ข้างนอกอุ่นใจ ข้างในซ่านทรวง

1398 Words
“แม่นางเถียน... เจ้าไม่สบายหรอกหรือ” ถึงอี้ฟานจะเป็นชายนิสัยแย่ อารมณ์ร้าย ทว่าพอเห็นไป๋ลู่เถียนแสดงสมบทบาทว่าไร้เรี่ยวแรง เขาจึงไม่อาจเพิกเฉย ซึ่งอีกฝ่ายเป็นชายสูงเพรียว ไม่ล่ำสัน แต่มีกล้ามเนื้อสมตัว และที่สำคัญแม้เขาจะเป็นตัวร้าย หากเป็นชายที่หล่อเหลาที่สุดในนิยายเรื่องนี้! “ที่นี่แดดแรง พักข้างในกันเถิด” นางเชิญชวนเขา พร้อมบีบท่อนแขนกำยำ บีบแล้วปล่อย แสดงอย่างแนบเนียนเหมือนคนกำลังเพ้อ และต้องการความช่วยเหลือจากบุรุษผู้นี้ “ชายหญิงไฉนจะอยู่กันเพียงลำพังได้” เขาถามน้ำเสียงแจ้งชัดว่ากำลังประหม่า ทั้งออกตัวว่าไม่อยากใกล้ชิดนางจนเกิดไป ซึ่งนางอยากหัวร่อนัก ยามนี้อี้ฟานยังคิดว่า ตนเป็นสุภาพบุรุษอีกหรือ อีกอย่าง เขาแค่มองนางที่เปลือกนอก นั่นเป็นเพราะนางมีผิวด่างขาว หากเป็นหญิงงามและสกุลสูงศักดิ์ อี้ฟานย่อมต้องรวบหัวรวบหางนางโดยเร็ว นอกจากนั้นการที่เขาหายไปในวันนัดพบกันที่หอเซียนเมารักนางรู้ว่า เขาได้จ้างสำนักข่าวสืบข้อมูลของไป๋ลู่เถียน กระทั่งมั่นใจว่า นางมิใช่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า อีกทั้งมีทรัพย์สมบัติมากพอจะทำให้อี้ฟานพลิกชะตาชีวิตอันบัดซบในยามนี้ของตนได้ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้เหอชิงนัดนางมายังสถานที่ห่างไกลผู้คน หนึ่งก็เพื่อตกลงเรื่องสำคัญ สองคือกักตัวนางไว้สักระยะหนึ่ง เพื่อไม่ให้ผู้ใดพบและไม่ให้นางส่งข่าวถึงเจิ้งเสี่ยวหยวน เพราะเขาล่วงรู้ว่า นางมาเมืองหลวงเพื่อทวงสัญญาหมั้นหมายกับบุรุษผู้นั้น “ขะ ข้า เหมือนจะเป็นลมจริง ๆ หน้ามืด แล้วยังอ่อนเพลีย” หญิงสาวย้ำอีกหน อี้ฟานถอนหายใจแรง ๆ ท่าทางเขาแปลก รังเกียจนางหรือ อาจเป็นไปได้ ทว่าหากคิดอีกมุม ดูเหมือนเขากำลังหักห้ามใจตน ด้วยอี้ฟานในชาติภพก่อน คือชายที่ลุ่มหลงนางร้ายอย่างไป๋ลู่เถียน และแย่งชิงนางมาจากเจิ้งเสี่ยวหยวน แล้วย่ำยีนาง ทำร้ายจิตใจจนเหมือนคนตายทั้งเป็น! “เช่นนั้นก็ปล่อยให้ข้าเป็นลมแดดอยู่เช่นนี้เถิด แล้วท่านจะไม่ได้รับสิ่งใด จากข้าเลย” นางเอ่ยน้ำเสียงสะบัด อี้ฟานฉุนเล็กน้อย กระนั้นก็แข็งใจยอมอุ้มนางแนบอก พาเข้าไปในเรือนหลังเล็ก ยามนั้นเสมือนสวรรค์เป็นใจเหลือเกิน เมื่อเข้ามาด้านในได้ เกิดเสียงลมกระโชก ก่อนจะตามด้วยเสียงฟ้าร้อง มินานสายฝนก็โปรยปรายลงมา อากาศข้างนอกชื้น ส่วนด้านในค่อนข้างเย็น อี้ฟานจึงจุดเทียนไข ก่อไฟกลางห้องโถงแล้วต้มน้ำอุ่นเตรียมชงชาให้หญิงสาว ภาพที่อี้ฟานขยับร่างกาย ทำสิ่งต่าง ๆ อย่างไม่คล่องแคล่ว กลับทำให้หัวใจของไป๋ลู่เถียนสั่นคลอน ด้วยความทรงจำเก่าก่อน เขาคือผีพนัน คนใจทราม และมักจะระบายอารมณ์กับนางอย่างหยาบคาย ยิ่งกว่านั้นยังปล่อยให้นางต้องรับมือฮูหยินหม้ายปัน รวมถึงอนุของเขาที่ผู้ใหญ่ส่งมารับใช้ ฝ่ายไป๋ลู่เถียนก็เป็นสตรีที่หัวใจ แหลกสลาย ด้วยนางโง่งม รักปักใจต่อเจิ้งเสี่ยวหยวนไม่เปลี่ยน...จวบจนสุดท้ายที่สิ้นลมหายใจในชาติภพก่อน “หากไม่ไหวก็อย่าฝืน นั่งพักสักหน่อย...” น้ำเสียงอี้ฟานปรับให้นุ่มน่าฟังและคอยชำเลืองมองนางเป็นระยะ ซึ่งไม่รู้ด้วยเหตุใด ภายในห้องที่ดูเหมือนจะเย็นกลับค่อย ๆ มีอุณหภูมิสูงขึ้น หรือเป็นได้ว่า สายตาคม ๆ ทอแสงอ่อนโยนถึงนาง รวมถึงรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่ประดับอยู่บน ริมฝีปากบางสีสด อี้ฟานถอดแบบมาจากปันเส้าเฟิงหลายส่วน ผู้เป็นบิดาสง่างามดุดัน ผิว สีน้ำตาลอ่อน ร่างกายหลายแห่งมีบาดแผลดูสมชายชาตรี แต่คนที่อยู่เบื้องหน้านางยามนี้ เป็นบุรุษที่อายุเพิ่งยี่สิบปี ใบหน้าละอ่อน ทั้งมีเค้าความเป็นเด็กน้อยเจืออยู่ “ดูเหมือนแม่นางเถียน ล่วงรู้ความต้องการของข้าบ้างแล้ว” อี้ฟานเป็นชายฉลาด เขาจึงเลือกถามอย่างตรงไปตรงมา คิ้วเรียวของไป๋ลู่เถียนเลิกสูง ดวงตากลมโตมองอีกฝ่ายด้วยความใคร่รู้ ก่อนถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ หากเจือความเย้ายวนกึ่งทีเล่นทีจริง “ความต้องการคุณชายฟาน หมายถึงเรื่องที่ดินของข้าในเมืองเจ้อตง หรือว่าเป็นร่างกายนี้...” เมื่อเอ่ยจบนางจึงดึงสายรัดเอวออก และขยับตัวสองสามหนจนสาบเสื้อแบะอ้า เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน มันคือบังทรง (เอี๊ยม) ที่ปกปิดหน้าอกอวบสวยซึ่งสองมือของชายหนุ่มแทบจะกอบกุมไม่มิด! ไป๋ลู่เถียนยังเคลื่อนไหวร่างกายอย่างคนเกียจคร้านอีกเล็กน้อย แล้วเอ่ยเสียงแห่บพร่าค่อนข้างเบาเพื่อให้เขาสนใจนาง “คุณชายฟาน...ชะ ช่วย ข้าได้หรือไม่ หยิบถุงหอมให้สักหน่อยเถิด” นางหมายถึงถุงหอมที่นำติดตัวมาด้วย มันอยู่ในถุงผ้าปักลายดอกท้อ ข้างในมีหลายสิ่งที่เตรียมไว้ใช้กับอี้ฟาน บ่อน้ำพุร้อนภายในอารามนอกเมือง ก่อนหน้านั้น เจิ้งเสี่ยวหยวนได้พบกับปันเส้าเฟิง อีกฝ่ายนับว่าเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ ที่ทำให้เขาไม่ก้าวหน้าในราชสำนักมาเป็นเวลาเกือบสามปี นับแต่ศึกษาทั้งเรื่องแผนที่ ฝึกตนในค่ายสกุลเจิ้ง รวมถึงเข้าสอบที่ศาลเมืองหลวง แรกเริ่มตั้งใจเป็นหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ทว่าเป็นปันเส้าเฟิงที่บอกแก่ฮองเต้ว่า เจิ้งเสี่ยวหยวนไม่เหมาะกับฝ่ายใน! กระนั้น ด้วยชายหนุ่มแซ่เจิ้งมีเจิ้งคังซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง ทั้งเป็นสหายของปันเส้าเฟิง ดังนั้นเขาจึงไม่อาจทำสิ่งใดขัดใจปันเส้าเฟิงได้ ต่อเมื่อรัชทายาทเห็นความสามารถเจิ้งเสี่ยวหยวน จึงเรียกตัวมารับใช้ด้านการวางแผน พร้อมดูแลศาลหลักเมืองหรูฉาง แต่อย่างที่กล่าวเมื่อครู่ ปันเส้าเฟิง คือผู้ที่ฮ่องเต้ไว้วางใจได้ยามนี้ เสียงของเขาแม้แต่มังกรแห่งแคว้นต้าโจวยังต้องหยุดฟัง ดังนั้นใครที่ใกล้ชิดเชื้อ พระวงศ์ย่อมไม่พ้นหูพ้นตาของปันเส้าเฟิงผู้นี้ การพบหน้าปันเส้าเฟิงจึงคล้ายกับมีหลายสิ่งที่ทำให้เจิ้งเสี่ยวหยวน ร้อน ๆ หนาว ๆ ประหนึ่งว่า ปันเส้าเฟิงรู้ความลับในอดีตของเจิ้งเสี่ยวหยวน และสิ่งนั้นก็คือชาติกำเนิดที่แท้จริง ด้วยนามเดิมของอีกฝ่ายคือ หลัวตี้...เป็นคนสกุลหลัว หาใช่ เจิ้ง อย่างที่ผู้อื่นเข้าใจ! เมื่อมีความเครียดสะสม เจิ้งเสี่ยวหยวนจึงมาแช่ตัวที่บ่อน้ำพุร้อน เขาอยากปลดปล่อยภาระที่หนักอึ้ง ที่เกิดขึ้นในทุก ๆ วันยิ่งทำให้เขาเหมือนถูก จองจำ ในขณะที่ปล่อยใจไปกับธรรมชาตินั้น เขาก็อดคิดถึงสตรีที่เดินทางมาจาก เมืองเจ้อตงไม่ได้ ภาพในช่วงที่เขาลี้ภัยสงคราม เจิ้งเสี่ยวหยวนอายุได้ราว ๆ สิบสอง สิบสามปี คนแรกที่หยิบยื่นอาหารให้เขากับมารดาคือไป๋ลู่เถียน ซึ่งนอกจากน้ำใจงามแล้ว เขายังรับรู้ได้ว่า นางพึงใจต่อเขา ทว่าสำหรับเขาแล้วไป๋ลู่เถียนอย่างไรก็เป็นเพียงน้องสาว และเขาไม่ได้คิดรังเกียจสตรีผู้นั้น แม้ยามนี้ดูเหมือนใบหน้านางจะมีสิ่งที่ผิดปกติสักหน่อย แต่นั่นยิ่งทำให้เขาเห็นใจนางมากขึ้น ‘ข้าไม่คิดเป็นอื่นต่อเจ้า และสัญญาหมั้นหมาย...หากกล่าวกันตามตรง ล้วนเป็นท่านปู่ของเจ้าที่เอ่อ...ทึกทักฝ่ายเดียว’ ‘ช่างน่าขายหน้าเหลือเกิน ใช่สิ ปู่ของข้าคงสติเลอะเลือน ส่วนท่านก็ความจำเสื่อมในตอนที่เกิดเหตุร้ายกับมารดา อย่างที่เคยได้ยิน เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน ข้าจึงไร้ความหมายในสายตาของท่าน!’ ไป๋ลู่เถียนกล่าว สีหน้าและน้ำเสียงนางราวกับมีดอาบยาพิษ ส่งผลให้ เจิ้งเสี่ยวหยวนแทบกระอักเลือดกองโต
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD