ความสุขที่ไม่ถึงฝั่งฝัน

1543 Words
บนท้องถนนสายยาวแห่งหนึ่ง มียานพาหนะสี่ล้อคันหรูสีดำสนิทวิ่งฉิวเข้าไปในเส้นเลี่ยงเมือง โดยภายในรถมีชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลาซึ่งเป็นพ่อวัย40ปีต้นๆแต่ก็ยังคงความหล่อสมาร์ทเป็นคนขับรถ ข้างๆกายเขาเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้าสะสวยและดีกรีเป็นนางงามเก่าผู้ซึ่งเป็นแม่ และลูกชายของเขาอายุ12ขวบที่หน้าตาไม่ต้องถามถึงเพราะเขาถอดแบบพ่อของเขามาอย่างกับแกะ วันนี้เป็นวันหยุด ทั้ง3คนจึงเดินทางไปพักผ่อนหย่อนใจกันด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข ตามสัญญาที่ลูกชายของเขาได้เกรดเฉลี่ยสูงที่สุดในชั้นเรียน ผู้เป็นพ่อและแม่จึงตบรางวัลด้วยการพาเขามาเที่ยว "แม่ครับ ตฤณอยากให้พ่อกับแม่พามาเที่ยวทุกวันเลย ตฤณชอบให้พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันแบบนี้"ใบหน้าของเด็กน้อยดีใจและมีความสุขทุกครั้งที่รวมตัวกันแบบนี้ เพราะปกติ พ่อของเขาจะงานยุ่งมากปลีกตัวไปไหนก็ค่อนข้างลำบาก จึงไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตากันตามประสาครอบครัวทั่วไป จะมีก็แต่แม่พาไปเที่ยวบ้านญาติที่ต่างประเทศก็เท่านั้น บางครั้งพ่อของเขาก็ทะเราะกับแม่เพราะไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัว แต่เขาก็พยายามที่จะชดเชยให้หากมีโอกาส "คงไม่ได้หรอกตฤณ พ่องานยุ่งมากเลย แต่พ่อทำทุกวันนี้ก็เพื่อตัวตฤณเองนะ"คนเป็นพ่อหันมาตอบก่อนที่จะกลับไปสนใจท้องถนนตรงหน้าที่ค่อนข้างที่จะมืดและเปลี่ยวลับสายตาคนแถมเริ่มออกห่างจากตัวเมืองมาหลายกิโลแล้ว "งั้นตฤณจะกอบโกยเวลานี้ให้มากที่สุดเลย"ถึงแม้จะรู้ว่าพ่องานยุ่งแต่ก็พยายามเข้าใจเป็นอย่างดี กฤษณ์ตฤณ เป็นเด็กที่ฉลาด เชื่อฟังพ่อแม่ ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะทำให้พ่อแม่ผิดหวัง แต่แล้วโชคชะตาก็พรากความสุขจากพวกเขาไป ความสุขยังไม่ทันได้ถึงฝั่งฝันแต่ทันใดนั้นก็มีรถบรรทุกมุ่งตรงข้ามเลนมาปะทะเข้ากับรถของเขาอย่างจัง ปิ๊น ปิ๊น เอี๊ยดด โคร้ม เพล้ง! เสียงแตรดังสะนั่นลั่น รถคันงามถูกเบียดหมุนจนตกไล่ทางถนนพุ่งตรงเข้าต้นไม้ใหญ่อย่างจัง ผู้เป็นแม่เสียชีวิตคาที่ ส่วนผู้เป็นพ่อสลบไสลโดยไม่ได้สติ เด็กชายวัย12ขวบกระเด็นออกไปนอกรถกลิ้งออกห่างจากตัวรถพอสมควร สภาพรถยับเยินเกินกว่าจะมีชีวิตใดที่รอดไปได้ "เอ้ย มึงว่าพวกมันตายกันยังวะ"ชายหนุ่มคนขับวิ่งลงมาดูซากรถที่แทบจะไม่มีชิ้นดี พร้อมกับสอดส่องมองหาว่ามีใครรอดชีวิตอยู่บ้าง "กูว่าสภาพรถแบบนี้ไม่เหลือ"ชายหนุ่มอีกคนเอ่ย ทั้งคู่ปกปิดใบหน้าเอาไว้ทำให้ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าพวกเขาเป็นใคร "กูยิงซ้ำดีไหมวะ จะได้แน่ใจ"คนแรกเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกปืนที่ขึ้นนกเล็งเตรียมที่จะยิงซ้ำ แต่เพียงไม่นานก็มีรถอีกคันวิ่งตรงผ่านมา ด้วยกลัวความผิดจึงรีบวิ่งขึ้นไปบนรถบรรทุกแล้วขับหนีออกไปจากตรงนั้น อีกมุม... ภาพชายตรงหน้าสองคนที่เล็งปืนพร้อมจะยิงใส่ร่างไร้สติของผู้เป็นพ่อ หากแต่มีรถอีกคันวิ่งตรงมาพอดีเลยทำให้คนพวกนั้นไม่สามารถทำตามที่พูดไว้ได้ ก่อนที่สติของเขาจะดับวูบไปพร้อมกับภาพรอยสักรูปดาว5เเฉก3ดวงสีดำตรงข้อมือด้านซ้ายของชายคนหนึ่ง และพวกเขาไม่ทันสังเกตุเห็นว่ามีอีกคนที่อยู่ในกลุ่มหญ้าลับตาคนห่างจากรถยนต์ที่แทบไม่เหลือซากความเป็นรถให้เห็น 15 ปีต่อมา... "ฟินซ์ จะกลับเมืองไทยจริงๆหรอแม่ว่าอยู่นี่เถอะลูก"หญิงวัยทองกล่าวบอกลูกชายบุญธรรมสุดหล่อที่เดินลากกระเป๋าเตรียมกลับบ้านเกิดที่ห่างหายมานานกว่า15ปี "ครับแม่ ฟินซ์ต้องไปแล้วจริงๆ ขอไปจัดการเรื่องราวทั้งหมดก่อนแล้วผมจะกลับมาหาแม่นะครับ" "ฟินซ์ เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว แม่ว่าอย่าคาดแค้นเลย มันจะมีอะไรดีขึ้นลูก ถ้าพี่สากับคุณคมกริชรับรู้ได้ก็คงไม่อยากให้ฟินซ์ไปแก้แค้นเขาหรอก"เธอยังคงเกลี่ยกล่อมลูกชายบุญธรรมของเธอ ตลอดเวลาที่เขาอยู่ มีข่าวต่างๆและสัญนิฐานว่าคนร้ายก็คือคนที่มารับตำแหน่งแทนพ่อของเขา ความแค้นนั้นจึงเก็บงำเอาไว้ตลอดระยะเวลา15ปีที่เขาได้มาอยู่ในความดูแลของน้าและสามีชาวอเมริกา ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกันจึงรับให้เขามาเป็นลูกบุญธรรมโดยได้เปลี่ยนชื่อและนามสกุล เพื่อความปลอดภัยของเขาเอง เมื่อ15ปีก่อนวันทนาได้รับอีเมลจากหลานชายผู้ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของพี่สาวเธอ ว่ารถได้เกิดอุบัติเหตุทำให้พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตแต่สรุปได้ว่าสาเหตุการตายไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุเพราะผู้เห็นเหตุการณ์นั้นบอกว่าเห็นมือปืนจะยิงซ้ำแต่เพราะเห็นรถของเขาวิ่งตรงมาเลยหลบหนีไปจึงต้องสืบหาคนร้ายแต่ข่าวกลับสันนิษฐาว่าคนที่ได้รับผลประโยชน์อาจจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตายของพี่สาวและพี่เขย แต่ตำรวจกลับหาหลักฐานไม่ได้มีเพียงแค่หนังสือยินยอมมอบอำนาจของผู้ตายที่อนุมัติให้ขึ้นครองตำแหน่งแทนแต่บางกลุ่มก็ตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดทำไมผู้ถือตำแหน่งประธานบริษัทต่อจากเขาถึงไม่ใช่พี่ชายแต่กลับเป็นเพื่อนสนิทไปได้และยังไม่มีใครหาร่างของลูกชายที่ติดรถไปด้วยเจอ จึงเกิดข้อวิภาควิจารณ์ว่าเขาน่าจะกระเด็นตกเขาไปแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เรื่องนี้ดำเนินมาเนิ่นนานและหาความจริงจากเรื่องนี้ไม่ได้สักทีเขาจึงต้องรับตัวหลานชายมาอยู่ในความดูแลของเขา และเปลี่ยนชื่อนามสกุลเพื่อความปลอดภัยของหลานชายเธอ เนื่องจากวันทนาเป็นน้องสาวของวันวิสาและสนิทกันมากทำให้ลูกชายของวันวิสาสนิทและรักวันทนาเหมือนแม่ของเขาอีกคนหนึ่งเช่นกัน เมื่อรู้ข่าวว่าหลานของเธอกำลังมีอันตราย ระหว่างรอ กฤษณ์ตฤณจึงหาที่ซ่อนเพราะรู้ว่าการตายของพ่อแม่ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะอุบัติเหตุแต่เป็นการพยายามฆ่า แล้วเขาจำได้ดีว่าคนฆ่ามีลักษณะอย่างไร วันที่พ่อแม่เขาเสียไปต่อหน้าต่อตาภาพนั้นยังคงติดตราฝังใจจนทุกวันนี้ หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาเขาจึงรีบโบกรถไปพักที่บ้านพักต่างอากาศลับที่อยู่ห่างอีกไม่ไกลจากที่เขาอยู่ เขาพยายามหาทางติดต่อ และนึกถึงคำพูดของน้าหรือวันทนาว่าหากเดือดร้อนให้ติดต่อมา เขาจึงตัดสินใจติดต่อกลับไปแล้วใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้รอจนกว่าน้าจะมารับ วินาทีที่รู้ว่าพ่อแม่ได้จากโลกนี้ไปแล้วเขาไม่มีเวลามาเสียใจเหมือนคนอื่น เพราะเขาต้องเอาชีวิตรอด รอดเพื่อที่จะกลับมาสืบหาว่าใครคือฆาตกรตัวจริงกันแน่แต่เพียงไม่นานเขาก็คิดได้ว่าที่เขามาเที่ยวมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่รู้นั่นก็คือเพื่อนสนิทของพ่อและมันเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่เขาที่เป็นคนจ้างมือปืนมาฆ่า ตลอด15ปีเขาได้เก็บความแค้นนั้นเอาไว้ รอวันที่จะมาแก้แค้น และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่เขาร่ำเรียนจนจบปริญญาตรีบริหาร1ใบควบคู่กับปริญญาตรีเครื่องกล1ใบ และต่อด้วยปริญญาโทบริหารอีก1ใบ ระหว่างที่เรียนก็ฝึกงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับบริษัทอะไหล่รถยนต์ของจิม ไรเดอร์ผู้เป็นพ่อบุญธรรมของเขาและทำงานเอาใบรับรองอีก1ปีหลังเรียนจบ จนบัดนี้ได้เวลาอันสมควรแล้ว จึงเลือกที่จะกลับไปที่ไทยเพื่อสมัครงานเข้าไปทำงานที่บริษัทรถยนต์ของพ่อที่ตอนนี้มีผู้ดำรงตำแหน่งคือ 'เศรษฐา กีรติเวชานนท์' เป้าหมายของเขาที่ต้องไปแก้แค้น ต่อไปนี้กฤษณ์ตฤณคนนั้นจะไม่มีอีกแล้ว และมั่นใจแน่ๆว่าการศึกษาระดับนี้บริษัทนั้นจะไม่มีทางปฏิเสธเขาได้แน่นอน 'ตฤณ จำไว้นะว่าต่อไปนี้ไม่มีกฤษณ์ตฤณแล้ว เริ่มใหม่กันนะลูก ต่อไปนี้ชื่อของลูกคือฟินซ์ ไรเดอร์ เข้าใจไหม' เด็กน้อยพยักหน้าตอบรับทันทีก่อนจะสวมกอดน้าหรือแม่บุญธรรมอีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD