‘เห็นไหม ไม่มีใครถูกบังคับ แองจี้ก็มีความสุข คริสต์เองเขาก็มีความสุขและพอใจที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ มีแต่เธอเท่านั้นแหละที่คิดมาก’
‘นี่พี่กูร! เรื่องแบบนี้ เป็นใครก็คิดปะวะ’
‘เฮ้ย! ให้พูดเพราะๆ หน่อยได้ไหม วะกับพี่ได้ไง’
‘พี่ก็เฮ้ย! ใส่ไหมเหมือนกันแหละ’
‘โอเคโอเค ขี้เกียจเถียงด้วยล่ะ เข้าใจแล้วนะว่าทั้งสองคนเขาเต็มใจแต่งงานกันเอง ไม่ใช่ว่าครอบครัวใครบังคับเลย’
‘เข้าใจแล้ว ไหมจะกลับ หาคนไปส่งด้วย’
‘ไม่ใช่คน ไปส่งได้ไหม’
‘ก็ถ้าหมามันขับรถได้ พี่ก็ให้ไปส่งหน่อยแล้วกัน’
น้ำเสียงห้วนๆ กับคำร้ายๆ จากปากของใยไหม แทนที่เขาจะโกรธ กลับมีความรู้สึกสนุกและอยากเอาชนะมาแทนที่ จนเขาอยากปราบหล่อนสักที เพราะต้องยอมรับว่าผู้หญิงร้ายๆ ดื้อๆ แบบใยไหมมันเร้าอารมณ์ผู้ชายไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเขาที่ปกติก็จะมีแต่ผู้หญิงคอยทอดสะพานให้ แต่มาเจอสาวชักสะพานหนี ความรู้สึกอยากเอาชนะ อยากปราบพยศมันก็เกิดขึ้นเองโดยไม่รู้ตัว
‘คอยดูเถอะใยไหม ฉันจะทำให้เธอหายพยศให้ได้’
นั่นทำให้เขาเริ่มกลับมามองใยไหมในทางที่ดีขึ้น และดีขึ้นมากๆ เมื่อเห็นสายตาของใยไหมมองเขาในยามเผลอ แม้หล่อนจะปากเก่งแบบไม่ถดถอยเลยก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้จังหวะหัวใจของเขาเต้นรัวยามได้ต่อล้อต่อเถียง เพียงแต่เขายังไม่กล้ายอมรับว่าใช่ เพราะมันยอมรับได้ยากจริงๆ
จากเด็กสาวที่เขาเคยสนใจ กลับกลายเป็นตั้งแง่รังเกียจเมื่อหล่อนมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป
จากหญิงสาวที่เขาเคยคิดว่าเป็นทอม กลับกลายเป็นผู้หญิงที่ชอบแต่งตัวทะมัดทะแมงและแค่หวงเพื่อนสาว
และตอนนี้จากที่เขาปิดประตูตีตายไม่สนใจ เขากลับติดตามหล่อนมาจากงานเลี้ยงและนั่งเฝ้าอยู่แบบนี้
อังกูรยังคงมองตรงไปยังหญิงสาวที่ทำให้เขาสลัดไล่คราบทอมบอยออกไปจนหมด ถ้าไม่ติดว่าเขารู้จักใยไหมและมีเรื่องระหองระแหงกันมาตลอด เขาคงพุ่งไปสานสัมพันธ์ด้วยแน่
นึกไปถึงงานเลี้ยงฉลองสมรสของคริสต์และอรรัมภาตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงก่อนที่เขาจะตรงมาที่นี่ ใครจะคิดว่าเมื่อใยไหมแต่งตัวเป็นผู้หญิงพร้อมแต่งแต้มเครื่องสำอางบนใบหน้าอย่างประณีต จะทำให้หล่อนจะดูสวยและเป็นสาวสะพรั่งได้มากมายขนาดนี้ เรียกว่าสลัดคราบทอมบอยไม่หลงเหลือ
และไม่ใช่แค่เขาแน่ที่ตะลึงมอง แต่ยังมีเพื่อนๆ ของเขากับคริสต์ ลูกชายเพื่อนพ่อแม่ และก็บรรดาผู้ชายหลายๆ คนในงาน มีใครไม่มองบ้าง ที่เห็นก็ไม่มีเลย
และที่เกินคาดไปมากก็คือ ทรวดทรงองค์เอวที่อยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวตัวยาวกรอมเท้าสีฟ้าอมเทา ซึ่งเป็นเฉดสีของธีมงานแต่งงานในค่ำคืนนี้และเป็นชุดเพื่อนเจ้าสาว โดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจนั้นไม่ได้เล็กตามร่างกะทัดรัดเลยสักนิด มันกลับอวบอิ่มเต็มตึง อวดความเป็นของแท้แม่ให้มา จนเขาเผลอกำมือเข้าหากันจนได้
ในงานเขาก็เห็นว่าใยไหมปกติดี ยิ้มแย้มแจ่มใสดูแลอรรัมภาทุกอย่างจนถึงพิธีการส่งตัวเข้าหอ แต่พองานเลี้ยงเลิกรา หล่อนกลับไม่ได้กลับไปพร้อมกับ ‘อาเข้มและอาแพร’ พ่อแม่ของหล่อน
แล้วมันคงเป็นจังหวะนรก ที่เขาเห็นหล่อนขับรถออกมาจากโรงแรมคนเดียว
เวลานั้นเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่ถึงที่ขับรถตามหล่อนมาถึงที่บาร์แห่งนี้ ตอนแรกคิดว่าใยไหมคงนัดใครมาต่อกันที่นี่ ความรู้สึกร้ายๆ ที่มันบ่มเพาะและเกิดขึ้นทุกครั้งยามเห็นหน้าหล่อนก็ทำให้เขาตั้งใจมาซุ่มดู อยากจะเห็นนักว่าใบหน้าใสๆ นั้น จะมีความลับอะไรให้เขาไปแกล้งหล่อนได้บ้าง
เพราะถ้าเขารู้จุดอ่อน แผนปราบพยศผู้หญิงปากร้ายนิสัยดื้อแบบใยไหมจะสำเร็จได้โดยง่าย
หล่อนอาจจะนัดหนุ่มๆ มาดริ๊งก์กันต่อ หรืออาจจะมานั่งอ่อยเหยื่อรอใครสักคนก็ได้นี่
แต่จนแล้วจนรอดจนมาถึงตอนนี้ที่เขานั่งเฝ้าหล่อนมากว่า 1 ชั่วโมง ก็ยังไม่มีใครเข้ามา เห็นจะมีแต่ไอ้หนุ่มโต๊ะข้างๆ ที่เข้ามาใหม่ นั่งเหล่หล่อนไม่วางตา และมันก็มองจุดเดียวกันกับเขาเสียด้วย กิริยาแลบลิ้นเลียปาก มองปุ๊บก็รู้ปั๊บว่ามันอยากเลียอะไร
“ยายบ้าเอ๊ย! รู้บ้างไหม นมแทบจะหลุดมาทั้งยวงอยู่แล้ว”
อังกูรสบถอย่างขัดใจสุดๆ เพราะใยไหมที่นั่งง่อนแง่นแต่มือยังคว้าแก้วเหล้าสาดใส่ลำคอ ร่างงดงามนั้นไม่ได้สนใจกับหน้าอกที่เกยอยู่บนโต๊ะจนแทบจะล้นทะลักออกมาจากเกาะอกตัวจิ๋ว
เขาเห็นนะว่าไอ้หนุ่มนั่นกับพรรคพวกมันทั้งโต๊ะมองความขาวนวลเนียนไม่วางตา ก็คงเหมือนกับเขา เพียงแต่เขาอยู่ไกล แต่มันใกล้แค่ 2 ช่วงแขนน่ะสิ
“สวัสดีครับ ขอนั่งด้วยได้ไหม”
เสียงผู้ชายที่ดังอยู่ข้างตัวทำให้ใยไหมละสายตาจากแก้วเหล้าตรงหน้าแล้วหันมอง
ผู้ชายหน้าตี๋ตัวผอมบางร่างสะโอดสะอง ผิวดี ใบหน้าหล่อจัดตามแบบฉบับลูกคนมีเงิน คือสิ่งที่หล่อนเห็น แต่หล่อนไม่ชอบผู้ชายสไตล์นี้ ที่หล่อนชอบน่ะคือ ผู้ชายตัวสูงใหญ่ ผิวขาวอมชมพู ผมดำ คิ้วเข้ม ตาคม ใบหน้าดูหล่อจัด แต่บางเสี้ยวก็ดูสวยจนเกินกว่าผู้หญิง เรียกได้ว่าหน้าตาดีทั้งครอบครัวนั่นแหละ