‘หายโกรธพี่ยังครับที่รัก’
พรีมนิ่วหน้ามองข้อความที่ส่งมาจากคน ๆ เดิมที่สร้างแผลใจให้ วันนี้มันกำลังกลัดหนอง ยิ่งเห็นข้อความจากคนนั้นทุกวัน มันยิ่งย้ำเตือนให้นึกถึงเรื่องราวในคืนนั้นขึ้นมา เธอรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งแม้จะผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วก็ตาม โปรดเริ่มส่งข้อความมาหาในช่วงสายของวันถัดมาจากคืนนั้น
‘ขอบใจสำหรับนาฬิกา พี่ชอบมากเลยครับ จะใส่ทุกวันเลย’
เขาแนบรูปถ่าย รูปข้อมือที่สวมนาฬิกาที่เธอซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ราคามันแพงเอาเรื่อง เธอต้องเก็บเงินอยู่หลายเดือน
‘พี่ขอโทษนะครับพรีม พี่ใช้อารมณ์กับเรา พี่ขึ้นเวรติดกันหลายวันเลยเหนื่อย’ เหนื่อยแบบไหนถึงได้มีแรงเล่นผีผ้าห่มกับเพื่อนในกลุ่ม
‘ยกโทษให้พี่ยังครับ คิดถึง อยากเห็นหน้าแล้ว’
‘คอลล์กัน’
‘คิดถึง’
‘หายโกรธพี่เถอะที่รัก’
และอีกหลายข้อความที่แสดงถึงความออดอ้อนวอนง้อขอคืนดี
“ไอ้พี่โปรดอีกล่ะสิ” เซียร์หนึ่งในเพื่อนสนิทละสายตาจากกระจกเงาหันมามอง
“อื้อ”
“แกน่าจะบล็อกแม่งไปเลย จะได้จบ ๆ ผู้ชายห่าอะไร” หมิงโยนชุดสวยที่เพิ่งหยิบออกมาจากตู้ลงบนเตียงข้างเพื่อนรัก
เพื่อนทั้งสองรับรู้เรื่องเฮงซวยพวกนั้นจากคำบอกเล่าของเธอเอง
“ฉันอยากรู้ว่าเขาจะแหลยังไงใส่ฉันอีก” แม้บอกตัวเองว่าจะตัดใจ จะเลิกเด็ดขาดไม่ติดต่อกับอีกฝ่ายอีก ส่วนลึกในใจพรีมยังอยากรับรู้ความเป็นไปของเขา เธอคบกับโปรดมาตั้งห้าปีไม่ใช่ห้าวันจะได้ลืมทันทีที่บอกจะลืม อย่างน้อยเธอก็ยังใจแข็งไม่ยอมคุยกับเขาจนทุกวันนี้
“ฉันเข้าใจแกนะเว้ย” หมิงเดินเข้ามากอดเพื่อนรัก ลูบหลังลูบไหล่ปลอบ ขณะที่เซียร์เองก็ลุกมาจับมือเพื่อน
ทั้งสามคนคบกันมาตั้งแต่ ม.1 รับรู้และเห็นเรื่องราวความรักของเพื่อนมาโดยตลอด
“ฉันไม่อยากให้แกมานั่งเศร้า ทั้งที่ไอ้บ้านั่นอาจกำลังกินตับสาวที่ไหนอีกก็ไม่รู้”
“นั่นดิ อย่างน้อย ๆ ก็มีนังนับดาวนั่นไงคนหนึ่ง พวกเขาอยู่ด้วยกัน กินกันมานานแค่ไหนแล้วไม่รู้ แกคิดว่ามันจะหยุดกันได้ง่าย ๆ เหรอวะพรีม”
“ฉันรู้” เพราะรู้เธอถึงได้พยายามตัดใจ
