพี่สาวที่ขาดการติดต่อไปหลายวัน
“ติดต่อไม่ได้ เฮ้อ... พี่ลินด์ ฮึ่ย จะงอนแล้วนะ”
คนที่แอบมองอยู่ในซอกมุมของตู้เสื้อผ้านั้นได้แต่คิดในใจ ภายนอกดูอ่อนหวานสดใสน่ารักเหมือนพระอาทิตย์ยามเช้า แต่ข้างในคงแสบซนน่าดู
ซัมเมอร์เลื่อนหน้าจอมือถือซ้ำไปซ้ำมาด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนขึ้นได้ว่าตัวเองนั้นลืมทำงานที่จะต้องส่งอาจารย์ภายในพรุ่งนี้
“ลืมได้ไงเรา ซีน่าเตือนไว้แล้วแท้ๆ” เอ่ยถึงเพื่อนสาวที่ย้ำเตือนให้เธอรีบทำงานเมื่อกลับถึงบ้าน
โควตาการฝึกงานของบริษัทอาร์แอลในลอนดอนต้องเป็นของเธอ!...
ร่างอรชรรีบยันตัวลุกขึ้นทันที แทบจะสร่างเมาขึ้นทันตา รีบเดินออกจากห้องปิดประตูเสียงดังกลับเข้าไปในห้องของตนเอง
“ยัยเด็กดื้อเอ๊ย!...”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูเสียงดังสองครั้งติดกันคือห้องนี้และห้องข้างๆ
เจคอบนั่งลงบนเตียงที่เดียวกับซัมเมอร์นอนลงเมื่อสักครู่ กลิ่นหอมหวานของตัวเธอยังอยู่ซึ่งเป็นกลิ่นกับกลิ่นห้องของเธอ รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นเล็กน้อย รู้สึกมีแรงทำงานขึ้นกะทันหันก่อนจะสำรวจค้นของในห้องนั้นอีกครั้ง
มือใหญ่พิจารณาหน้าต่างในห้องนอนที่ค่อนข้างโทรมซ่อ หากเขาเปิดออกข้างห้องอาจจะได้ยินเสียงกุกกักเป็นแน่
“อย่าออกจากห้องตอนนี้แล้วกัน ยัยเด็กดื้อ”
เจคอบยืนนิ่งฟังเสียงก่อนจะมั่นใจแล้วค่อยๆ เปิดประตูออกไป เป็นจังหวะเวลาเดียวกันที่คนข้างห้องเปิดประตูออกมาพอดี แสงไฟสลัวที่ส่องจากข้างนอกเข้ามาทำให้สามารถมองเห็นได้ว่าในตอนนี้มีคนอื่นอยู่ในนี้ด้วยอีกคน จากที่ความเมายังหลงเหลืออยู่ ตอนนี้แทบหมดไปแล้ว
หญิงสาวตกใจตาโต ก้าวถอยหลังแทบยืนไม่อยู่เมื่อเห็นเงาคนตัวสูงอยู่ตรงหน้าและได้ยินเสียงถอนหายใจแรงราวกับหงุดหงิดก็ยิ่งทำให้เธอหวาดกลัวมากขึ้น ร่างเล็กตัวสั่นเทาภายใต้ความมืดเสียงอ้ำๆ อึ้งๆ ดังมาจากเธอเอง
กริก! ติ๊ดๆ เสียงปลดล็อกประตูจากชั้นล่างบ่งบอกว่าพ่อของเธอกลับมาแล้ว
“พ่อ!... อื้อ!....”
มือใหญ่แนบชิดปิดปากเล็กก่อนดันเธอชิดประตูแล้วเปิดเข้าไปในนั้นอย่างง่ายดาย ไม่ทันที่เธอจะได้เห็นหน้าผู้ชายคนนั้นและไม่ทันที่จะร้องให้พ่อได้ยิน เพราะเธอโดนกดหัวแนบอกและไฟในห้องก็ดับลง
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงตึกๆ จนอีกคนได้ยิน เธอพยายามขัดขืนตัวเองออกจากอ้อมกอดแข็งแรงนั้นให้ได้
“นิ่งแล้วอยู่เฉยๆ”
กอดแน่นขึ้นแล้วก้มเอ่ยกระซิบข้างหู กลิ่นกายสาวซึ่งเป็นกลิ่นแนวเดียวกับที่เขาชอบบวกกับร่างอรชรนุ่มนิ่มที่เขากำลังกอดอยู่ มันช่าง...
ยัยเด็กนี่ซ่อนรูปของจริง...
“ฮึก ปล่อย อย่าทำอะไรฉัน อย่าทำอะไรฉัน” เอ่ยบอกเสียงสั่นด้วยความกลัว มือไม้พยายามผลักออกเท่าที่จะทำได้
“ถ้ายังไม่หยุดฉันทำแน่”
กระตุกอ้อมแขนเป็นการเตือนแต่คนตัวล็กก็ยังดิ้นไม่หยุด เขาเลยเปลี่ยนจากกอดเป็นปิดปากเล็กแนบสนิทแล้วดันตัวเธอนอนลงบนเตียงตามขึ้นคร่อมทันที
“หยุดหรือไม่หยุด”
ใบหน้าใกล้กันจนเห็นดวงตาสวยมองเขาตาโต เธอพยายามดิ้นทั้งที่ขาสองข้างถูกขาเขาล็อกเอาไว้ พยายามผลักแขนดันแผงอกแกร่งอยู่อย่างนั้น
“..อื้อ อื้อ อ่อยอ๊ะ!” เสียงร้องอู้อี้ในลำคอ สายตาจ้องมองตาเขม็งอย่างไม่ยอม
“บอกให้นิ่งทำไมไม่ฟัง” มือข้างนึงปิดปาดเล็กกดลงจนเธอรู้สึกเจ็บ มืออีกข้างจับรวบสองข้อมือเล็กขึ้นเหนือศีรษะทำให้คนตัวเล็กไม่มีอะไรต่อสู้เขาได้อีก
“อื้อ...” เธอส่ายหน้าและพยักหน้าเป็นการยอมแพ้ สายตาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้นอยู่
“แน่ใจ”
หญิงสาวพยักหน้าตอบอีกครั้ง มือหนาจึงค่อยๆ ปล่อยออกช้าๆ
“ถ้าแหกปากร้อง ฉันแหกขาเธอแน่”
กลัวจนสั่นจึงได้แต่พยักหน้ารับคำ เม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่นไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกไปเด็ดขาด เธอรู้ความหมายว่าแหกขาแปลว่าอะไร
เธอโดนคร่อมในท่านี้มันคงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก...
“ดีมาก”
“คุณต้องการอะไรคะ” ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยถามเสียงเบา
“คุณลินด์ส่งฉันมา”
“พะ พี่ลินด์ คุณรู้จักพี่ลินด์เหรอ” ตาโตเมื่อได้ยินชื่อพี่สาว
“เจ้านายฉันเอง เธอบอกให้ฉันมาดูแลความปลอดภัยของน้องสาวอย่างเธอ”
“จริงเหรอ” เอ่ยถามและสายตายังบ่งบอกว่าเธอไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่คนตรงหน้าพูดเท่าไหร่
“ไม่เชื่อก็ตามใจ”
“แล้วทำไมถึงแอบเข้ามา แล้วยังทำแบบนี้เหมือนไม่อยากให้พ่อรู้” เธอมองดูสภาพตัวเองกับเขาในตอนนี้แล้วถามด้วยความสงสัย
“ถ้าพ่อเธอมาเห็นลูกสาวอยู่กับผู้ชายสองต่อสองในบ้านตอนกลางคืนดึกดื่นขนาดนี้... โดยเฉพาะท่าทางแบบนี้ เขาจะคิดยังไง”
“นี่ งั้นปล่อยนะ” ถึงจะไม่ใช่ความจริงแต่เธอก็ไม่อยากให้พ่อคิดแบบนั้น
“ห้ามบอกให้พ่อเธอรู้ ไม่งั้นฉันไม่รับรองความปลอดภัยของเธอ รวมถึงพ่อเธอด้วย”
“ทำไมพี่ลินด์ต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ”
“เพราะคนที่จ้องเล่นงานคุณลินด์มันจ้องจะทำร้ายคนรอบข้างของเธอ” เจคอบหรี่ตามองอย่างหยั่งเชิงกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดออกไป ถ้าเด็กคนนี้พอจะรู้เรื่องคุณลินด์เธอจะเงียบและคิดตาม
ซัมเมอร์เม้มปากแน่น นึกถึงพี่สาวที่บ่อยครั้งทำให้เธอคิดว่าพี่ลินด์กำลังหลบซ่อนใครอยู่และซองจดหมายพวกนั้นที่พี่ลินด์ได้ทิ้งไป เหมือนต้องการลบทุกอย่างแล้วหายไป
“รู้แล้วก็เงียบ”
“ในเมื่อพี่ลินด์สั่งคุณก็ทำตามสิ”
“ฉันมีสิทธิ์ว่าจะทำหรือไม่ทำก็ได้ เพราะฉะนั้น... นิ่งเข้าไว้...” เอ่ยบอกช้าๆ อย่างมีเลศนัย มือข้างที่เคยปิดปากเล็กเอาไว้ ตอนนี้แตะอยู่ริมฝีปากอวบอิ่มนุ่มนิ่มตรงหน้า
ดวงตาสวยเหลือบมองมือใหญ่ที่ไล้กรอบหน้าอย่างกลัวๆ ถึงจะเป็นคนของพี่ลินด์จริงๆ แต่การที่เขาเข้ามาแบบนี้และทำกับเธอแบบนี้มันทำให้เธอกลัว กลัวมากกว่าจะเชื่อสิ่งที่เขาพูดแต่ต้องยอมนิ่งตามน้ำไปก่อน
เจคอบยกยิ้มมุมปากเมื่อคนตัวเล็กใต้ร่างยอมนอนนิ่งๆ และไม่แหกปากร้อง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดหน้าต่างและหลบหนีออกไปทางนั้น
ซัมเมอร์อ้าปากเหวอกับความรวดเร็วเมื่อครู่ ก่อนจะรีบตามไปดูกไม่พบเขาแล้ว
“ไอ้บ้า สูงขนาดนี้กระโดดลงไปไม่ตายหรือไง”