หลังจากนั่งคิดนอนคิดเรื่องของตัวเองมาหลายวัน พรีมสรุปว่า บางทีเธอกับโปรดคบกันมานาน เป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันจนเคยชิน ทำให้เขามองข้ามความรู้สึกของเธอไป ขณะที่เธอก็รับไม่ได้กับการกระทำของเขา ต่อให้โปรดเลิกเจ้าชู้เอาไปเรื่อย เธอยังไม่รู้ว่าจะไว้ใจเขาได้เหมือนเดิมหรือเปล่า เรื่องระหว่างเรามันถึงไปต่อไม่ได้
“คืนนี้ฉันไปเที่ยวกับพวกแกนะ”
“ได้เลยเพื่อนเลิฟ คืนนี้ไอ้หมิงมันนัดหนุ่มต่างมอมาด้วยนะ”
“นัดบอดที่พวกแกพูด ๆ กันน่ะนะ”
“อือ บางทีแกอาจจะเจอคนที่ใช่ก็ได้นะพรีม”
“ขนาดเจอตัวเป็น ๆ มาตั้งห้าปี ยังไม่ใช่เลย เจอคืนเดียวมันจะใช่เหรอ”
“อย่าไปซีเรียสแก แค่เที่ยวขำ ๆ ดีกว่านั่งเศร้าเพราะผู้ชายเฮงซวยพรรค์นั้นน่า”
“ปะ ฉันแต่งหน้าให้แกเอง”
พรีมถูกเซียร์ดึงไปหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง กดให้นั่ง ก่อนจะเริ่มวุ่นวายกับใบหน้า
“ฉันจะหาชุดแซ่บ ๆ ให้แกใส่” หมิงปลีกไปยังตู้เสื้อผ้า ค้นหาชุดแบบที่เจ้าตัวต้องการ
“เอาให้ผู้เห็นแล้วตะลึงเลยนะ”
การออกไปเปิดหูเปิดตาในโลกของแสงสีเสียงมันอาจจะทำให้เธอปล่อยวางเรื่องโปรดลงได้ง่าย ๆ ก็ได้ อย่างน้อยก็ได้ลืมเขาไปหนึ่งคืน พรีมคิด ที่สำคัญ เธออยากจะบอกให้ผู้ชายใจโลเลคนนั้นรู้ว่า ไม่มีเขา ใช่ว่าเธอจะไม่มีใครเอา
จากนั้น หนึ่งชั่วโมงต่อมา สามสาวเพื่อนซี้ก็ได้มาอยู่ในผับเดอะซิน ทันทีที่พรีมเห็นหน้าหนุ่ม ๆ ที่เพื่อนนัดมา เธอถึงกับอ้าปากหวอ
“นาย!”
“ยายผีหน้าขาว!”
“รู้จักกันด้วยเหรอ” หมิงหันไปถามเพื่อนรัก
“อือ เจอกันคืนนั้นแหละ”
“อย่าบอกนะว่าคนที่ช่วยเธอไว้คือโซ่” เซียร์อุทาน “ยังกะพรหมลิขิตแน่ะ”
“คืนนั้นเราเป็นคนไปส่งพรีมที่หอเอง อ้อ แนะนำตัวอีกทีนะ เราชื่อโซ่ นี่เพื่อนเรา ฟีม ลม”
เป็นครั้งแรกที่เพื่อนได้เจอสามสาว โซ่จึงเอ่ยปากแนะนำก่อน ส่วนตัวเขาเองเคยคุยแชตแค่กับหมิง คืนนี้ถึงฤกษ์งามยามดีนัดกันออกมาดื่ม เขาลากเพื่อนรักทั้งสองคนมาด้วย
“หวัดดีครับสาว ๆ” ฟีมยิ้มกริ่มแบบที่คิดว่าดูเท่สุด ๆ ให้สาวต่างมหา’ลัย “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
ขณะที่ลมเพียงพยักหน้าทักทายอย่างสุภาพ แล้วสนใจแก้วเหล้าที่เพื่อนชงให้ ยกขึ้นจิบด้วยท่าทางเคร่งขรึม
“งั้นเราแนะนำตัวอีกทีนะ เราชื่อหมิง เพื่อนเราเซียร์ พรีม” หมิงคุยแชตกับโซ่เท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอเพื่อนเขาเหมือนกัน
“หวัดดีค่ะ / ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน”